[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 52
Ch.52 – ความเศร้าโศกของอาร์เมีย
Provider : อาร์เมียเธอทำฉันหลอน
Chapter 6 :ความเศร้าโศกของอาร์เมีย
—มุมมองอาร์เมีย—
「แฮ่ก แฮ่ก ทะ-ทำไมฉันถึงทำแบบนั้นละเนี่ย…」
ไม่กี่นาทีหลังจากที่กระวนกระวายใจก็เผลอวิ่งหนีราอุสมาด้วยความตกใจที่เขาอยู่กับซีค ฉันวิ่งเข้าไปลึกยังในเมือง
เพราะวิ่งมาที่นี่ด้วยความเร็วเต็มที่ฉันเลยหายใจไม่ค่อยออกและคนรอบข้างกำลังมองมาทางนี้ด้วยความสงสัย
แต่ว่าฉันไม่มีเวลามาสนพวกนั้นหรอก
อาจจะเป็นเพราะว่าขาดออกซิเจน แต่สิ่งแรกที่อยู่ในใจคือเหตุการณ์ที่ได้พบกับราอุสก่อนหน้านี้
เขาคือ…คนที่ฉันโหยหา
ไม่มีอะไรมาก แต่หลังจากที่ฉันไปเขาวงกตกับซีคและไลลาฉันก็พอมีเงินเก็บบ้าง
ตั้งแต่นั้นมาฉันก็พยายามตามหาราอุส
แน่นอนว่ามันเป็นการมอบทุกสิ่งที่ฉันมีอยู่ให้กับเขา
แต่การพบกันกระทันหันแบบนั้นทำให้ฉันเผลอตกใจเข้า
เมื่อฉันได้พบกับราอุส ภาพเหล่านั้นก็คอยเข้ามาในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันควรจะไปขอโทษเขาและพยายามชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไป ถึงอย่างงั้นการเจอกันกระทันหันแบบนั้นมันก็นะ น่าอายหน่อยๆ
………และฉันเองก็รีบวิ่งแจ้นออกมาเลย
ถ้าตั้งแต่แรกฉันรู้ว่าราอุสอยู่ตรงนั้นก็คงจะไม่ตื่นตระหนกแบบนี้เลย
ในตอนนั้นเพราะฉันสนใจซีคมากเกินไปเพราะโกรธเขามากที่บอกว่าฉันจะไม่ได้ทำเควสปราบนกฟีนิกซ์นั่น
การไม่นำกองหลังไปสู้กับนกฟีนิกซ์มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
「…ทำไม ทำไมฉันถึงทำแบบนั้นกันละเนี่ย…」
……อย่างไรก็ตามตอนนี้รู้สึกเสียใจที่แสดงอารมณ์ออกไปเช่นนั้น
ตอนนี้ฉันไม่โกรธซีคแล้วล่ะ
มันเป็นเพียงแค่ว่ามันต้องรู้สึกแบบนั้นเท่านั้นเอง
「ทำไงดี ทำยังไงดีเนี่ย-」
แล้วความเสียใจก็กลายเป็นความหงุดหงิดฉันบ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว
การชดใช้รวมถึงขอโทษให้กับราอุสนั้นสำคัญที่สุด
อย่างไรก็ตามการที่ปล่อยตัวเองไปตามอามรมณ์แบบนี้ก็เป็นเรื่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง
「…ไม่อยากจะเฟลไปมากกว่านี้แล้ว」
และในขณะที่เก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ฉันก็บ่นเช่นนั้น
บางทีเพราะการมีอยู่ของฉันอาจจะไม่มีค่าอีกแล้วนอกเหนือเสียจากการจะชดใช้ให้กับราอุส
และตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาช่วยฉันอีก
ไอ้พวกนั้นที่ทรยศฉันและหนีไปแบบนั้น……
「อ๊าาาาา!」
เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็น่าหมั่นไส้ชะมัด จนฉันเผลอจะอาเจียน
ฉันรีบวิ่งเข้าไปยังซอยแห่งหนึ่งท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จ้องมองฉัน
「อุบ…」
ถึงยังงั้นก็ไม่ได้อาเจียนออกมาแต่ความรู้สึกคลื่นไส้ก็ยังไม่หายไป
คำพูดที่ฉันบอกกับดาบแห่งอัสนีให้มาร่วมชดใช้หนี้ด้วยกัน
ไม่ใช่สิ่งที่ฉันพูดโดยไม่คิดหรอกนะ
