[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 54
Ch.54 – การประชุมก่อนการปราบปราม
Provider : ต่างคนต่างงง
Chapter 8 :การประชุมก่อนการปราบปราม
—ุมุมมองราอุส—
บ่ายวันรุ่งขึ้น ผมมุ่งหน้าไปยังคาเฟ่ที่ซีคเลือกเป็นสถานที่สำหรับการปรึกษาเกี่ยวกับการต่อสู้กับนกฟีนิกซ์
……แต่แม้ว่านี่จะเป็นสนทนาที่สำคัญ แต่ผมก็เดินออกไปด้วยอารมณ์เคร่งเครียด
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่เหล่านักผจญภัยมารับใช้ชาวเมืองด้วยความสมัครใจ ทำให้ผมเหนื่อยมาก
ตอนแรก เอกสารสำหรับการนำวัตถุดิบของนักผจญภัยนั้นความจริงพวกนั้นไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไรเลย นั้นหมายความว่าผมต้องเป็นคนเขียนเรื่องแทนเหล่านักผจญภัยทั้งหลายเหล่านั้น
นอกจากนี้ก็ยังต้องทำงานอย่างหนัก แต่ปัญหาไม่ได้หมดแค่นั้นนะสิ
ความสัมพันธ์ระหว่างนักผจญภัยและชาวเมืองแย่มากๆ
นักผจญภัยส่วนมากเคยละทิ้งชาวเมืองและนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวเมืองรังเกียจพวกเขา
ในสถานการณ์เช่นนี้แม้ว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น แต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงเดิม
เมื่อวานตอนที่อยู่คนเดียว ผมเกือบฆ่านักผจญภัยไปสี่คนเพราะพวกนั้นไปไล่จีบสาวชาวเมือง พวกนั้นไปทำให้พวกเธอไม่สบายใจ
……กี่ครั้งแล้วที่ผมเกือบจะถอนคำพูดที่จะไม่ฆ่า ก็อุตสาห์บอกไว้แล้วสำหรับคนที่ไม่สมัครใจก็ไม่ต้องมาทำงานนี้
แต่ท้ายที่สุดผมก็ยังใช้งานบริการของเหล่านักผจญภัยที่สมัครใจมาทำอย่างต่อเนื่องวัตถุดิบหมุนเวียนนั้นเหลือน้อยจนต้องมาใช้พวกเขา
จากการพูดคุยกับแมรี่ซังดูเหมือนว่าราคาวัตถุดิบกำลังพุ่งขึ้นไปอีก
เพราะเช่นนั้นเอง แม้จะอาศัยอยู่ในเมืองเขาวงกตเป็นเวลาหลายปี แต่บางคนก็ออกจากเมืองไปและถ้าหากนักผจญภัยไม่ยอมปล่อยวัตถุดิบให้เหล่าชาวเมืองละก็ แมรี่ซังเองก็คงจะออกจากเมืองเขาวงกตเช่นกัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผมก็ไม่รู้เลยว่ากิลด์คิดอะไรอยู่กันแน่
ไม่ว่าในกรณีไหนถ้าสิ่งนี้ยังดำเนินต่อไปแมรี่ซังและคนอื่นๆจะต้องเจอกับความยากลำบากแน่นอน
นอกจากนี้พวกนักผจญภัยระดับสูงของกิลด์เองก็มีปัญหาเช่นกัน
ครั้งนี้ผมก็แสดงพลังของผมให้เป็นที่ประจักษ์กับเหล่านักผจญภัยเจ้าปัญหาและพวกนั้นก็หันมายอมทำงานให้กับผม
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าโอกาสที่พวกเขาจะก่อปัญหาจะเป็นศูนย์เลยทีเดียว
「เฮ้ออออออ…」
เมื่อเห็นคำตอบของปัญหาผมก็ถอนหายใจ
ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าควรทำยังไง
