[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 60
Ch.60 – การเติบโตที่มากขึ้น
Provider : เก่งขึ้นซะงั้น
Chapter 14 : การเติบโตที่มากขึ้น
—มุมมองราอุส—
ในดินแดนอันว่างเปล่าแห่งหนึ่ง ผมอยู่ตัวคนเดียวเงียบๆขณะที่หลับตาลง
ในความคิดของผมตอนนี้คือการต่อสู้กับนกฟีนิกซ์เมื่อวาน
ต้องขอบคุณเควสนั่นทำให้ปาร์ตี้ของผมและซีคได้รับเงินจำนวนมหาศาล
แต่ยังไงก็ตามผมไม่ได้ยินดีกับเรื่องนั้นสักเท่าไร
เหตุผลก็คือการปรากฏตัวขึ้นของฟีนิกซ์กลายพันธุ์
ตอนนี้ผมสงบลงแล้ว ผมไม่เคยคิดเลยว่าเจ้านกฟีนิกซ์มันจะถึงขั้นกลายพันธุ์
แม้แต่ผมก็สามารถยืนยันได้ว่ามันไม่ได้แตกต่างจากก่อนกลายพันธุ์ มันแค่มุ่งเน้นไปที่การักษาตัวเองอย่างเต็มที่แม้จะอยู่ภายใต้การโจมตีของมันและบรรยากาศอันน่ากลัว แต่ผมก็รู้สึกว่ามันด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดหากเทียบกับไฮดร้า
…อย่างไรก็ตามมันกำลังจะกลายพันธุ์อย่างแน่นอน
การฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจากสถานการณ์เฉียดตาย
ลักษณะเช่นนั้นแหละคือเครื่องพิสูจน์ชั้นดี
นอกจากนี้มันยังเป็นมอนสเตอร์ที่มีความยากระดับสูงพิเศษและยังมีระดับการกลายพันธุ์ที่เข้าขั้นผิดปกติด้วยกันทั้งคู่ ความบังเอิญของไฮดร้านั่นคงไม่ใช่แค่บังเอิญ
ความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดกำลังเกิดขึ้นภายในเมืองเขาวงกตแห่งนี้
ตามที่ซีคเห็นการกลายพันธุ์ของเหล่ามอนสเตอร์จะถูกรายงานไปที่สำนักงานใหญ่ที่เมืองหลวง
ภายในไม่กี่วันเหล่าอาจารย์เองก็คงมาที่เมืองเขาวงกตอีกครั้งเพื่อตรวจสอบ
แต่ผมก็ไม่คิดว่ากิลด์เขาวงกตซึ่งเป็นศัตรูกับกิลด์ของทางเมืองหลวงจะปล่อยให้การตรวจสอบดำเนินไปอย่างเงียบๆแน่
…อาจเป็นไปได้ว่านับจากนี้เป็นต้นไปเมืองเขาวงกตจะมีความวุ่นวาย
ด้วยเหตุนี้ผมจึงเผลอยิ้มแหยๆออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผมสามารถจินตนาการถึงในอนาคตได้เลยว่าโดนเหล่าอาจารย์จิกหัวใช้แน่นอน
「ฮะฮะฮะ จะดีมากถ้าอาจารย์โรนัลโด้จะกลายมาเป็นคนหยุดอาจารย์(ราลม่า)……」
นอกจากนี้ผมยังบ่นพึมพำ
แต่ผมคิดเรื่องเช่นนั้นด้วยระยะเวลาสั้นๆ
「ฟู่วววววว…」
วินาทีต่อมาผมก็เปลี่ยนอารมณ์
หลังจากการปราบนกฟีนิกซ์ปัญหาต่างๆก็เกิดขึ้น
มันมีบางอย่างที่ดูยุ่งยากและรบกวนจิตใจของผมมาตลอดเวลา
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำที่สุดเกี่ยวกับการปราบนกฟีนิกซ์
ทันทีที่หลับตาลงผมก็นึกถึงภาพตอนที่ตัดหัวนกฟีนิกซ์ด้วยมีดสั้น
ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น
สิ่งที่ผมจดจำได้ไม่ใช่รูปลักษณ์ของนกฟีนิกซ์ แต่เป็นสภาพของผมก่อนที่จะทำเช่นนั้นต่างหาก