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าพวกนั้นไม่ใช่พวกดีเด่อะไร
แล้วเมื่อฉันเข้าปาร์ตี้กับไลลา โดยรู้ว่าฉันไม่ต้องทำงานหนักและดิ้นรนตั้งแต่รากหญ้านั้น ก็รู้สึกหนักใจ
——งั้นก็ตามความจริงที่ฉันเคยเป็นนักผจญภัยชั้นนำจากการอยู่ในตี้ของดาบแห่งอัสนีก็ไม่ได้หายไป
นั่นค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉัน
จนกระทั่งตอนนั้น ฉันเป็นพวกระดับรากหญ้ามาตลอด จนกระทั่งดาบแห่งอัสนีมาฉุดฉันขึ้นไป
โดยที่ไม่ได้คิดถึงความตั้งใจจริงของพวกนั้นเลย
เพราะงั้นเองการเริ่มจากศูนย์เพื่อคืนเกียรติดาบแห่งอัสนี
แต่ถึงยังงั้นความรู้สึกของฉันก็กลับถูกเหยียบย่ำราวกับเป็นของเล่น
「ทำไมกัน…」
ทุกครั้งที่คิดถึงช่วงเวลานั้น ก็รู้สึกเหมือนถูกปกคลุมด้วยอะไรบางอย่างที่มันมืดมน
เช่นเดียวกับความรู้สึกเฉยชาจนตัวเองถูกย้อมกลายเป็นสีดำ
「…ฉันไม่มีเวลามาคิดเรื่องแบบนั้นแล้ว.」
ฉันพยายามผลักความรู้สึกเหล่านั้นออกไป
ยังไงก็ตามก็ต้องหมกมุ่นอยู่กับการชดใช้หนี้สินอยู่แล้ว
「แฮ่ก แฮ่ก~ในที่สุดก็เจอเธอจนได้นะ」
「………หือ?」
วินาทีต่อมาก็ถูกขัดด้วยน้ำเสียงอันคุ้นเคย
ฉันเงยหน้าขึ้นตามทิศทางเสียงที่มา
「นาร์เซน่าซัง?」
——ด้วยความตกตะลึงฉันพึมพำออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
◇ ◆ ◇
ไม่กี่นาทีหลังจากพบกับนาร์เซน่าซังฉันก็ถูกพาไปยังที่ๆไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไร
ระหว่างทางเธอไม่ได้พูดอะไรเลย
ฉันนึกภาพออกเลยว่านาร์เซน่าซังจะทำอะไรฉัน
…นาร์เซน่าซังบางทีอาจจะมาเอาคืนฉันก็ได้
นาร์เซน่าซังนั้นเป็นนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงและยังเป็นคนรักของราอุส
นอกจากนี้เธอยังไม่ยอมยกโทษให้ใครก็ตามที่ทำร้ายคนรักของเธอด้วย
แฟนสาวแบบเธอนั้นไม่มีทางให้อภัยคนอย่างฉันหรอก
ฉันไม่รู้ว่าเธอพยายามจะทำอะไร แต่ฉันแน่ใจ
แต่ถึงรู้เช่นนั้นฉันก็ไม่เสียใจหรอก
ฉันรู้ว่านี่มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วที่จะต้องโดนลงโทษ
ไม่ว่าใครทำอะไร มันถือเป็นการลงโทษสำหรับฉัน
…อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฉันหวังไว้เรามาถึงที่ว่างๆและนาร์เซน่าก็นั่งลงบนม้าหินโดยไม่ทำอะไรเลย
เธอแค่หันมาสบตากับฉัน
「…เธอไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ?」
เมื่อเห็นเธอทำตัวเช่นนั้นฉันก็เลยถามออกไปด้วยความประหลาดใจ
「ฉันแค่มาให้คำแนะนำแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นล่ะคะ」
「……หือออ?」
ราวกับตอบสนองกับคำพูดของเธอฉันตอบออกไปสั้นๆ
แต่ในตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
「อย่าหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความผิดบาปต่อพี่ชาย แล้วก็อย่าใช้พี่ชายเพื่อผลประโยชน์อีกต่อไปแค่นั้นละคะ.」
「หาา!?」
……อย่างไรก็ตามคำพูดที่เธอพูดออกมาก็ทำฉันเลือดขึ้นหน้า