รู้ว่าปัญหานี้มันปล่อยไว้ไม่ได้ แต่การทำคนเดียวเช่นนี้มันก็หนักหนาเหมือนกัน
「……พี่ชาย ไหวไหมคะเนี่ย?」
เมื่อได้ยินเสียงของเธอผมก็หยุดคิดทันที
เมื่อหันไปมองด้านข้างก็พบกับนาร์เซน่าที่จ้องมองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วง
ดูเหมือนว่าจะกังวลอยู่ เธอก็พูดต่อ
「ถ้าพี่ชายรู้สึกไม่ดีละก็ พักผ่อนสักหน่อยไหมคะ……」
คำพูดของเธอทำให้ผมสงสัยว่านี่ผมดูเหนื่อยขนาดนั้นจริงๆเหรอ แล้วผมก็ขำแห้งๆออกมา
แน่นอน ผมเหนื่อยมากๆเพราะเอกสารเมื่อวานนี้และอีกปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้
แม้แต่ตอนเช้าผมยังไม่มีเวลามาส่องตัวเองเลย ดังนั้นผมจึงไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองเหนื่อยล้ามากแค่ไหน
「อืมม ไม่เป็นไรหรอกวันนี้แค่วันนัดคุยเองนี่ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ」
「……อย่าหักโหมมากเกินไป เข้าใจไหมค่ะ?」
「ครับ ครับเข้าใจแล้ว」
ผมไม่คิดจะพลาดการประชุมในครั้งนี้ไปหรอกนะ
ผมเหนื่อยมากก็จริงแต่นี่เป็นความเหนื่อยล้าทางจิตใจเป็นหลัก
ผมอยากจะเข้าไปร่วมการประชุมปราบนกฟีนิกซ์นี่
ความสามารถของนาร์เซน่าสูงกว่าผมมาก ความคิดเองก็เช่นกัน
แต่เธอขาดประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับมอนสเตอร์และบางครั้งเธอก็ใช้อารมณ์เข้าว่า
นอกเหนือจากเควสอื่นๆแล้ว เควสที่มีความยากสูงมากเช่นนกฟีนิกซ์ควรจะมาพร้อมกับประสบการณ์มากกว่านี้
「มองเห็นแล้วนะ!」
ขณะที่คิดเช่นนั้น ก็มาถึงสถานที่นัดพบ
เมื่อเห็นคาเฟ่แล้วก็เริ่มกลับมาโฟกัสที่ตัวเองอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ลืมเรื่องเหล่านักผจญภัยกับกิลด์ไปก่อนและมุ่งเน้นไปที่การปราบนกฟีนิกซ์
เมื่อปรับอารมณ์ได้แล้วผมก็รีบเร่งฝีเท้าขณะมุ่งหน้าไปยังคาเฟ่
◇ ◆ ◇
เมื่อพวกเรามาถึงก็เห็นปาร์ตี้ของซีคมารออยู่ก่อนแล้ว
ปาร์ตี้ของซีคประกอบไปด้วยเขาและผู้หญิงอีกสองคน
「เอ่อ ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อวานนะ」
「ไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้มาโฟกัสเรื่องปราบนกฟีนิกซ์กันดีกว่า」
「อะอืม!」
ในหมู่พวกเขาก็มีอาร์เมีย เมื่อเธอเห็นนาร์เซน่าก็ก้มหัวให้ ผมเองก็ยิ้มโดยไม่ตั้งใจเหมือนกัน
「อะอืมมมมม ราอุสซัง」
「………หืมมม?」
……แต่หลังจากคุยกับนาร์เซน่าแล้วอาร์เมียก็หันหน้ามาหาผม ผมไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรทำได้แต่อึ้งไปชั่วขณะ
「ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ!」
「หือออ?」
โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของผม อาร์เมียก้มหัวให้พร้อมกับเอาบางสิ่งมาให้ผม
สิ่งที่อาร์เมียยื่นมาคือถุงหนังที่มีเงินเต็มไปหมด
「อ่าาา ผมจะยอมรับคำขอโทษของเธอและค่าตอบแทนนี่ด้วยละกันนะ」
ตอนนั้นผมเข้าใจว่าอาร์เมียขอโทษผมผมก็รีบยื่นมือออกไป
「ตอนนี้ฉันมีแค่นี้ แต่ฉันจะตอบแทนทุกอย่างคืนอย่างแน่นอนค่ะ ฉันขอโทษจริงๆที่ปฏิบัติตัวไม่ดีต่อคุณมาโดยตลอดคะ」
หลังจากผมรับถุงหนังมาแล้วอาร์เมียก็เงยหน้าขึ้นมาสักครู่แล้วก็ก้มหัวลงอีกครั้ง
「อืมมม ผมเข้าใจแล้ว……?」
ผมไม่สามารถซ่อนความสับสนเมื่อเห็นอาร์เมียเช่นนี้
เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเหล่านักผจญภัยในเมืองเขาวงกตมันดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าอาร์เมียเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ในการพบเจอครั้งสุดท้ายผมไม่ได้สังเกตเห็น เพราะเธอเป็นคนเจ้าระเบียบ แต่บุคลิกของเธอในตอนนี้นั้นต่างออกไปสิ้นเชิง
「เอาล่ะ มาคุยเกี่ยวกับเรื่องฟีนิกซ์กันดีกว่า.」
ในขณะนั้นเองที่ผมกำลังหวั่นไหวจากการเปลี่ยนท่าที แต่น้ำเสียงของซีคก็ทำให้ผมสงบลง
เรามาที่นี่เพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องนกฟีนิกซ์ไม่ใช่มาเพื่ออวดที่อาร์เมียเปลี่ยนไป
ผมบอกตัวเองเช่นนั้นพร้อมกับเก็บความคิดบ้าๆลงไปในใจและนั่งลง
「เอาล่ะ ถ้างั้นมาเริ่มกันเลยมะ?」
เพื่อถามให้แน่ใจ หลังจากผมนั่งลงแล้วซีคก็พยักหน้าและพูดเช่นนั้น
จากนั้นการพูดคุยจึงเริ่มขึ้นโดยมีซีคเป็นคนคอยต่อบทสนทนา
เนื้อหาเกี่ยวกับนกฟีนิกซ์แต่โดยพื้นฐานแล้วมันเกี่ยวกับการจัดการเกราะเปลวเพลิงของมันต่างหาก
เกราะเปลวเพลิง เกราะที่ห่อหุ้มร่างกายของนกฟีนิกซ์เอาไว้
เปลวไฟที่ครอบคลุมทั่วทั้งร่างกายเปรียบได้ดั่งเกราะที่ห่อหุ้มไว้
และเกราะเพลิงนั่นก็ยังได้รับการบอกต่อกันว่ามันเป็นปัญหามากที่สุด
ไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ นกฟีนิกซ์มีความสามารถทางกายภาพต่ำ
มันสามารถใช้เวทย์ได้เท่ากับเหล่านักเวทย์ระดับสูง แต่เนื่องจากการโจมตีเป็นระยะไกลการเคลื่อนไหวของมันจะทื่อลงหากเราเข้าใกล้มันได้
อย่างไรก็ตามสำหรับเจ้านกฟีนิกซ์แล้วได้ชื่อเล่นว่านักฆ่านักรบแนวหน้า
เหตุผลก็เพราะเกราะเพลิง
เกราะที่มีความร้อนสูงมากจนไม่มีมนุษย์คนไหนทนได้
อาวุธทั้งหมดแทบจะไร้ค่าหลังจากโจมตีไปได้เพียงแค่หนึ่งถึงสองที
ไม่มีใครแม้แต่จะโจมตีด้วยอาวุธครึ่งๆกลางๆแต่แรกอยู่แล้ว
……ต่อหน้าเกราะเพลิงอาจจะคิดได้ว่าผมและนาร์เซน่าไร้ประโยชน์ไปเลย
