[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 29
Ch.29 – จบเล่ม1
Provider : จบเหอะเล่ม 1 อะ ลงรวดเดียวเลยละกันขี้เกียจ
Chapter 29 ค่าปรับ
—ไลลา—
「อ่อก!」
ไม่ได้เป็นนักผจญภัยชั้นหนึ่งอีกต่อไปได้ยินคำพูดเหล่านั้น ความสับสนมากมายก็พุ่งเข้าหาเซเวเรีย
「แกพูดอะไรของแกน่ะ! อย่ามาพูดอะไรเหลวไหลนะ!」
ทันใดนั้นเองเซเวเรียก็โวยวายต่อหน้านักรบสวมหน้ากาก
ดูเหมือนว่าความโกรธของเธออยู่เหนือความกลัวไปแล้ว
และมาร์คูลัส ที่เห็นสัญญาณจากสหายเซเวเรียก็ตะโกนด่าทอต่อด้วยความเจ็บปวด
「แกต่อยข้า! มันมีกฏไม่ให้นักผจญภัยทะเลาะกันนะเว้ย!」
มาร์คูลัสและเซเวเรียดึงดูดความสนใจของคนในกิลด์โดยรอบ
… ไม่นานหลังจากนั้น อัลมาสก็ปรากฏตัวขึ้นจากกิลด์และหันมามองหน้านักรบสวมหน้ากาก
「ส่งเสียงโวยวายอะไรกันคะ? แม้ว่าจากที่ดูแล้วดูเหมือนคุณจะใช้ความรุนแรงกับท่านมาร์คูลัสนะคะ!」
「อัลมาส! ใช่แล้ว หมอนั่นละทันใดนั้นมันก็…」
ใบหน้าของมาร์คูลัสเปล่งประกายเมื่อเห็นอัลมาส
จากนั้นเอง ในขณะที่อัลมาสพยายามจะกล่าวโทษนักรบสวมหน้ากาก…
「ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นตัวแทนของกิลด์ยังงั้นนะเรอะ?」
— บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีจากคำพูดของนักรบสวมหน้ากาก
ตัวแทนของกิลด์ พวกเขาเป็นนักผจญภัยที่ทำสัญญาโดยตรงกับกิลด์นักผจญภัยในเมืองหลวง
ทักษะของพวกเขานั้นอยู่ในระดับชั้นหนึ่งหรือสูงกว่า พวกเขามีสิทธิพิเศษมากมายเทียบได้กับหัวหน้าสาขากิลด์
แถมพวกเขานั้นยังไม่มีข้อผูกมัดตามกฏของกิลด์อีกด้วย
「……!」
… ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าใครคือคนที่เธอพยายามจะไฟว้ด้วย….ทันใดนั้นเองอัลมาสก็เลือดขึ้นหน้าทันที
「นะ-นั่นมัน ท่านมาร์คูลัสครั้งนี้คือว่า…」
ทันใดนั้นเองอัลมาสพยายามบอก มาร์คูลัสและเซเวเรียว่าพวกเขาควรจะยอมรับความผิดซะตอนนี้
「หาาาา- ตัวแทนกิลด์งั้นเหรอ? ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเมืองหลวงมันยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่เมืองนี้คือเมืองเขาวงกตเว้ย ช่วยหยุดพล่ามเรื่องราวอันรุ่นโรจน์ในอดีตจะได้ป่ะ?」
「ใช่ม้าดูเหมือนพวกแบบนั้นเลยเนอะ? เพียงเพราะเป็นตัวแทนของกิลด์คิดว่าพวกเราจะลืมเรื่องที่แกทำไว้ได้หรือไงกันย่ะ? เอาจริงรึไง จะบ้าเหรอ?」
… อย่างไรก็ตาม อัลมาสก็สายเกินไปที่จะเบรค
มาร์คูลัสและเซเวเรียยังคงดูถูกเหยียดหยามนักรบสวมหน้ากากคนนั้นต่อไป
พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าตัวแทนกิลด์นั้นมีอำนาจมากแค่ไหน
อัลมาสพยายามจะหยุดสองคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป
แต่ว่ามาร์คูลัสและเซเวเรียก็ไม่ได้ตระหนักถึงความพยายามของอัลมาสเลย
「หรือบางทีเพราะว่าแกเป็นนักผจญภัยจากเมืองหลวงและอยากจะออกจากปาร์ตี้รึไงกัน? ถ้าคิดเช่นนั้นยอมแพ้เหอะวะ」
「ใช่แล้วล่ะ ในเมืองเขาวงกตแห่งนี้เมื่อแกเข้าร่วมปาร์ตี้ไปแล้วจะไม่สามารถออกจากปาร์ตี้ได้」
… แล้วกระนั้นเองมาร์คูลัสและเซเวเรียก็ได้เปิดเผยข้อมูลอันแสนสำคัญออกไปแล้ว
เกี่ยวกับการกระทำที่นักผจญภัยนั้นถูกผูกมัดด้วยกฏที่ไม่มีอยู่จริง
ใช่แล้ว มันไม่มีกฏแบบนั้นในเมืองเขาวงกตแห่งนี้เลย
มันอาจเป็นสิ่งที่อัลมาสทำขึ้นเพื่อหลอกลวงฉันไว้ที่นี่
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่สิ่งนั้นจะได้รับการยอมรับจากตัวแทนของกิลด์หรอก
「หาาา-!」
ในตอนนั้นเองใบหน้าของอัลมาสที่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ได้เปลี่ยนจากความหม่นหมองกลายเป็นสีหน้าซีดเผือก
แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว
「เข้าใจแล้ว」
ในขณะที่มองไปที่มาร์คูลัส เซเวเรีย และอัลมาส นักรบสวมหน้ากากก็พึมพำ
「…นี่สินะต้นตอแห่งความเน่าเฟะ หืม」
จากคำพูดของมาร์คูลัส นักรบสวมหน้ากากไม่ได้พยายามจะซ่อนความโกรธที่เขามีไว้เลยแม้แต่น้อย
「ขะ-เข้าใจผิดแล้วค่ะ! ฉันค่อนข้างมั่นใจเลยว่าท่านมาร์คูลัสนั้นเข้าใจผิดแน่ๆ…」
และทันทีจากที่นักรบสวมหน้ากากพึมพำเช่นนั้น อัลมาสพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง
น่าเสียดายสำหรับเธอแล้วฉันไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้นหรอก
「หืมมม? ไม่ใช่ว่าเธออธิบายแบบนั้นกับฉันแบบถี่ถ้วนเลยเหรอคะ? ทั้งหมดนั่นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดจริงๆเหรอคะ?」
「หา-! เธอพูดมากเกินไปแล้ว…」
อัลมาสส่งสายตาแห่งความตายมาให้กับคำถามของฉันและเมื่อเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้นเอง
「หุบปาก ข้าไม่อยากได้ยินข้อแก้ตัวใดๆอีกแล้ว」
นักรบสวมหน้ากากตัดบทพูดของเธอไป
「อ่าาาาาาาา! ฉะ-ฉันเข้าใจแล้วค่ะ…」
จากนั้น สีหน้าแห่งความสิ้นหวังก็ปรากฏให้เห็นขึ้นบนใบหน้าของอัลมาสขณะที่เธอปิดปากเงียบ
หลังจากนักรบสวมหน้ากากยืนยันว่าอัลมาสไม่พูดอะไรอีกต่อไปเขาก็หันไปมองมาร์คูลัสและเซเวเรีย
… ในเวลานั้นเองมาร์คูลัสและเซเวเรียเริ่มแสดงสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
