[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 30.5
Ch.30.5 – รวมตอนพิเศษของเล่ม 1 ล่ะ
Provider : เล่ม 2 ไว้ลงวันหลังละกันนะ
บทเสริม 1 ดาบแห่งอัสนี I
「FUuuuuuuuuuuuu!」
หลังจากสิ้นสุดเสียงร้องของไฮดร้าก็ล้มลงไปนอนกับพื้น มาร์คูลัสและเซเวเรียต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเช่นนั้น
แม้แต่กับไฮดร้าที่ใกล้จะตายแล้ว มาร์คูลัสและเซเวเรียที่เห็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงกลัว
…แถวยังมอนสเตอร์นั่นได้แพร่ขยายความหวาดกลัวให้เหล่าคนรอบๆก็ตัวแข็งไปพร้อมๆกับสองคนนั้น
「ระ-ราอุส …」
เมื่อเห็นรูปร่างนั้น มาร์คูลัสก็บ่นด้วยเสียงอันแหบแห้ง…
◆ ◆ ◇
มาร์คูลัสและเซเวเรียไม่ได้มีใจที่จะมานี่แต่แรกแล้ว
หากพวกเขารู้ว่าไฮดร้ากลายพันธุ์นั่นกำลังมาเมืองหลวงคงจะเผ่นหนี
มาร์คูลัส เซเวเรีย รวมถึงนักผจญภัยคนอื่นๆที่อยู่ในกิลด์นักผจญภัยถูกบังคับให้รีบมาที่นี่โดยเจ้าหน้าที่ของกิลด์
แต่ว่าเมื่อมาถึงก็พบว่าไฮดร้าได้สิ้นชีวิตแล้วตอนที่พวกมาร์คูลัสมา ต้องบอกได้ว่าโชคช่วยมากๆ
…อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้ตระหนักเลยว่านั่นคือความโชคดีที่ได้รับ
ความสนใจของพวกเขาไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ไฮดร้าเลยแม้แต่น้อย ขณะนี้ความสนใจทั้งมวลล้วนมุ่งเป้าไปที่ฮีลเลอร์
ราอุส ซึ่งเป็นเพียงแค่พวกแตกต่างจากคนทั่วไปจนถึงตอนนี้ก็ยังโดนหัวเราะเยาะเย้ยอยู่เสมอ
…แต่สำหรับตอนนี้แล้วผู้คนในที่นี้ต่างเข้าใจแล้วว่านั่นมันแตกต่างจากที่คิดไว้
นักผจญภัยที่นี่รวมถึงมาร์คูลัสและเซเวเรียไม่อาจเผชิญหน้ากับไฮดร้าได้เลยแม้แต่น้อย เพราะความน่ากลัวนั่น
เพราะว่าความกลัวได้เข้าปกคลุมจิตใจจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับได้ ความกลัวที่หยั่งรากลึกไปถึงแก่นแท้
แถมยังมีการดำรงอยู่ของสัตว์ประหลาดเช่นนั้น แต่ว่าราอุสนั้นแตกต่างออกไปที่ออกมาต่อสู้กับสหายเพียงสองคน
มันเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจจะทำกันได้ง่ายๆแม้จะเป็นนักผจญภัยระดับแนวหน้าก็ตาม
มอนสเตอร์ที่มีความโหดเป็นทุนเดินอยู่แล้วยิ่งกลายพันธุ์ยิ่งรู้กันดี
ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะก่อความเสียหายให้ได้มากเพียงไหน
นั่นคือสิ่งที่ผู้คนรับรู้ในฐานะมอนสเตอร์มีความโหดและยังกลายพันธุ์
และราอุสที่เอาชนะมันได้โดยการใช้คนเพียงสองคนเท่านั้นเรียกได้ว่า วีรบุรุษ ของแท้
「………หนอยยย!」
…เมื่อเข้าใจถึงเหตุนั้นเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าเขาได้ไล่พรรคพวกที่ไม่ควรย่างกายเข้าไปยุ่งด้วยเด็ดขาด
ถึงตอนนี้มาร์คูลัสก็ยังคิดว่าราอุสยังเป็นคนที่สามารถใช้งานได้เท่านั้น
แต่คุณค่าของหมอนั่นไม่ได้มีแค่นั้นเท่านั้น
มาร์คูลัสในที่สุดก็เข้าใจได้ว่าเช่นนั้น
ราอุสนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงไหน
นอกจากนี้ชื่อเสียงและเกียรติยศของดาบแห่งอัสนียังมาจากตัวเขาอีก
มาร์คูลัสละเซเวเรียตระหนักได้ว่าพวกเขาคิดผิดจริงๆและเข้าใจผิดอีกว่าที่ตัวเองประสบความสำเร็จนั้น
เพราะพวกตัวเองพยายาม ไม่ใช่เพราะราอุส
「ข้ามัน……」
และตอนนี้สิ่งที่ออกมาจากปากของมาร์คูลัสและเซเวเรียมีเพียงความเสียใจ
อนาคตของราอุสที่เอาชนะไฮดร้ากลายพันธุ์ได้กำลังรุ่งโรจน์ ราอุสจะกลายเป็นวีรบุรุษและอาจเป็นนักผจญภัยระดับโลกคนถัดไป อนาคตได้ถูกหวาดฝันเอาไว้แล้ว
…ในทางกลับกัน แล้วพวกข้าล่ะ?