ผมนึกภาพสภาพของตัวเองในตอนนั้นพร้อมกับหลับตาลง
แสงสว่างที่ไม่ธรรมดาปรากฏขึ้นตามร่างกายผม พลังมันเอ่อล้นออกมา
——และความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ทลายกำแพงกั้น
「-!」
ในการสร้างภาพนั้นขึ้นมาผมใช้พลังเวทย์และคิเสริมพลังกายของผม
「…อย่างที่คิดจริงๆ…….」
ช่วงเวลาต่อมาที่ผมขยับร่างกายเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งก็บ่นอุบ
มันเป็นเพียงเสียงพูดกระซิบเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านขึ้นมา
แต่อย่างไรก็ตามความสุขและความตื่นเต้นก็ไม่สามารถซ่อนมันได้
「ในที่สุดผมก็ทลายกำแพงนั้นมาได้…」
กำแพงขนาดใหญ่ที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของผมมาตลอดหนึ่งปี
เมื่อพูดพึมพำเช่นนั้นความรู้สึกดีใจที่ทำลายกำแพงที่ขว้างกั้นได้ก็เอ่อล้นออกมา
รอยยิ้มลอยอยู่บนใบหน้าของผมซึ่งนั่นแสดงถึงความสุขที่ก่อตัวขึ้น
◇ ◆ ◇
ประมาณหนึ่งปีที่แล้วผมรู้สึกตระหนักได้ถึงขีดจำกัดของการเสริมพลังกายด้วยเวทย์และคิ
โดยธรรมชาติแล้วการเสริมพลังกายโดยใช้เวทย์และคิจะทำให้ภาระร่างกายหนักขึ้น
ตัวอย่างเช่นครั้งแรกที่ผมทำเช่นนั้นได้สำเร็จ กระดูกซี่โครงของผมมันก็หักราวกับเป็นข้อแลกเปลี่ยนในการเสริมแกร่งร่างกายเพียงไม่กี่สิบวิ
ถ้าผมจำไม่ได้เกี่ยวกับการเสริมแกร่งด้วยหินเวทย์รักษาแล้ว ผมคงเลิกฝึกไปเลยก็ได้
(TN:ระหว่างใช้เสริมแกร่งก็ใช้เวทย์รักษาไม่ได้ต้องใช้อย่างอื่นทดแทนกัน กระดูกหักอะไรก็ว่ากันไป ดังนั้นเลยใช้หินเวทย์รักษาตัวเองมาตลอดในการฝึก)
แต่แม้ว่ามันจะเป็นดาบสองคมแต่ความรู้สึกที่มีต่อมันก็คือความหวัง
นั่นคือเหตุผลที่ผมยอมเจ็บตัวและฝึกฝนมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในช่วงแรกๆผมบาดเจ็บก่อนที่จะได้สู้กับมอนสเตอร์เสียอีกแม้ว่าจะค่อยๆคุ้นเคยแล้วก็ตาม แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจากการเสริมแกร่งอยู่เสมอ
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ก็ยังฝึกฝนไม่ขาดสาย
…แต่วันหนึ่งที่เกือบตายในที่สุดผมก็รู้ซึ้งถึงขีดจำกัดของการใช้เสริมพลังกายด้วยเวทย์และคิ
ผมสามารถจะรักษาบาดแผลของร่างกายด้วยการใช้เวทย์รักษาได้และด้วยการใช้เสริมพลังกายบ่อยครั้งขึ้นก็ทำให้เป็นแผลน้อยลงด้วย
ยังไงก็ตามก็ไม่สามารถจะลบอาการบาดเจ็บจากการเสริมพลังกายได้อย่างเต็มที่
ยิ่งเสริมความแข็งแกร่งมากเท่าไรก็ยิ่งบาดเจ็บหนักขึ้นมากเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อพิจารณาถึงอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการเสริมพลังกายแล้วมันเป็นเทคนิคชั่วคราวสำหรับคนที่สิ้นหวังอย่างผม