「ปาร์ตี้ของแก ดาบแห่งอัสนีใช่ไหม? ข้าผู้ซึ่งถูกได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการจากกิลด์ในเมืองหลวงให้มาตรวจสอบกิลด์นักผจญภัยที่เมืองเขาวงกตแห่งนี้ ข้าจะใช้อำนาจของข้าประกาศว่านับแต่นี้เป็นต้นไป ปาร์ตี้ดาบแห่งอัสนี ไม่ได้เป็นปาร์ตี้ชั้นหนึ่งอีกต่อไป」
「หาาา-!」
「ทำไมม!」
…… ทันทีที่พวกนั้นได้ยินคำประกาศของนักรบสวมหน้ากากมาร์คูลัสและเซเวเรียก็บ่นออกมาพร้อมกัน
「แกมีสิทธิมาพูดแบบนี้งั้นเหรอ ทั้งๆที่ระดับก็อยู่แทบจะเท่าพวกเราแท้ๆ?」
——— อย่างไรก็ตาม นักรบสวมหน้ากากก็ปิดปากพวกนั้นด้วยพลังแห่งความโกรธแค้นของเขา
ถูกโจมตีด้วยความโกรธของบุคคลผู้ซึ่งต่อสู้กับนกย่างตัวต่อตัวได้อย่างทัดเทียมกับนกย่างนั่น
มาร์คูลัสและเซเวเรียเริ่มที่จะหายใจไม่ออก
เมื่อเห็นสภาพของพวกนั้น นักรบสวมหน้ากากก็ระงับความโกรธของเขาไว้
「ฮ่า ฮ่า ฮ่า」
「แค่ก แค่ก !」
จากนั้นในขณะที่จ้องมองด้วยสายตาอันเยือกเย็น ขณะที่พวกนั้นกำลังไอแค่กๆ เขาก็เปิดปากพูดขึ้น
「โทษฐานที่ต้องปรับพวกแกหลอกล่อนักผจญภัยและเพื่อนๆของแกเอง พาไปสู้กับบอสโดยไม่บอกให้รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว โทษฐานที่ต้องปรับพวกแกโกหกและพยายามป้องกันไม่ให้ฮีลเลอร์ออกจากปาร์ตี้ นอกจากนี้พวกแกยังต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องมือเวทย์คืนทั้งหมด พวกแกมีจ่ายใช่ไหม?」
「…………หือออ?」
… มาร์คูลัสและเซเวเรียรู้สึกตะลึงกับความต้องการของนักรบสวมหน้ากาก
เพราะว่าค่าปรับที่กำหนดให้แก่ดาบแห่งอัสนีนั้นมันยิ่งใหญ่มาก
เนื่องจากพวกเขาเป็นปาร์ตี้ชั้นหนึ่งอุปกรณ์ก็ค่อนข้างดีและก็น่าจะมีเงินออมด้วย
แต่ค่าปรับนี้แทบจะไม่พอจ่าย หลังจากพวกเขาขายทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาทิ้งไป
「ดะ-เดี๋ยวก่อน ได้โปรดรอสักครู่นะ โอเค!?」
… มาร์คูลัสพยายามขอลดค่าปรับ ส่งเสียงดังอย่างหมดรูป ทั้งเซเวเรียและมาร์คูลัสต่างฝืนยิ้มเพื่อเกลี่ยกล่อมนักรบสวมหน้ากาก
「ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ!」
… อย่างไรก็ตามความพยายามของพวกเขาก็ถูกขัดด้วยเสียงแห่งความโกรธของอาร์เมีย
แม้ว่าท่าทางของเธอยังจะดูย่ำแย่
บางทีเธอยังคงรู้สึกกลัวจากการต่อสู้กับนกย่างนั่น
อย่างไรก็ตามเสียงของเธอที่ตะโกนใส่มาร์คูลัสและเซเวียเรียอย่างมั่นคง
「อ่าาาา อาร์-…」
ถึงกระนั้นมาร์คูลัสและเซเวเรียต่างก็งงงวยกับการกระทำของอาร์เมีย
ราวกับว่าพวกเขาถามว่าทำไมเธอถึงไม่ยืนเคียงข้างกับพวกเขา
(TN:ใครจะไปทนนิสัยพวกเอ็งไหวละฟ่ะเป็นตรูก็ขอบายอ่ะ)
… แต่เมื่อมาร์คูลัสตระหนักว่านักรบสวมหน้ากากกำลังจ้องมองเขาด้วยจิตสังหาร
ใบหน้านั่นก็ซีดเซียวและเขาก็วิ่งหนีออกไปจากที่นี่