คิดได้เช่นนั้น ก็อดที่กัดริมฝีปากตัวเองไม่ได้
ปัจจุบัน ดาบแห่งอัสนีก็กลายเป็นที่ตกต่ำจนถูกล้อเลียนในเมืองเขาวงกตนี้แล้ว
ครั้งหนึ่งเคยเป็นปาร์ตี้ชั้นแนวหน้าแต่หลังจากแพ้ไฮดร้าลงแบบน่าอับอาย สถานะก็ถูกปลดออก
นั่นคือสิ่งที่ดาบแห่งอัสนีเป็นในตอนนี้
…และเมื่อเทียบกับอนาคตของราอุส อนาคตพวกเขามีแต่ความมืดมน
「ทำไมกัน………」
มาร์คูลัสพึมพำคำถามขณะที่พวกเขาหักหลักคนๆหนึ่งที่คิดว่าไร้ประโยชน์ แต่บัดนี้เขากลับเฉิดฉาย
สภาพปัจจุบันเปรียบได้ดั่งกรรมตามสนองกับที่เขาทำกับหมอนั่นไว้
แม้ว่าหมอนั่นจะเคยช่วยมาร์คูลัสมามากมาย
………นั่นเป็นเพราะในใจของพวกเขาหากไม่ได้ไล่ราอุสออกไปก็อาจจะได้เป็นวีรบุรุษเช่นกัน
「……อ่าาาาา」
อย่างไรก็ตามมันไม่มีทางเป็นจริงเพราะความเพ้อฝัน มาร์คูลัสตระหนักได้เมื่อเห็นร่างของราอุส เขาออกไปจากที่นี่โดยไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อย ราวกับถูกบอกว่ามาร์คูลัสนั้นเป็นเพียงก้อนหินริมถนนที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ
「……!」
…และมาร์คูลัสก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะยิ่งปฏิเสธก็เหมือนยิ่งยอมรับว่ามันไม่ใช่ความผิดของตัวเอง เมื่อเขาตระหนักได้เช่นนั้นเขาก็มุ่งมั่นที่จะเลิกหมกมุ่นกับเรื่องแบบนั้นเพื่อเดินหน้าต่อไป
……มันถึงเวลาแล้ว
「หัวหน้า เซเวเรียซัง ในที่สุดก็หาตัวเจอสักทีนะคะ……」
「หืออออ? อาร์เมีย?」
พวกเราตกใจเมื่อได้ยินเสียงเรียกกระทันหัน และนั่นคืออาร์เมียที่เราไม่ได้เห็นจนกระทั่งถึงตอนนี้
บทเสริม 2 ดาบแห่งอัสนี II
—อาร์เมีย—
「อยู่ที่นี่จริงๆด้วยสินะคะ.」
ด้วยคำพูดเช่นนั้น ฉันก็ยิ้มออกมา
หลังจากสูญเสียที่พักไปแล้วมาร์คูลัสและเซเวเรียมักจะอยู่ในโรงเตี้ยมของกิลด์
ดังนั้นเลยคิดว่าพวกเขาจะต้องมาที่นี่แน่และเมื่อคิดถูกต้องจริงๆเลยเผลอยิ้มออกมา
「ยังไงก็ตามแต่………」
…อย่างไรก็ตามที่ฉันสังเกตออกจาการแสดงสีหน้าของแต่ละคนนั้นมีแต่ใบหน้าอันขมขื่น ซึ่งทำให้ฉันหุบยิ้มไป
แน่นอนหลังจากโดนลดระดับปาร์ตี้แล้วเซเวเรียซังนั้นเครียดอยู่เสมอเลย แต่ตอนนี้มันต่างจากเดิมไปมาก
「คงจะเกี่ยวกับราอุสซังใช่ไหมคะ?」
「อึ่ก!」
……เมื่อเห็นเช่นนั้นเลยพึมพำชื่อของคนที่น่าจะเป็นต้นเหตุ ดูเหมือนใบหน้าพวกเขาจะบิดเบี้ยวเล็กน้อย
คงใช่แล้วล่ะนะ บางทีอาจจะบอกได้ว่าสายเกินไปแล้วกับการที่พวกเขาทำกับราอุสซัง แต่ว่านั่นไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ไล่ราอุสซังออกควรจะเสียใจมากนัก
……แต่ถึงยังงั้นมันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเสียใจกับเรื่องราอุสซัง
ท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จของราอุสซังทำ นั้นมันนอกเหนือกฏเกณฑ์เกินไปหน่อย
นักผจญภัยที่นี่ต่างก็เหลียวมองไปหาพี่ชายที่กำลังจะจากไป แม้ว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังหัวเราะเยาะเขาอยู่เลย
(TN:ลึกๆอาร์เมียก็คิดว่าราอุสเป็นพี่ชายนะครับ)
「ถ้าข้าเอาหมอนั่นเข้ามาในปาร์ตี้ป่านนี้คง…」
「แม่งเอ้ย!」
ในหมู่พวกนั้นยังมีคนที่รู้สึกเสียใจที่ปฏิเสธราอุสซัง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หัวหน้าปาร์ตี้ต่างไม่คิดเลยว่าราอุสซังจะเข้าปาร์ตี้ของพวกแน่ๆ
พวกเขาไม่คิดเลยว่าทำไมมาร์คูลัสและเซเวเรียถึงได้ทุ่มเทกับสิ่งที่เรียกว่าผิดพลาดไปมากขนาดไหน
「ยังไงก็ตามราอุสคงไม่กลับมาที่ดาบแห่งอัสนีอีกแล้ว」
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางหยุดคิดเช่นนั้น ราอุสซังมีคู่หูที่เชื่อใจได้ไม่ว่าใครจะเชิญชวนก็จะไม่ไปไหนอีก
「หยุดมัวแต่ยื้อราอุสซังได้แล้วค่ะ」
นั่นคือเหตุผลที่ฉันพูดกับหัวหน้า
มันได้เวลาที่จะยอมแพ้แล้ว
ขณะนั้นใบหน้าของหัวหน้าและเซเวเรียต่างเศร้าหมองลง พวกนั้นแอบคิดจริงจังว่าราอุสจะอาจจะกลับเข้ามาในท้ายที่สุดก็ได้
ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจปล่อยให้ผ่านที่จะคิดไปเช่นนั้นได้ในสมองคิดเช่นนั้น
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมด้วยคำพูดของฉันหัวหน้าและเซเวเรียก็เริ่มยอมแพ้แก่ราอุส
…ถึงกระนั้นไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะหายไปเช่นกัน
「…ทำใจได้แล้วเหรอไงอาร์เมีย?เพราะว่าเธอก็ผิดด้วยไม่ใช่เหรอไงที่ทำให้ราอุสต้องออกจากตี้ใช่ไหมล่ะ?」
ทันใดนั้นก็มีคำพูดที่ราวกับระบายความโกรธออกมาใส่ฉัน นอกจากนี้เขาพยายามจะโยนความผิดมาให้
「มันก็ใช่ แต่ว่าคนที่ตัดสินใจไม่ใช่ฉันนี่คะ?」
อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้โกรธกับคำพูดของเขา
แต่แสดงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