แม้ว่านาร์เซน่าจะใส่ถุงมือกันธาตุไฟและผมที่ต้องสู้ด้วยดาบใหญ่ก็อาจจะตีเข้าได้แค่ 1-2ทีเท่านั้นเอง
ถ้าเป็นดาบเวทย์ของซีคมันอาจจะทำลายเกราะเพลิงได้ แต่ไม่มีทางที่ซีคจะเอาชนะมันได้ด้วยตัวคนเดียว
กล่าวอีกนัยหนึ่งวิธีการทั่วไปในการสู้กับฟีนิกซ์นั้นขึ้นอยู่กับนักเวทย์ของเราซึ่งนั่นคืออาร์เมีย
แต่ว่าสำหรับนักเวทย์การจะสร้างความเสียหายให้กับนกฟีนิกซ์ไม่ใช่เรื่องง่าย
นกฟีนิกซ์มันไวต่อเวทย์
ตั้งแต่ที่นักเวทย์ร่ายเวทย์นกฟีนิกซ์มันก็จะเปลี่ยนเป้าไปเล็งนักเวทย์ทันที
หากปล่อยการโจมตีระยะไกลกองหน้าอย่างพวกเราก็รับมือไม่ได้ไม่เหมือนกับไฮดร้า
ลักษณะเหล่านั้นเองที่ทำให้นกฟีนิกซ์นั้นดูบางกว่ามอนตัวอื่นๆแต่เป็นตัวที่สร้างปัญหาและความยากลำบากมากกว่าแทน
นั่นคือเหตุผลที่ผมและนาร์เซน่าต้องต่อสู้โดยใช้อาวุธจำนวนมากและใช้มันในลักษณะที่ว่าใช้แล้วทิ้งเลย
จริงๆแล้วการเข้ามาของปาร์ตี้ซีคเองก็ทำให้เรามีนักเวทย์มาช่วยทุนแรง แต่คนก็น้อยเกินไป
เมื่อพิจารณาว่าหากมีคนมากกว่า12คนในกลุ่มปราบนกฟีนิกซ์ด้วยกำลังอาจจะดีกว่ามาใช้นักเวทย์อย่างอาร์เมียสู้ในตอนนี้
ผมมีความคิดเช่นนั้นในขณะที่เราแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับเควสของเรา
「หากเป็นเวทย์ของอาร์เมียเธอสามารถทะลายเกราะเพลิงของฟีนิกซ์ได้โดยไม่ต้องร่ายเลย…」
「หาาาาาา-!」
———อย่างไรก็ตามคำพูดของซีคนั้นทำให้ผมตกใจอย่างมาก
ถ้าพวกเราลบเกราะมันได้ ฟีนิกซ์มันก็ไม่ต่างอะไรจากนกยักษ์ธรรมดาเองนะ
「ในการปลดปล่อยเวทย์ถอดเกราะของนกฟีนิกซ์ได้โดยไม่ต้องร่ายแล้ว แม้แต่อาร์เมียที่มีสกิลเสริมเวทย์ธาตุน้ำก็ต้องใช้เวลาและสมาธิอย่างมาก และหากฟีนิกซ์ยิงลูกไฟมาก็จบกัน」
「ถ้าเป็นแบบนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ.」
「……หืออ?」
ฉันที่คิดได้แบบนั้นก็พูดสิ่งที่คิดไว้ต่อหน้าซีคที่กำลังทำสีหน้าไม่สบายใจ
「ผมสามารถล่อเจ้านกฟีนิกซ์นั่นได้สักพักนึงเลยละครับ」
「…หาาาา?」
ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากจะเชื่อคำพูดของผม ทำได้แต่อ้าปากค้าง
แต่หลังจากที่มองไปแล้วนาร์เซน่ากับอาร์เมียก็พยักหน้าให้กับคำพูดของผมราวกับเป็นการยืนยัน จากนั้นเขาก็เริ่มจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด
「อย่างที่คิดเลยคนที่ปราบไฮดร้าต้องไม่ธรรมดา…」
วินาทีต่อมาการแสดงออกของซีคก็เปลี่ยนจากตกใจเป็นรอยยิ้มที่ดูเหี้ยมๆให้เห็น
「ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราสามารถปราบมันทิ้งได้เลย」
คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขซึ่งไร้การปิดบัง
ดีเลย์ 1 ตอนจากเว็บนายท่าน