เมื่อเห็นมาร์คูลัสที่เป็นแบบนั้น เซเวเรียก็ใช้สกิลของเธอและไล่ตามมาร์คูลัสไปในที่สุดหลังจากที่เห็นพวกนั้นวิ่งหนี
อาร์เมียก็ก้มหัวให้ฉันและนักรบสวมหน้ากาก
「ฉันต้องขอโทษจริงๆค่ะ ไม่ว่ายังไงก็จะจ่ายค่าปรับให้ได้คะ」
หลังจากพูดแบบนั้นอาร์เมียก็เดินออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นคงนัก
เมื่อเห็นสภาพเธอเช่นนั้น ฉันกำลังพยายามจะตามเธอไป
ถึงอย่างนั้น ฉันก็ห้ามตัวเองเอาไว้แล้วหันไปทางนักรบสวมหน้ากากแทน ก่อนหน้าไปหาอาร์เมีย มีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ
「อะแฮ่ม」
เมื่อฉันหันไปมองรอบๆนักรบสวมหน้ากากดูเหมือนเขาจะตัวสั่นเล็กน้อย
「เมืองเขาวงกตมันอันตรายนะ เธอควรจะไปที่กิลด์ในเมืองหลวง ตอนนี้เมืองหลวงนั้นปลอดภัยแล้ว นักผจญภัยที่เป็นอันตรายล้วนแต่ถูกจับมาหมดแล้วล่ะ」
…… ถึงกระนั้นนักรบสวมหน้ากากก็แสร้งทำเป็นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและให้คำแนะนำด้วยเสียงที่ต่ำกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้ตอบสนองต่อคำแนะนำของเขา
ในขณะที่ฉันพยายามจ้องมองไปยังนักรบสวมหน้ากาก ฉันก็เปิดปากพูด
「… ทำไมถึงแต่งตัวแบบนั้นละ ซีค(Zieg)?」
TN:ท่านDiamos แนะนำมา ขอบคุณครับ ;w;
「หา-!」
… ในขณะนั้นเองนักรบสวมหน้ากาก ไม่สิ ซีค กำลังสั่นอย่างเห็นได้ชัด[/canvas]
Chapter 30 ซีค
—ไลลา—
ซีค สเตรียตรัส เขาเป็นหนึ่งในนักผจญภัยระดับท็อปๆในเมืองหลวงและเป็นตัวแทนของกิลด์
เขาเป็นลูกศิษย์ของโรนัลโด้ ซึ่งเป็นนักรบระดับโลก
เขาเป็นอัจฉริยะที่ได้กลายเป็นพวกตัวท็อปในเวลาเพียงไม่กี่ปี
และก็ ซีคยังคงเป็นเพื่อนของฉัน
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เมื่อฉันได้ยินเสียงของนักรบหน้ากาก ฉันก็รู้ตัวตนของเขาได้ทันที……
「… ซีค? ใครละนั่น? พ…… ผมคือเซ็คต่างหาก…?」
… อย่างไรก็ตามที่เขาพยายามจะปิดบังตัวตนต่อไปแบบนี้มัน
ฉันนี่สูญเสียคำพูดให้กับเขาเลยละค่ะ
มันดูแย่เอามากๆเลยล่ะ
ฉันก็เข้าใจหรอกนะว่าพยายามจะดัดเสียงแต่อย่างน้อยก็ควรจะตัดสินก่อนว่า จะใช้เสียงสูงหรือต่ำ ไม่ใช่มั่วกันแบบนี้
ทำไมไม่ยอมดัดเสียงซะแต่แรกล่ะ…
「เอาล่ะ ถ้างั้นตอนนี้เมืองหลวงก็ปลอดภัยแล้วละนะ มันจะดีกว่านะถ้าเธอไปที่เมืองหลวงแทนที่จะอยู่ที่นี่」
「ทำไมล่ะ!?」
「………หือ?」
… ซีคที่เข้าใจผิดและมองมาที่ฉันอย่างมุ่งมั่นพร้อมจะพาฉันกลับไปยังเมืองหลวง
ทำไมถึงคิดว่าใครบางคนจะคล้อยตามตัวเองไปได้ละเนี่ย……
ฉันล่ะเกือบจะกุบขมับกับการกระทำของซีค