หมกมุ่นเกี่ยวกับความรู้สึกผิดบาปงั้นเหรอนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันทำสักหน่อย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะพูดเช่นนั้นแต่ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
สิ่งที่อยู่ในใจฉันก็คือการชดใช้ความผิดและหนี้สินเพื่อเบือนหน้าหนีออกจากความจริง
ห่างไกลจากความหมกมุ่นมันเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมราวกับว่าเป็นการพึ่งพาอาศัยกัน
และฉันก็ไม่สามารถซ่อนความสับสนที่มีต่อตัวเองที่ทำเช่นนั้นได้เลย
「ไม่ได้ตั้งใจจะยื่นมือมาช่วยหรอกนะคะ สิ่งที่พี่ชายของฉันต้องการจากเธอไม่ใช่การแก้แค้นหรือการตอบแทนหรอกค่ะ สิ่งที่เขาต้องการคือแค่ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเธอที่เป็นอยู่ในตอนนี้(ยังหมกมุ่นอยู่กับดาบแห่งอัสนี)แค่นั้น」
……ราวกับว่าอ่านความรู้สึกของฉัน เหมือนกับหนังสือที่ถูกเปิดอยู่นาร์เซน่าพูดออกมาเช่นนั้น
ได้ยินเช่นนั้นฉันก็ไม่สามารถเงยหน้ามองเธอได้อีกต่อไป
ฉันรู้สึกอับอายและรู้สึกอยากหายไปจากสถานที่แห่งนี้
「อย่าให้ฉันต้องมามีส่วนร่วมกับการที่เธอต้องมาเสียเวลาอะไรแบบนั้น」
「………!」
……ช่วงเวลาที่เธอบอกว่าเช่นนั้น อารมณ์ความรู้สึกของฉันก็เต็มไปด้วยความโกรธ
——ฉันเข้าใจอย่างดีเลยว่าการเข้าไปเกี่ยวข้องกับดาบแห่งอัสนีมันเป็นเพียงเรื่องโง่เขลา
คำพูดของนาร์เซน่าซังมีเหตุผล
ฉันเชื่อในคนที่ไม่ควรเชื่อและผลก็คือถูกทรยศ
ฉันพบเรื่องแย่ๆมามากมายแต่ก็ยังแยกตัวเองออกจากวังวนนี้ไม่ได้ จากมุมมองของนาร์เซน่าซังนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับคนโง่
แม้ว่าจะเข้าใจถึงเรื่องนั้นแต่ก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ได้เลย
ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บความรู้สึกไว้
ฉันรู้แล้วว่ามันเป็นการโกรธผิดคน
…แต่วินาทีต่อมาฉันก็ไม่สามารถระงับความรู้สึกและเปิดปากพูด
「อย่างเธอน่ะจะมารู้ดีอะไรเกี่ยวฉัน!」
หลังจากที่พูดออกไปเช่นนั้นก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
แม้ว่าสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดมันจะถูกต้อง แต่ฉันก็ดันไประบายอารมณ์ใส่เธอ
นั่นคือสิ่งที่ฉันทำลงไป ฉันควรจะขอโทษเธอ
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันก็จะไม่บ่น
「………เออออ๋?」
แต่ตรงกันข้ามกับความคิดของฉันนาร์เซน่ายังคงสงบนิ่ง
แม้ว่าจะโดนฉันที่ระเบิดความโกรธออกมาอย่างไร้เหตุผล แต่ก็ยังนิ่งเฉย
แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่บนสีหน้าของเธอมันคือความสงสาร
「หาาา-!?」
ฉันไม่เคยคิเลยว่าเธอจะแสดงท่าทีน่าสงสารเช่นนั้น ฉันเริ่มรู้สึกหวั่นไหว
ฉันไม่ได้สนิทกับนาร์เซน่าซังเท่าไรดังนั้นมันก็ไม่ควรมีเหตุผลให้เธอมาสงสารฉัน
「ฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่ายปัญหาของคุณหรอกค่ะ แต่คุณไม่ควรจะจมปลักอยู่กับมันนะคะ」