「อึก!」
หัวหน้าอ้าปากค้างหลังจากได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิด
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเขาสังเกตว่าทำความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ไปจนได้ แน่นอนว่ามุมมองของฉันที่มีต่อราอุสซังนั้นดีกว่าหัวหน้าและเซเวเรียซัง
……แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรภาคภูมิใจได้
◆ ◆ ◇
ฉันเข้าร่วมปาร์ตี้แห่งดาบอัสนีราวๆปีที่แล้วตอนที่ยังเป็นปาร์ตี้ชั้นนำ
ในตอนนั้น ฉันยังเป็นแค่นักเวทย์มือใหม่อายุ 14 ปีแต่ก็มีความสุขมากที่ถูกปาร์ตี้ชั้นนำรับเข้าปาร์ตี้
ฉํนรู้ดีว่าฉันนั้นเก่งกว่าคนอื่นๆ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เข้าปาร์ตี้ชั้นนำ
…นั่นคือเหตุผลที่ฉันเริ่มเทิดทูนหัวหน้าและเซเวเรียซัง
และนั่นเองก็เป็นเหตุผลที่ฉันเริ่มกดขี่ราอุสซังด้วย
ตอนแรกฉันก็มองราอุสซังแบบปกติ แต่เมื่อผู้นำที่ฉันหลงใหลบอกว่ามันคือการฝึกให้กับราอุสเลยทำตาม
แล้วราอุสเองก็กระทำตามคำพูดของฉันโดยไม่ปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อย
………ยังไงก็ตามหลังจากที่ราอุสถูกไล่ออกจากปาร์ตี้ หลังจากนั้นก็ไปท้าทายไฮดร้าก่อนที่มันจะกลายพันธุ์กับไลล่าซังก็ตระหนักได้ถึงความเขลาของตัวเอง
ในเวลานั้นพร้อมกับความโง่เขลาที่คุ้มหัว ฉันก็ตระหนักได้ว่าราอุสซังมีค่ามากแค่ไหน
…… ไม่สิ บอกได้เพียงว่าฉันรู้ว่าราอุสซังนั้นมีคุณค่ามากแค่ไหนในปาร์ตี้นี้มานานแล้วแต่แค่ไม่เคยยอมรับมันเลย
ทันทีที่รู้สึกได้เช่นนั้นก็รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมา ในฐานะที่ฉันเป็นแนวหลังควรจะมีเวลามองรอบๆตัวมากกว่านี้เลย แต่ก็ไม่ได้ตระหนักถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของราอุสซัง
อย่างไรก็ตามเพราะคำพูดสุ่มสี่สุ่มห้าของหัวหน้าฉันก็เชื่อมันลงไปโดยไม่คิดเลย
———ในระหว่างที่ต่อสู้กับไฮดร้าก็ตระหนักได้ว่าราอุสซังนั้นเยี่ยมยอดจริงๆ
ฉันรู้สึกเสียใจมากจริงๆกับการกระทำของตัวเอง
หัวหน้าและเซเวเรียที่มีอคติต่อราอุสซัง
ความชั่วร้ายในการกระทำของเราจะไม่มีวันได้รับอภัย
…แต่อคติของฉันเลวร้ายยิ่งกว่าการกระทำของหัวหน้าและเซเวเรียซังอีก
และด้วยสิ่งนั้นฉันได้ทำร้ายราอุสซังไป
นั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ขอให้ยกโทษได้ง่ายๆ
นั่นคือเหตุผลหลังจากได้ยินคำพูดของไลล่าซัง ฉันจะไม่ทำผิดอีกต่อไปแล้ว
ฉันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปก่อนที่จะทำร้ายราอุสซังได้
นั่นคือเหตุผลที่ฉันตั้งใจว่าจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ด้วยความตั้งใจเหล่านั้นฉันก็พูดขึ้นกับหัวหน้าและเซเวเรีย
「ได้โปรดมากับฉันด้วยค่ะ」
บทเสริม 3 ดาบแห่งอัสนี III
—อาร์เมีย—
「อาร์เมียพวกเราจะไปที่ไหนกัน……… หะ!」
ด้วยความสงสัยของหัวหน้าและเซเวเรีย ฉันที่แม้แต่มือใหม่ยังรู้จักนั้นคือร้านขายเสื้อเกราะ
จากนั้นทันทีที่พวกเขาเห็นภาพตรงหน้าก็เข้าใจโดยทันที
「อย่ารุนแรงนักเซ่! ทำไมพวกเราถึง… มาที่นี่…」
ในเวลาต่อมาหัวหน้าที่รู้สึกตัวก็หัวร้อนใส่ฉัน
เซเวเรียยังคงแสดงสีหน้าเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังอับอายด้วยความจริงที่ว่านี่เป็นร้านสำหรับมือใหม่
「พวกเราดาบแห่งอัสนีไม่ใช่ปาร์ตี้ชั้นนำอีกต่อไปแล้วค่ะ」
「หาาาาา-!」
「หนอยยย!」
ได้ยินคำจากปากฉันพวกเขาก็นิ่งเงียบ.
มันเป็นความจริงที่อาจจะมีใครสักคนเดินมาเห็น แต่ถึงแม้ว่าฉันจะเข้าใจ แต่ก็รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้เช่นกัน
「… ไม่ ช่างมันเถอะแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นปาร์ตี้ชั้นนำแล้ว แต่ตอนนี้เรายาจกยิ่งกว่านักผจญภัยโดยรอบเสียอีก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเรื่องมากเพราะความภาคภูมิใจของพวกคุณหรอกนะ」
ยังไงซะฉันก็เมินเฉยต่อความรู้สึกผิดและพูดต่อไป ตอนนี้เราจนซะยิ่งกว่านักผจญภัยรอบๆ
สถานการณ์จะไม่เปลี่ยนไปหากหนีความเป็นจริง
……หากหยุดลงเพราะความภาคภูมิใจของเรา เราก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
「แต่มันยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเรา.」
พร้อมกับคำพูดเหล่านั้นฉันยื่นมือให้หัวหน้าและเซเวเรีย
「………หืมมม?」
「ว่าไงนะ……」
ด้วยการกระทำของฉันพวกนั้นตกใจไปชั่วครู่
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นบางอย่างอยู่ในมือใบหน้าของพวกเขาก็แสดงความตกใจออกมา
สิ่งที่ฉันถือคือเงินที่พอจะซื้ออุปกรณ์เริ่มต้น