ยังไงก็ตามถ้าปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ก็จะเป็นลูปอันไร้ที่สิ้นสุด
เห็นได้ชัดเลยว่าซีคพยายามจะปิดบังตัวตนของตัวเองต่อไป นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจะล่อให้เขาติดกับ
「คิดถึงฉันสินะ ซีค…」
「ชื่อของข้าไม่ใช่…」
ซีคตอบฉัน ซีคพยายามจะพูดบางอย่าง แต่ฉันไม่สนใจและพูดต่อ
「ดาบเวทย์นั่นเป็นของคุณโรนัลโด้ซังใช่ไหมล่ะ?」
「อึ่ก!」
จากคำพูดของฉันแล้ว สีหน้าที่ดูลุกลี้ลุกลนได้เอ่อล้นออกมาจากใบหน้าของเขา
「นี่นายขโมยมันมางั้นเหรอ?」
「เข้าใจผิดแล้ว!」
อย่างไรก็ตามความร้อนลนก็ทำให้เกิดความโกรธขึ้น เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูดออกไป ซีคนั้นภูมิใจในตัวเองมากที่ได้เป็นศิษย์ของโรนัลโด้ซังและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเขานั้นอ่อนไหวกับเรื่องที่เกี่ยวกับโรนัลโด้เพราะไม่อยากให้เสียเกียรติ
「นี่คือสิ่งที่ได้รับมาอย่างเป็นทางการจากท่านอาจารย์แล้ว! ถ้าเธอไปถามเขาล่ะก็เขาก็จะพูดเช่นเดียวกัน……… อ๊ะ-」
เขาก็สังเกตเห็นได้ว่าเขาพูดมากเกินจำเป็น จนกระทั่งถึงกลางประโยคก็หยุดพูดและทำสีหน้าซีดเซียว
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ฉันก็ยิ้ม
「แล้ว…มีอะไรจะพูดอีกไหมล่ะ?」
ในการตอบสนองต่อคำพูดของฉัน ซีคก็ยอมแพ้และเริ่มถอดหน้ากากออก เห็นได้ชัดว่าหมดคำพูดแล้ว
「… เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตรงหน้าแล้วผมไม่สามารถช่วยเธอได้ ผมรู้สึกว่าผมไม่มีคุณสมบัติพอจะโผล่หน้าให้เธอเห็นอีกเลย ดังนั้นผมก็เลยวางแผนว่าจะออกจากที่นี่ทันทีหลังจากทำธุระเสร็จแล้ว」
แล้วสิ่งที่ออกมาจากปากของเขาก็คือคำพูดที่นึกเสียใจถึงบางสิ่ง
ฉันรู้ทันทีว่าซีคกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
ฉันเป็นหนึ่งในคนที่ถูกไล่ออกจากปาร์ตี้ชั้นนำที่อยู่ในเมืองหลวง
จุดเริ่มต้นมันมาจากตอนที่ฉันกำลังถูกหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้กำลังรุมทำร้ายฉัน
ฉันแทบจะไม่รอดแล้วจากสมาชิกปาร์ตี้ที่จะเข้ามาทำร้าย(ข่มขืน)ฉัน แต่นักผจญภัยนั่นที่ไม่ได้แอ้มฉันก็แพร่กระจายข่าวลือเสียๆหายๆให้ฉันที่เมืองหลวง
จากนั้นเมืองหลวงก็ไม่ใช่เมืองที่ฉันจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอีกต่อไป และฉันก็เลือกที่จะออกจากเมืองหลวงด้วยตัวเอง
… แล้วก็ตอนนั้นซีคเองก็กำลังเดินทางไปทำงานในฐานะตัวแทนของกิลด์จึงไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง
「ไอ้พวกปาร์ตี้ที่พยายามจะโจมตีเธอได้โดนลดระดับจากปาร์ตี้ชั้นนำแล้ว อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผมจะทำเช่นนั้นแล้ว แต่ก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่เธอเลย………ขอโทษจริงๆนะ ที่ไม่ได้ตระหนักถึงเพื่อนที่อยู่ในวิกฤตเช่นนั้นเลย」
ฉันเข้าใจว่าซีคนั้นเสียใจมาก เขาก้มหัวให้ฉัน
แต่ฉันก็ไม่ได้ติดใจโกรธอะไร โดยเฉพาะกับซีคแล้ว แน่นอนว่าฉันเองก็อยากจะเห็นพวกนั้นโดนจัดการ
และมันก็เป็นเช่นนั้นไปแล้ว
แม้ว่าฉันจะบอกเขาเช่นนั้น แต่เขาก็ยังคงไม่ยกโทษให้ตัวเอง
…… เพียงเพราะว่าเขาไม่ได้ตระหนักถึงเขายิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก
「ถ้างั้นล่ะก็ เอางี้เป็นยังไงล่ะช่วยเติมเต็มความปราถนาหนึ่งอย่างของฉันได้ไหม? ถ้าหากยังพูดมากอีกละก็ เดี๋ยวแม่ตบดิ้นเลยนะ」
นั่นคือเหตุผลที่เขาจะให้อภัยตัวเอง ฉันจึงได้ตั้งเงื่อนไขให้แก่เขา
ได้ยินข้อเสนอของฉัน ความประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้าของซีค
เห็นได้ชัดว่าซีคไม่ได้คาดหวังว่าฉันที่แทบจะไม่เคยขอความช่วยเหลือจากเขา จะยื่นข้อเสนอให้แบบนี้
「บอกมาได้เลยไม่ว่าอะไรก็จะทำให้.」
แต่ในวินาทีต่อมาซีคที่ดูเหมือนจะทำใจได้แล้วและพยักหน้าอย่างจริงจัง
「—!」
ในขณะนั้นเองฉันก็เผลออ้าปากค้างโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดูเหมือนว่าฉันจะกังวลใจเมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่ฉันจะพูดฉันคิดว่าราวกับมันเป็นปัญหาของคนอื่นเลยล่ะ
อย่างไรก็ตามฉันรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนดังนั้นฉันจึงพูดออกไป
「ขอฉันเป็นคู่(หู)ของนายได้ไหม?」
「………หือออ?」
เมื่อฉันได้ยินเสียงประหลาดใจของซีค ฉันก็ตระหนักได้ว่าเริ่มมีความร้อนผุดขึ้นมาบนใบหน้า
หัวใจเต้นแรงมาก ฉันอายมากจนแทบจะระเบิดตัวตายแล้วล่ะ ฉันคิดว่านี่ฉันก็พูดอ้อมๆแล้วนะ
แต่ว่าแค่นี้มันก็ถึงขีดจำกัดของฉันแล้วล่ะ
เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะพูดคำแห่ง”ความรัก” ได้ตรงๆเพราะว่ามันน่าอายเกินไปน่ะสิ
แม้จะโอบล้อมไปด้วยความโรแมนติก แต่ว่าซีคก็ใช้เวลานานเกินไปในการตอบกลับมาซะด้วยสิ
ฉันเองก็อายเกินไปที่จะถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นออกมาแล้วนะ
「… ไม่ๆผมหมายความว่าจริงๆแล้วผม… เธอแน่ใจเหรอว่าที่จะมาเข้าปาร์ตี้ของผมน่ะ? มะ-มันจะไม่เป็นไรเหรอ?」
TN:หัวทึบ No.2
「………เอ๋?」
… แตถึงกระนั้นความรู้สึกของฉันก็ส่งไปไม่ถึงซีคเลย
ซีคมองมาที่ฉันด้วยความสงสัยเมื่อเห็นใบหน้าของเขาแล้ว ฉันล่ะอยากจะโวยว่ามันจะจบแบบนี้ได้ยังไงหาาา?