เมื่อมองมาที่ฉันที่สั่นเทาเธอก็พูดเช่นนั้น
「สิ่งที่คุณควรทำตอนนี้ไม่ใช่การถูกผูกมัดด้วยความรู้สึกผิดหรือต้องชดใช้อะไรทั้งนั้นคะ」
ฉันไม่เข้าใจความหมายที่นาร์เซน่าซังพยายามจะสื่อ
ฉันรู้ว่ามันไม่ดีเลยที่พยายามจะทำตัวชดใช้ความผิดต่อไปแต่ก็ยังไม่มีอะไรที่มาแทนที่ความรู้สึกนี้ได้
แม้แต่ตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าควรจะทำตัวยังไง
「เอ๋? หมายความว่ายังไง…」
เพื่อที่จะเคลียร์ความสงสัยฉันก็ถามเธอ
แต่นาร์เซน่าก็ยังไม่ได้สนใจฉัน
เธอเมินสิ่งที่ฉันพูดและยังพูดต่อไป
「คนที่อยู่ปาร์ตี้เดียวกับเธอบอกกับพวกเราว่าเขาจะยกรางวัลให้พวกเราทั้งหมดในการปราบเจ้านกฟีนิกซ์ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เธอสามารถขอโทษพี่ชายได้」
「——หาาา!」
……และในที่สุดฉันก็เข้าใจสิ่งที่นาร์เซน่าซังพยายามจะพูด
รูปร่างของไลลาและซีคปรากฏเข้ามาในหัวของฉัน ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะพยายามทำให้ฉันร่าเริงขึ้นมาสินะ
ฉันไม่รู้ว่าพวกเราจะโดนคาดโทษไว้แค่ไหน ถ้าพวกเขาให้รางวัลทั้งหมดจากการปราบนกฟีนิกซ์ให้กับปาร์ตี้ของราอุสซัง
แต่ถึงกระนั้น เพื่อช่วยให้ฉันกลับมายืนหยัดได้อีกครั้งพวกเขาก็ยินดียอมเสียสิ่งเหล่านั้นไป
แต่ถึงยังงั้นฉันก็เอาแต่สนใจตัวเองและไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อฉันเลย
ฉันลืมไปแม้กระทั่งไลลาซังที่คอยหนุนหลังฉันตั้งแต่ที่เราอยู่ในดาบแห่งอัสนีด้วยกัน
ฉันมีเพือนที่พยายามจะซัพพอร์ตฉันแต่ก็ไม่ได้ตระหนักถึงมันเลย
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
เอาจริงๆแล้ว ฉันมันก็แค่เด็กน้อยไร้ซึ่งประโยชน์
แถมยังตาบอดพร่ามัวกับสิ่งที่ยึดติดในอดีต และยังมองข้ามสิ่งที่สำคัญที่สุดไป
แต่ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว
รู้แล้วว่าไลลาซังกับซีคซังแคร์ฉันมากแค่ไหน
และพวกนั้นสำคัญแค่ไหนสำหรับฉัน
……ตอนนี้ดาบแห่งอัสนีและอารมณ์ด้านลบยังยึดติดอยู่ในใจฉัน
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ฉันตระหนักได้แล้วว่าฉันต้องทำอะไรต่อไป ฉันจะก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอดีตอีกต่อไป
「นาร์เซน่าซัง… อืม ขอบคุณมากๆนะคะ!」
ฉันโค้งคำนับให้กับนาร์เซน่าซังที่ทำให้ตระหนักถึงความจริง
「ฉันคิดว่าสำหรับตอนนี้มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันสัญญาว่าจะตอบแทนราอุสซัง สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาแน่นอน นอกจากนี้ต้องขอบคุณนาร์เซน่าด้วยนะ!」
นาร์เซน่าพยักหน้าเล็กน้อยให้กับฉันที่ตะโกนอย่างหนักแน่น
เมื่อยืนยันได้เช่นนั้นแล้วฉันก็เริ่มวิ่งกลับไปหาซีคและไลลา
「ก่อนอื่นก็ต้องไปขออนุญาติในการเข้าร่วมการปราบนกฟีนิกซ์สินะ……」
ความหนักอึ้งในใจหายไป ตอนนี้เหลือเพียงแต่จิตใจที่มีแสงสอดส่อง
ดีเลย์ 1 ตอน จากเว็บนายท่าน