เอาล่ะถึงแม้จะมีไม่มาก แต่ว่าไม่ใช่ว่าจะถูกแย่งชิงไปทุกอย่าง ถึงแม้จะมีเงินไม่พอซื้อเกราะ นอกจากนี้ยังไม่มีใครให้พวกเรายืมเงินด้วย และเพราะเหตุนี้เองพวกนั้นเลยซ่อนความตกใจไม่ได้
「อันที่จริงฉันได้เงินมาจากไลล่าซัง เมื่อพวกเขาเชิญชั้นไปที่ปาร์ตี้คะ」
「………………หาาาา-」
ฉันบอกพวกเขาไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ความสิ้นหวังก็ปรากฏบนใบหน้า
บางทีพวกเขาคิดว่าการใช้เงินนี่อาจจะเป็นเพราะว่าฉันจะออกจากปาร์ตี้นี้ อย่างไรก็ตามฉันส่ายหัว
「แต่ว่า ฉันปฏิเสธไปค่ะ」
ใช่ฉันไม่ได้เข้าปาร์ตี้ของไลล่าซัง
ไม่ใช่เพราะว่าอ่อนแอหรืออะไร
ในความจริงเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมากไม่เพียงแต่ในเมืองเขาวงกต เมืองหลวงด้วยเช่นกัน ฉันยังเคารพเธอ
ในฐานะเพื่อนร่วมงานกันอีกด้วย
แต่ว่าเพียงเพราะว่าหัวหน้าและซาเวเรียคือทีมที่ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
ภาพแรกที่ฉันได้เห็นคือ ภาพที่ฉันทึ่งต่อภาพของหัวหน้าและเซเวเรียที่ปรากฏอยู่ในหัว แต่เพราะว่าฉันนั้นอ่อนแอเลยไม่ได้รู้เลยพวกเขาไม่มีความสามารถ
——— ถึงกระนั้นฉันก็ไม่อยากทอดทิ้งพวกเขาไป
「มันเป็นเพราะว่า…ฉันอยากจะไปดันเจี้ยนพร้อมกับหัวหน้าและเซเวเรียต่อไป」
พูดแบบนั้นฉันก็หัวเราะออกมา
ยืมเงินใครบางคนหลังจากปฏิเสธปาร์ตี้เขาไปแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะเนี่ย
ฉันรู้ว่ามันน่าละอายเป็นอย่างมาก ถึงกระนั้นเพื่อกลืนกินความอัปยศ ฉันจึงขอความช่วยเหลือจากไลล่าซัง
เพื่อช่วยหัวหน้าและเซเวเรียซังในตอนนี้
「แต่ถ้าเรามีสิ่งนี้ก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ค่ะ」
เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน พวกเขาต่างก็จ้องมายังเงินตรงนี้
「แน่นอนว่าเราอาจจะทำในสิ่งที่ไม่ควรทำแต่เราสามารถแก้ไขและเริ่มต้นใหม่ได้」
ฉันหยุดพูดแล้วก็ยิ้มขึ้น
「หลังจากที่เราได้อุปกรณ์ด้วยเงินเหล่านี้ พวกเราก็ไม่คิดว่าจะได้เงินจำนวนมากในทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามมันก็เพียงพอที่จะเริ่มคืนเงินจากที่เราโกงราอุสซังมาได้ค่ะ แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม.」
「อึก!」
ด้วยคำพูดของฉันพวกเขาไหล่สั่นราวกับว่าเสียใจกับสิ่งที่ทำมาจนถึงตอนนี้
「สำหรับไลล่าซังเองก็ด้วยค่ะ หากเรามีเพียงห้องเล็กๆให้อดออมละก็เราก็จะจ่ายคืนเธอและให้ของขวัญเธอได้ในฐานะที่ให้ยืมเงินกับเราในสภาพเช่นนี้」
ขณะที่พูดเช่นนั้นก็จินตนาการภาพนั้นไว้ในใจ ด้วยอุปกรณ์ที่ซื้อมาแม้จะหารายได้ๆไม่มาก ถึงกระนั้นเราที่ขอโทษทุกคนที่สร้างความลำบากมาจนถึงตอนนี้ อาจจะทำให้เรามาเป็นปาร์ตี้ชั้นนำอีกรอบได้ และถ้าเป็นเช่นนั้น
ฉันอาจจะมองตัวเองในแง่ที่ดีขึ้น หลังจากคิดเช่นนั้นก็หัวเราะ
「…………หือออ?」
….แต่เมื่อฉันเห็นสีหน้าของหัวหน้าและเซเวเรีย ฉันก็หมดคำพูดทันที
บนใบหน้ามีความโกรธที่เขาไม่สามารถซ่อนได้แม้จะต้องการ เมื่อเห็นอย่างนั้นความคิดฉันก็หยุดไปชั่วครู่
「ล้อเล่นรึเปล่าวะ!? พวกเราเป็นเหยื่อนะโว้ย!」
「อ่อก!」
……เป็นช่องโหว่อันร้ายแรง
ในเวลานั้นเองตัวฉันก็ล้มลงพร้อมกับหัวที่กระแทกลง ฉันรู้สึกได้ว่ามีเลือดไหลมาตรงใบหน้า สติค่อนข้างเลือนลาง
「พวกเราเป็นนักผจญภัยชั้นนำมาแต่แรกแล้วโว้ย!」
……ในที่สุดพร้อมกับเสียงตะโกนก้องของหัวหน้า สติของฉันก็ดับลง
บทเสริม 4 ดาบแห่งอัสนี IV
—ไลล่า—
「เวรเอ้ย! เห็นดีด้วยหน่อยแล้วก็เพราะว่าแกมีความสามารถเล็กน้อย! เซเวเรียถ้าเราขายนังนี่น่าจะพอซื้ออุปกรณ์ได้ครบชุดละวะ.」
「เธอมีหน้าตาและสกิลค่อนข้างดี ราคาคงจะสูงมาก นอกจากนี้พวกองค์กรใต้ดินที่จะจ้างให้ไปเป็นปาร์ตี้ชั้นหนึ่งยัง……」
ในขณะที่กำลังมองอาร์เมีย อาร์เมียก็ล้มลงไปกับพื้น พร้อมกับหมดสติ
「…เอาจริงดิ พวกนี้นี่เกินจะเยียวยาแล้วนะ」
……ได้ยินบทสนทนาเช่นนั้น ก็บ่นออกมา
「……ไลล่า.」
ข้างๆฉันที่บ่นพึมพำด้วยความโกรธคือซีคที่เรียกฉันอย่างเป็นห่วง ขณะนี้เราอยู่ตรงตรอกใกล้ๆกับมาร์คูลัสและเซเวเรีย ถ้าเสียงดังเกินไปอาจจะได้ยินได้
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจจะสามารถสยบความโกรธในตัวได้เลย
—— ฉันรู้ว่านี่เป็นคำขอที่น่าอับอาย แต่หัวหน้าและเซเวเรียนั้นคือเพื่อนของฉัน
ฉันนึกถึงคำพูดของอาร์เมียและภาพที่เธอกำลังก้มหน้า
เห็นเธอก้มศีรษะแบบนั้นฉันก็อดห่วงไม่ได้ แต่มาร์คูลัสและเซเวเรียยังเล็งผลประโยชน์เพื่อตัวเองอีก
……อย่างไรก็ตาม ตอนที่จำได้ตอนนั้นที่เกิดวิกฤตเกี่ยวกับเรื่องหนี้นั้นฉันก็ลามือไปช่วยให้แล้วหนหนึ่ง และหลังจากที่เห็นสภาพปัจจุบันของอาร์เมีย
ดาบแห่งอัสนีมันไม่ได้สนใจเลยสักนิด เป็นอาร์เมียเพียงคนเดียวที่ต้องจ่ายมัน
—— ขอบคุณมากเลยคะดีออก !