……ไม่มันเป็นความผิดฉันเองนั่นแหละที่ใช้คำอ้อมค้อมแบบนั้นกับคนที่สมองทึบแบบนี้
ถึงแม้ว่าจะช่วยไม่ได้ก็เถอะ แต่รู้สึกโกรธเป็นนะ ไม่สิ หมอนี่น่ะมันเกินเยียวยาแล้ว ดังนั้นเขาต่างหากที่แย่น่ะ
ซีคต้องไม่เข้าใจแน่ๆว่าทำไมฉันถึงปฏิเสธคนที่มาชวนปาร์ตี้ฉันอยู่เสมอๆ
มันเป็นเพียงเพราะว่าฉันมีคนในใจที่อยากจะอยู่เคียงค้างแล้วน่ะสิ
「ชะ-ใช่แล้วล่ะ! นายจะไปล่านกย่างนั่นอีกรอบใช่ไหมล่ะ! นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจะไปกับนายด้วย!」
…… แต่ไม่มีทางที่ฉันจะสารภาพรักต่อไปได้แล้วดังนั้นฉันจึงตะโกนตัดบทไป
หนอยๆๆ จริงๆแล้วมันไม่ควรจะจบแบบนี้สิ……
อย่างไรก็ตาม ซีคหัวเราะโดยไม่รู้ว่าฉันคิดอะไรในใจ
「บางทีผมคงต้องฝากให้เธอดูแลอีกแล้วสินะ? ขอโทษจริงๆ……แต่ว่าเมื่อเธออยู่กับผมแล้วผมรู้สึกว่าทำได้ทุกอย่างเลยล่ะ.」
「———อ่อก!」
ซีค ผู้ที่กล่าวเช่นนั้นพร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยความรู้สึกผิดบนใบหน้าของเขา นั่นคือเขาบอกว่าเขาจะพึ่งพาฉันด้วยล่ะด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
ทำให้หน้าของฉันแดงหน่อยๆ
「… หาาาาาาาาา~… นายนี่ตรงไปตรงมาจังเลยนะ」
หลังจากบ่นเช่นนั้น ฉันก็ตัดสินใจเลิกบ่นเรื่องสมองทึบของเจ้าซีค
ที่สำคัญกว่านั้น ต้องมาใช้หัวคิดกับนกย่าง
ท้ายที่สุดแล้วปรากฏการณ์ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของมอนสเตอร์ที่มีความยากสูงมากอย่างนกย่าง
ก่อนอื่นก็ยุคิเรื่องนี้และพูดคุยกับซีคเกี่ยวกับบางสิ่งหลังจากนั้นตัดสินใจเช่นนั้น ก็เพิ่มข้อเสนอเข้าไป
「ก็อย่างที่เห็นละนะ ฉันอยากจะให้นายเอานักเวทย์คนนี้เข้าปาร์ตี้ไปด้วย……」
Chapter 31 สายเกินกว่าจะแก้
—อัลมาส—
「…… ทำไม ทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น?」
ภายในห้องพัก ฉันถึงกับคอตกในขณะกำลังเอามือบังหน้า
สิ่งที่อยุ่ในใจฉันก็คือตัวแทนของกิลด์ที่สวมหน้ากากนั่น
「… ทะ-ทะ-ทะทำไมหมอนี่ถึงได้มาที่นี่!」
ถ้าไม่มีผู้ชายคนนั้นอยู่ที่นี่ละก็ ในขณะที่คิดเช่นนั้นก็กัดริมฝีปากตัวเอง
เพียงเพราะผู้ชายคนนั้นทำให้ตำแหน่งของฉันลดลง
เนื่องจากตำแหน่งลดลงไปแล้ว เพราะว่ากรณีของไอ้ฮีลเลอร์ไม่สมประกอบนั่นเป็นอันตรายถึงชีวิต
…… อย่างไรก็ตามสิ่งที่ครอบงำจิตใจฉันในตอนนี้ไม่ใช่ตำแหน่งของแน
ท้ายที่สุดฉันก็มีปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องกังวลกว่าจนหาที่เปรียบมิได้
「… ถึงแม้ว่าจะไม่มีหมอนั่นจะเข้าสู่ปาร์ตี้ดาบแห่งอัสนี พวกนั้นก็ควรจะชนะไฮดร้าสิ!」
ที่จริงแล้ว ฉันซ่อนภารกิจไฮดร้าของดาบแห่งอัสนีไว้เพื่อที่จะรับเครดิตเพิ่มหลังจากที่พวกนั้นประสบความสำเร็จ
ฉันซ่อนภารกิจเหล่านั้นไว้เพื่อหวังว่าดาบแห่งอัสนีจะได้รับภารกิจนี้อีกครั้ง
หากพวกเขาฆ่าไฮดร้าได้ชื่อเสียงก็จะเพิ่มขึ้นและชื่อของฉันก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นพนักงานต้อนรับสุดพิเศษ