ผมไม่สามารถฝึกฝนการเสริมพลังกายด้วยเวทย์และคิเกินลิมิตที่จำกัดไว้ได้
หากทำมันเกินกว่าที่จำกัดไว้ก็เปรียบเสมือนการฆ่าตัวตาย
นั่นละคือความสามารถในการเสริมพลังกายด้วยเวทย์และคิ
กำแพงใหญ่ที่ไม่เคยสามารถทำลายได้
「-!」
แต่ตอนนี้เองผมก้าวข้ามขีดจำกัดของกำแพงนั้นมาแล้ว
นี่เป็นหนึ่งในประเภทที่ผมได้เรียนรู้จากโรนัลโด้ซัง ผมเชื่อมั่นในการเสริมพลังกายของผม
ความยากลำบากในการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำในขณะที่เสริมพลังกายนั้นแทบไม่ต่างจากแต่ก่อนเลย
แต่ถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดที่เคยแล่นอยู่ทั่วร่างเพียงเพราะเสริมพลังกายมันก็หายไปแล้ว
แต่มันก็ใช่ว่าจะหายไปโดยสมบูรณ์
ความเจ็บปวดจะแล่นเข้ามาทันทีหากผมไม่ตั้งสติเอาไว้
อย่างไรก็ตามมันแทบจะแตกต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง
นั่นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียว
จนถึงตอนนี้การเคลื่อนไหวของผมหลังจากเสริมแกร่งแล้วค่อนข้างทื่อเลย
แต่ว่าตอนนี้ร่างกายไม่ได้รู้สึกหนักอึ้งเรียกได้ว่าเบาหวิว
ในกรณีนี้ผมสามารถต่อสู้โดยเริ่มเปิดใช้เสริมพลังกายได้ตั้งแต่ต้นเลย
บางทีจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงก็คงจะมาจากการจัดการไฮดร้าได้
และหลังจากนั้นมันก็ตื่นขึ้นมาหลังจากที่สู้กับนกฟีนิกซ์
ผมคิดว่าการเกิดขึ้นของมอนสเตอร์ที่มีระดับความยากพิเศษจะนำมาซึ่งหายนะ แต่เห็นได้ชัดว่ามันนำพาพลังเหล่านี้มาให้ผม
เมื่อคิดได้เช่นนั้นรอยยิ้มของผมก็กว้างขึ้น
ด้วยเรื่องแบบนี้ผมก็จะแข็งแกร่งขึ้น
จากนั้น………
หลังจากดำดิ่งลงไปในสู่ช่วงความสุข ผมก็อยากจะฝึกต่อแต่ว่าก็ต้องหยุดลงพร้อมกับส่ายหัว
ผมเสียสมาธิและแม้อยากจะฝึก แต่ตอนนี้ผมต้องไปที่เมือง
ถ้าเป็นไปได้แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ผมก็อยากเห็นการเติบโตของตัวเอง แต่เอาจริงๆแล้วก็อยากจะพบเจอคนในเมืองด้วย
ในขณะที่ผมคิดอย่างนั้นผมก็เดินเข้าไปในเมืองขณะที่มองไปที่ดินแดนอันว่างเปล่านั้นด้วยความเสียใจเล็กน้อย
「ในที่สุดก็เจอแกจนได้.」
…แต่วินาทีต่อมาผมก็ต้องหยุดลงต่อร่างที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพร้อมกับคำพูดเหล่านั้น
「ไอ้ตัวที่มีข้อบกพร่องเฮงซวยแบบแกนั้น วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แกจะมีสีหน้าเช่นนั้นเว้ย」
เขาจ้องมองมาที่ผมในขณะที่แสดงความเกลียดชังออกมา นั่นเป็นหนึ่งในนักผจญภัยชั้นนำที่เคยเล่นลิ้นกับพวกผมกับนาร์เซน่าก่อนหน้านี้