(TN: ไม่ได้แปลตามอารมณ์นะ บริบทของนาง ไลล่านั้นเป็นคนปากร้ายถ้าไม่ถูกใจอะไร)
ถึงกระนั้นอาร์เมียก็ยิ้มเมื่อเธอได้ยินเรื่องราวจากของฉัน
หากไม่รู้ว่าจะใช้นานเท่าไร มันก็ยิ่งใช้เวลามากขึ้นในการจ่ายหนี้สินพร้อมดอกเบี้ยจนไม่สามารถควบคุมได้
ถึงแม้จะรู้เช่นนั้นอาร์เมียก็ยังเอาเงินไปโดยไม่ลังเล
ตราบใดที่ดาบแห่งอัสนียังคงอยู่ได้ แม้จะเป็นตัวฉันเองที่ต้องเสียสละก็ไม่เป็นไร
…และถึงกระนั้นมาร์คูลัสและเซเวเรียยังทรยศความตั้งใจของเธอ
「… ขอโทษนะซีค ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ」
ภาพตรงหน้าฉันมันเป็นเหตุผลเกินพอแล้วล่ะ ฉันไม่สามารถระงับความโกรธได้อีกต่อไป
คงเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับดาบแห่งอัสนี ที่อาร์เมียหวังให้เป็น
「อึก!」
หลังจากพูดเช่นนั้นฉันออกห่างจากซีคและกำลังออกจากตรอกเพื่อเดินไปหามาร์คูลัสและเซเวเรีย
「เป็นอะไรไปไลล่า?」
「ที่จริงแล้วอาร์เมียที่ล้มลงน่ะ…」
มาร์คูลัสและเซเวเรียตัวสั่นเมื่อพวกเขาเห็นฉันปรากฏตัวออกมา
อย่างไรก็ตามพวกนั้นพยายามปกปิดแผลของอาร์เมีย บาดแผลตรงศีรษะและพูดคุยกับเราด้วยใบหน้าซื่อๆ
การแสดงนั่นห่วยแตกสิ้นดี
เพราะว่าเห็นมันมาแต่เริ่มแล้วยังไงล่ะ
「พวกแกมัน-!」
「อั่ก!」
นอกเหนือจากความโกรธของฉันแล้ว ฉันก็วิ่งไปพร้อมกับฟาดคฑาไปที่หัวของเซเวเรีย
การโจมตีของฉันไม่ได้เสริมพลังด้วยสกิล
แต่บางทีอาจโจมตีตรงจุดตาย เซเวเรียเลยหมดสติทั้งยังงั้น
「หาาาาา-!」
ในเวลานั้นมาร์คูลัสตระหนักได้ และรู้ว่าพวกเราจะทำอะไร มาร์คูลัสทิ้งเซเวเรียแล้วพยายามจะหนี
「ช้าไปแล้ว」
「อ๊ากกกกกก!」
……อย่างไรก็ตามก่อนที่หมอนั่นจะได้วิ่ง ซีคก็จัดการหมอนั่นไป เห็นได้ชัดว่าซีคพยายามจะปกป้องฉันจากอันตราย
เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เลยขอบคุณซีค จากนั้นก็หันไปมองเซเวเรียและมาร์คูลัสที่หมดสติไป
สองคนนี้ยึดติดกับแนวหน้ามากเกินไปและทิ้งสหายจนท้ายที่สุดก็ร่วมมือกับองค์กรใต้ดิน
「…ถ้าพยายามอย่างหนักด้วยกันกับอาร์เมีย คงได้เป็นปาร์ตี้แนวหน้าอีกครั้งแน่」
อย่างไรก็ตามพวกนั้นฝากฝังทุกอย่างไว้บนไหล่น้อยๆของอาร์เมีย และหันคมดาบเข้าหาเธอมันก็จบกันแล้ว
หลังจากส่งสายตาหน้าทั้งสองนั้นรู้สึกว่าน่าสมเพชสิ้นดี แต่สุดท้ายก็สะบัดภาพของพวกนั้นออกไปแล้วเดินไปหาอาร์เมีย
◆ ◆ ◇
「ชั้นคิดว่าพวกนั้นต้องโดนรายงานเรื่องลักพาตัวด้วยนะที่กิลด์เมืองหลวงแทนที่จะที่นี่อย่างเดียว」
ซีคพูดเช่นนั้นขณะมองดูสองคนนั้นด้วยความรังเกียจขณะที่ฉันช่วยอาร์เมีย
「หากเรารายงานให้เมืองหลวงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นทาสในเหมืองแน่นอน แถมตลอดชีวิต และแถมพวกนี้ยังมีสกิลเสริมพลังคงจะแฮปปี้น่าดู.」
ทาสเหมืองมันเป็นจุดจบของพวกก่ออาชญากรรม
สองคนนี้จะพบกับชะตากรรมที่ยิ่งกว่าความตายและอาจจะตายหลังจากนั้นไม่กี่ปี
แม้จะมีสกิลเสริมพลังแต่ทาสเหมืองก็รุนแรงที่จะจบชีวิตพวกนี้ในระยะเวลาไม่กี่ปี
แม้ว่าฉันจะไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดๆต่อพวกนั้นเลย
…ถ้าอาร์เมียถูกขายเป็นทาส เธอจะอยู่ในสภาพที่น่าสงสารกว่าหลายเท่า
ในขณะที่คิดอย่างนั้นฉันก็จ้องไปยังสองคนนั้นแล้วความโกรธก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
「…นี่ ไลล่า ขอเวลาให้ชั้นสักเดี๋ยวได้ไหม?」
「หืมมมม? อื้อ เอาสิ」
ยังไงก็ตามแต่ตลอดทางนั้นซีคก็พูดคุยกับฉันอย่างเปิดอกนั้นทำให้ฉันตกใจมาก
ฉันตกใจเล็กน้อยกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของซีค
「…จะเอาเด็กคนนี้เข้าปาร์ตี้ของพวกเราจริงๆนะเหรอ?」
……แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซีคพูดออกมาก็เข้าใจเรื่องที่กังวลได้ และแสดงท่าทางจริงจัง
เมื่อฉันบอกกับซีคว่าฉันอยากจะนำอาร์เมียเข้าปาร์ตี้ คนในปาร์ตี้ก็เอาแต่ถามว่าเธอเป็นคนแบบไหน
ใช่แล้ว รวมถึงกับสิ่งที่เธอทำกับฮีลเลอร์บางคน
และเนื่องจากเขาอาจจะรู้สึกวิตกกังวลก็เข้าใจได้
「อืม ไม่เป็นไรหรอกนะ」
ยังไงก็ตามฉันเข้าใจดี แล้วก็หัวเราะออกมา ราวกับบอกว่าอย่าคิดมาก
「ก็จริงที่เธออาจจะทำผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เก่งน้าา」
อันที่จริง อาร์เมียค่อนข้างงี่เง่านิดหน่อยล่ะนะ
เธอทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพราะไม่เคยสงสัยคำพูดของคนที่เธอเชื่อมั่น
ไม่เพียงแค่นั้นแม้ปัจจุบันยังไว้วางใจดาบแห่งอัสนี อาจจะเรียกว่าโง่เลยก็ได้นะ
「แต่ว่า อาร์เมียนะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน นอกจากนี้ความรู้สึกของเธอที่อยากได้เพื่อนร่วมตี้น่ะของจริงเลยล่ะ เพราะงั้นพาไปก็ไม่เสียหายนะ」
ถึงกระนั้นก็พิจารณาแล้วว่าอาร์เมียมีบุคลิกที่เหมาะสมในการเข้าปาร์ตี้ของฉัน
นอกจากนี้ถ้าเป็นอาร์เมียที่พยายามอย่างหนักที่จะพาพวกพ้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ นั้นน่าเชื่อมั่นมาก
……และนั่นละเป็นเหตุผลที่ให้อภัยมาร์คูลัสและเซเวเรียได้เลย
「ยังไงก็ได้……」
แม้จะมีสิ่งที่ฉันอยากจะบอกเขา ความกังวลก็ยังไม่หายไปจากหน้าของซีค
ทำไมงี่เง่าแบบนี้นะ ไอ้บ้าซีคเอ้ย
「…เธออาจจะมีแผลใจอันใหญ่หลวง ติดตัวไปตลอดก็ได้นะ.」
「………รู้แล้วล่ะ」
…ฉันก็ตอบคำถามของซีคออกไป
ไม่ใช่บุคลิกของเธอซักหน่อยที่นายควรกังวล
อาร์เมียมีบาดแผลใจอันใหญ่และกลัวว่าฉันจะได้รับผลกระทบงั้นเหรอ
เมื่อฉันเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะล่า
ไอ้บ้าเอ้ยทำไมทั้งโง่และทึ่มแบบนี้เนี่ย
แต่ไอ้คนซื่อบื้อแบบนี้ก็ทำให้ฉันยิ้มได้
「นั่นสินะอย่างน้อยที่สุดก็ต้องสนับสนุนเธอเพราะว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกแล้วยังไงล่ะ.」
ในขณะที่ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมซีค ฉันก็คิดอย่างอื่นในใจถ้าฉันอยู่คนเดียวอาจกังวลแต่ตอนนี้ไม่ใช่
「หาาาาาาาา~ ถ้าพูดกันขนาดนั้นล่ะก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ.」
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง ซีคก็ถอนหายใจออกมา อย่างไรก็ตามซีคไม่เคยออกปากขัดฉันเลย
「…ช่างเป็นไอ้บื้อของแท้เลยนะ.」
เมื่อมองดูสถานการณ์ตรงหน้า ดูเหมือนซีคจะกังวลกับอาร์เมียเช่นกันเห็นเช่นนั้นฉันก็พึมพำออกมา
「…เพราะว่านายเป็นแบบนี้แหละฉันถึงได้-」
อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าซีคหันหลังให้และพึมพำในสิ่งเดียวกันกับที่ฉันกำลังจะบ่น……
บทเสริม 5 พนักงานต้อนรับ อัลมาส I
—อัลมาส—
「………อึก」
สองวันหลังจากการปรากฏตัวของไฮดร้ากลายพันธุ์ด้านหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของเมืองเขาวงกต ฉันพึมพำด้วยหน้าซีดๆ
พฤติกรรมของฉันเป็นที่น่าสงสัยอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แม้แต่นักผจญภัยก็มองมาที่ฉัน
ถึงกระนั้นฉันก็แสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหตุผลก็เพราะว่าฉันซ่อนการมีอยู่ไฮดร้าจนกระทั่งมันกลายพันธุ์
การซ่อนการมีอยู่ของไฮดร้านั้นเป็นอาชญากรรมร้ายแรง พนักงานกิลด์ที่ทำแบบนี้ต้องถูกไล่ออกและในกรณีเลวร้ายจำคุกอีกหลายวัน
…แล้วยิ่งการที่ไฮดร้ากลายพันธุ์ไปแล้วโทษหนักกว่าเดิมหลายเท่า อาจจะกลายเป็นทาสหรือลงโทษหนักกว่านี้แน่นอน
「ฉัน…ทำไมถึงได้ซ่อนการมีตัวตนของไฮดร้าไปได้ละเนี่ยย…」
ร่างกายสั่นเทาไปพร้อมกับความเสียใจนั่น
ไม่สามารถหยุดร่างกายให้สั่นไหวได้เลยเมื่อจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้น
พวกเขากำลังตรวจสอบความผิดปกติที่ไฮดร้ากลายพันธุ์ในเวลาอันสั้นเช่นนี้และไม่รู้ว่าฉันที่ซ่อนการมีอยู่ของมัน
แต่มันก็เป็นเรื่องของเวลาว่าจะพบเมื่อใด
อนาคตด้านลบที่ฉันคาดเดานั่นทำให้เลือดขึ้นหน้า รู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่ให้หนีไปจากที่แห่งนี้
แต่มันก็สายเกินไปเพราะโทษจะหนักขึ้น
เพราะว่ารู้ทั้งหมดสิ่งที่ทำได้คือการทำงานเป็นปกติเพื่อกลบเกลื่อน
หนทางหนีทั้งหมดถูกปิดลง หัวใจของฉันค่อยๆถูกต้อนให้จนมุม
「…ฉะ-ฉันไม่ได้ทำไรผิดเลยนะ」
……จากนั้นก็ถึงขีดจำกัด จนฉันหนีออกจากความเป็นจริง
「…ฉันไม่ได้เกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไฮดร้าสักหน่อย ฉันแค่โชคร้ายเท่านั้นเอง ทำไมไม่โทษมันเล่า?」
ด้วยเสียงเล็กๆนั้น ฉันบ่นซ้ำๆเพื่อให้โน้มน้าวใจตัวเอง
……เพื่อปกป้องตัวเองจึงหันหน้าออกจากความเป็นจริง ที่ว่าซ่อนการมีอยู่ของไฮดร้า ถ้าเราโชคไม่ดีเมืองนี้
ก็แค่ปลิวหายไปเท่านั้นเอง
「ใช่แล้ว ทำไมฉันต้องเป็นทาสล่ะ? นั่นมันความผิดไฮดร้ากลายพันธุ์ทั้งนั้น?ฉันก็แค่เหยื่อ」
ความรู้สึกผิดถูกครอบงำโดยการรับรู้ว่าตัวเองเป็นเหยื่อ ฉันแค่ตกเป็นเหยื่อของการกลายพันธุ์นั่นคือสิ่งที่คิด
……อย่างไรก็ตามไม่มีความจริงที่จะเปลี่ยนเพียงเพราะว่าฉันบอกปัดไงล่ะ
สายตาที่ไม่เปลี่ยนแปลงในกิลด์นักผจญภัยเตือนฉันว่าแม้จะหนีความจริงไวมันก็ไม่มีความหมาย
ไม่ว่าจะเชื่อใจว่าตัวเองเป็นเหยื่อมากแค่ไหนก็ไม่มีความหวังในอนาคต
「อึก!」
แม้เมื่อฉันรู้ว่าไม่มีอะไรที่ฉันทำได้ก็ไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองกลายเป็นทาส
ในขณะที่หงุดหงิดกับชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เข้าใกล้มาอย่างช้าๆ แต่แน่นอนว่ากัดริมฝีปากพร้อมกับมองไปรอบๆเพื่อมองหาสิ่งที่ฉันพึ่งพาได้
「อืม เอ่อ ฉันจะไปเก็บดอกไม้สักหน่อย」
「โอเค ไว้หวังว่าจะเห็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ในวันพรุ่งนี้นะ」
——โดยบังเอิญ ราอุสและคู่หูของเขาที่กำลังพูดคุยอย่างมีความสุข
ขณะที่เห็นพวกนั้นก็บิดเบี้ยว
ราอุส ฮีลเลอร์ที่ครั้งหนึ่งโดนดูถูกได้กลายเป็นนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงไม่เพียง แต่ในเขาวงกต แต่ยังในเมืองหลวงด้วย
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกลือว่าเป็นปาร์ตี้ระดับโลกคนต่อไปขณะที่พวกเขาเอาชนะไฮดร้าด้วยเพียงสองคนเท่านั้น
……มันตรงกันข้ามกับสถานการณ์ของฉันที่กำลังกลัวในตอนนี้
จนกระทั่งไม่นานมานี้จุดยืนเราแตกต่างกัน ฉันเป็นพนักงานกิลด์ต้อนรับปาร์ตี้ชั้นนำอย่างดาบแห่งอัสนีในทางกลับกันหมอนั่นโดนเหยียดหยาม
「…ทำไม!」
แต่ตอนนี้ราอุสตำแหน่งสูงขึ้นมากมายนัก
ในสถานการณ์เช่นนี้ฉันไม่สามารถซ่อนความขุ่นเขืองได้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อฉันตระหนักถึงราอุสตอนอยู่ดาบแห่งอัสนีฉันก็เป็นคนขับไล่ไปยันจุดสิ้นสุด
……ไม่ใช่แค่ในดาบอัสนี แต่ฉันไม่พอใจราอุสอย่างแรง
「อย่างน้อย ถ้าราอุสอยู่ในดาบแห่งอัสนี นั่นก็เป็นเครดิตให้……」
หากราอุสเป็นสมาชิกของดาบแห่งอัสนีความสำเร็จก็จะถูกไปรวมให้กับดาบแห่งอัสนี และนั่นก็จะทำให้ฉันได้รับเครดิตพิเศษ
「หาาาาาา-! ในกรณีนี้มัน!」
ในเวลานั้นเอง ฉันคิดหาวิธีที่จะให้ความสำเร็จของราอุสมาเป็นของตัวเองบ้าง
ทันทีที่ฉันเริ่มหาวิธีปากก็ผ่อนคลายลง ในกรณีนี้ฉันอาจจะหลีกเลี่ยงการเป็นทาสได้
「ขอโทษทีนะเดี๋ยวมา」
「เอ๋? อ่าาาาา! อืม!」
หลังจากนั้นฉันก็พูดกับพนักงานต้อนรับคนถัดไปแล้วก็เดินไปหาราอุส
โชคดีที่ปัจจุบันตอนนี้เธอคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่มีใครขัดขวางฉันได้
เมื่อฉันคิดเช่นนั้นฉันก็อ้าปากไปหาราอุสที่กำลังมองหาเควสด้วยรอยยิ้ม
「ขอเวลาหน่อยได้ไหม?」
「………หืออออออ?」
ในเวลาต่อมาเมื่อราอุสสังเกตเห็นฉันเขาก็ส่งเสียงที่ฟังดูงี่เง่าออกมา แต่ฉันก็ไม่สนใจ
「มาด้วยกันกับฉันได้ไหม?」
บทเสริม 6 พนักงานต้อนรับ อัลมาส II
—อัลมาส—
ด้วยกันกับราอุส เราเข้าไปในห้องแทบที่ไม่มีใครเข้าไป
เมื่อถูกพามาให้เช่นนี้ ราอุสก็ระมัดระวังตัวอย่างเห็นได้ชัด หากฉันไม่ได้บังคับเขาด้วยตำแหน่งละก็
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิ่งหนีไปแน่ๆ
แต่จนถึงตอนนี้มันเป็นไปตามแผน ดังนั้นฉันจึงหัวเราะออกไปเล็กน้อย
「ราอุสซัง ฉันอยากจะขอโทษจริงๆค่ะ」
「เอ๋? ไม่ทำไมล่ะ」
ทันใดนั้นเองฉันก็โก้งโค้งให้ราอุสอย่างลึกซึ้งและขอโทษต่อราอุส
ในขณะนั้นเอง ราอุสนั้นหน้าแดงหน่อยๆล่ะ ปฏิกิริยานั่นคือสิ่งที่ฉันคาดหวัง อย่างที่ฉันคิดราอุสนี่พวกหัวช้าสินะ
แม้ว่าปฏิกิริยาอาจจะเรียกได้มากเกินไป แต่เมื่อพูดถึงความไม่พอใจต่อเพื่อนสนิทของเขาเอง แต่เขาก็หน้าแดงกับการที่ฉันก้มหัวให้ในขณะที่กำลังพึมพำ
บางทีหลังจากโดนทรมานมาหลายปีอาจจะเรียกได้ว่าความรู้สึกผิดเพี้ยงละมั้ง
หลังจากสรุปแล้วฉันก็ยิ้มด้วยออกทางใบหน้า ขณะที่มองพื้นอาจจะคิดว่าใช้งานเขาก็ได้
「นี่อาจจะไม่เพียงพอสำหรับสิ่งที่ฉันทำ แต่ว่า……」
「อึก!」
จากนั้นในขณะที่แสร้งเป็นทำผิดออก ฉันก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของฉัน
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของฉันเขาก็หน้าแดง…
ฉันอยากจะขำให้กับปฏิกิริยานี่จริงๆ
เป้าหมายของฉันคือการใช้ประโยชน์จากราอุสเพื่อหลีกเลี่ยงอาชญากรรมที่ฉันทำไว้
(TN:ล่อพระเอกมาดักข้อมูลโดยใช้ร่างกายล่อไว้)
ราอุสปราบไฮดร้าที่ฉันซ่อนตัวตนเอาไว้
มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ราอุสที่เข้าปะทะไฮดร้าและชนะมาได้
จะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าราอุสเอาชนะไฮดร้าได้และฉันก็เป็นคนเสนอชื่อเขา?
ถึงแม้จะถูกไล่ออกจากการเป็นพนักงานต้อนรับและได้โทษบางอย่าง
แต่ว่าอย่างน้อยโทษนั้นก็อาจจะหลีกเลี่ยงการเป็นทาสได้
แน่นอนในความเป็นจริงไม่เคยขอให้เขาทำ
ยังไงมันก็สร้างเรื่องขึ้นมาได้
สิ่งที่ฉันต้องการทั้งหมดก็แค่ราอุสที่เป็นพยานและฉันที่เป็นคนแนะนำ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงตัดสินใจใช้ร่างเนื้อล่อเขาไว้
เมื่อฉันถอดชุดยูนิฟอร์มและชุดชั้นในของฉัน ราอุสก็มองด้วยสายตาเลิ่กลั่ก
จากปฏิกิริยาของเขาฉันเชื่อว่าคงเกลี้ยกล่อมได้แน่ๆ
ราอุสที่ถูกทารุณจนถึงปัจจุบัน
เขาไม่เคยถูกเพศตรงข้ามล่อลวง แล้วยัยนั่นเองดูท่าจะชอบราอุสด้วย
แต่ด้วยสภาพร่างกายของฉันกับยัยนั่นที่อายุห่างกัน เสน่ห์เทียบไม่ได้หรอก
ไม่มีทางที่ราอุสจะพ้นการล่อลวงของฉันได้หรอก
เมื่อคิดอย่างนั้นรอยยิ้มอันเย้ายวนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉัน
หากเป็นกรณีนี้ อีกนิดเดียวราอุสก็คงจะจับกดฉันแล้วละนะ
ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าราอุสจะไม่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของฉัน ฉันก็สามารถใช้เรื่องนี้แบล็คเมล์ได้
ปัจจุบัน ราอุสที่อยู่ในฐานะวีรบุรุษควรเกลียดเรื่องอื้อฉาวและพยักหน้าทำตามคำขอของฉันแน่
หลังจากคิดเช่นนั้น ก็อดยิ้มไม่ได้
หลังจากหาวิธีหลบหนีสถานการณ์เลวร้ายได้ก็โล่งใจ
「มันอาจจะหยาบคายนะครับ ถ้าผมจะพูดในสถานการณ์เช่นนี้…」
อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคิดของฉัน ฉันได้ยินสิ่งที่ไม่น่าเชื่อจากปากของราอุส
「ขอโทษนะแต่ผมไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับคุณหรอกครับ
……ในทางสรีรวิทยาแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย ผมกับคุณเนี่ย.」
「…………หือออออ?」
จากนั้นแม้ในขณะที่จะมีเรื่องที่พูดลำบากราอุสก็พูดกับฉันตรงไปตรงมา
สักครู่นั้นเอง คำเหล่านั้นไม่ได้สลักอยู่ในใจฉันเลย เมื่อรู้ว่าโดนปฏิเสธเลือดก็ขึ้นหน้าฉัน
ฉันไม่สามารถอยู่แบบนี้ต่อไปได้หากโดนบอกแบบนั้นเลยพูดบางอย่างออกไป
「ดะ-เดี๋ยวก่อน! นายสามารถทำอะไรกับฉันก็ได้เท่าที่ต้องการเลยนะ…」
หากฉันทำให้เขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไม่ได้ฉันก็จะโดนบดขยี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันพยายามโชว์เนื้อหนังให้มากขึ้น
เพื่้อที่ได้จะได้รับความสนใจมากที่สุด
「อึก!」
……อย่างไรก็ตามฉันหยุดมือก่อนจะถอดเสื้อออกจนหมด
สายไปแล้ว รู้เพียงว่าแม้จะพยายามต่อไปก็ไร้ความหมาย
การจ้องมองของราอุสที่มองมายังฉันเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เมื่อเห็นเช่นนั้นราอุสคงคิดว่านั่นคงเป็นการกระทำให้เขาอับอาย
แต่ฉันนั้นเข้าใจผิดไปเต็มๆที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น
………เหตุผลในการแสดงสีหน้าสับสนนั่นที่มองมายังร่างกายของฉันคือไม่หันมามองเพราะความรังเกียจ
การล่อลวงของฉันไม่มีผลตั้งแต่แรก
ช่วงนั้นเองฉันก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดนั้นหายไป
ราอุสไม่เคยแสดงความโกรธชิงชังกับคนที่กดขี่เขามาโดยตลอด
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้อภัยคนพวกนั้น
ตราบใดที่คนเหล่านั้นไม่ยุ่งเกี่ยวเขาก็โอเค แต่ถ้ามายุ่งก็แค่ตัดเรื่องที่ต้องคิดตรงหน้าออกไปเพียงเท่านั้น
ราอุสหันหลังอย่างเย็นชาใส่ฉันและพูดขึ้น
「นอกจากนี้ผมไม่เคยคิดจะมองผู้หญิงคนอื่นมาแต่แรกแล้ว.」
「———!」
ฉันไม่สามารถซ่อนความสับสนในใบหน้าได้เลย
ราอุสไม่ได้เจาะจงชื่อใครเป็นพิเศษ
……อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะไม่พูดฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร
「นา…เซน่าสินะ…」
ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์มากกว่าเธอ แต่ตอนนี้ฉันกลับตกใจกับความพ่ายแพ้ตรงหน้านี้
「เอาล่ะถ้างั้น.」
หลังจากนั้นไม่นานที่เขากล่าวลา ฉันที่ยังมึนงงก็ได้แต่จ้องมองราอุสที่ออกจากห้องไป
…ฉันไม่เหลือแรงที่จะตามเขาไปอีกต่อไปแล้ว