การประเมินของฉันลดต่ำลงเนื่องจากไอ้ฮีลเลอร์ที่มีข้อบกพร่องนั้นเป็นสาเหตุ ทำให้ฉันรู้สึกกระวนกระวายและเผลอทำลงไปโดยไม่ลังเล
「ทำไมฉันถึงทำแบบนั้นลงไป?」
…… อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันก็ได้แต่เสียใจกับการกระทำของฉัน
ไฮดร้าและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่มีความยากระดับสูงพิเศษสามารถกลายพันธุ์ได้หลังจากใช้ชีวิตเป็นเวลานาน
พวกมันจะดูดซับพลังเวทย์โดยรอบและทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกมันได้รับบาดเจ็บพวกมันจะดูดพลังเวทย์มากขึ้น และทำให้กลายพันธุ์ง่ายขึ้น
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหากนักผจญภัยล้มเหลวในการทำเควสที่มีความยากระดับสูงพิเศษ
กิลด์จะต้องส่งปาร์ตี้อื่นไปกำจัดมันทันที
… เจ้าหน้าที่กิลด์ที่ฝ่าฝืนกฏจะได้รับการลงโทษขั้นรุนแรง
「ทำไงดีเนี่ย! ทำไงดี!」
ก่อนหน้านี้ ฉันมั่นใจว่าเวลาที่กำหนดให้พวกดาบแห่งอัสนีนั้นจะสามารถจัดการกับไฮดร้าได้จึงได้ซ่อนเควสเอาไว้
แต่ตอนนี้ไม่สามารถคาดหวังให้ดาบแห่งอัสนีไปตบไฮดร้าได้อีกแล้ว ดังนั้นฉันเริ่มหมดความอดทน
ฉันไม่สนใจการประเมินเกี่ยวกับการเป็นพนักงานต้อนรับอีกต่อไป
การลงโทษจากการซ่อนเควสปราบไฮดร้านั้นรุนแรงเกินจะเทียบได้
ดังนั้นฉันเลยคิดถึงสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างยิ่ง
ฉันทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เมื่อฉันรู้สึกว่าพลังของดาบแห่งอัสนีนั้นลดลง
สำหรับฮีลเลอร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างไลลา ฉันก็ต้องทำให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ออกจากปาร์ตี้ด้วยการทำผิดกฏ
ฉันรู้ด้วยว่านักรบสวมหน้ากากเก่งกาจเพียงใด คนที่ยุยงให้เอาเขาเข้าปาร์ตี้และไปตบบอสประจำดันเจี้ยนก็เป็นฉันอีก
ถ้ามันเป็นไปตามแผนที่วางไว้ดาบแห่งอัสนีก็จะกำจัดบอสดันเจี้ยนได้และด้วยความมั่นใจนั่นจะเป็นตัวช่วยฟื้นฟูมาร์คูลัสและเซเวเรียจากบาดแผลทางใจและไปปราบไฮดร้าอีกครั้งนี่คือสิ่งที่ฉันวางแผนไว้
「เวรเอ้ย! ทำไมกัน!」
… อย่างไรก็ตามแผนทั้งหมดพังทลายลง
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้ในสถานการณ์แบบนี้ ใบหน้าฉันก็ซีดทันที
ยังคงมีเวลาเหลืออันน้อยนิดก่อนที่ไฮดร้าจะกลายพันธุ์
ถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นในวันหนึ่ง แต่ฉันก็ไม่รู้ควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี
ในสถานการณ์เช่นนี้ความคิดของฉันก็ถึงขีดจำกัดแล้วล่ะ
「ไร้ความสามารถจริงๆเลย! อะไรนั่นปาร์ตี้ชั้นนำ! แม้ว่าฉันจะทำตามการตัดสินใจของฉันก็ตามที!」
ความวิตกกังวลแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธและจากนั้นฉันก็ตะโกนความโกรธเหล่านั้นสู่มาร์คูลัสและคนอื่นๆอย่างไม่แยแส
แต่ไม่ว่าฉันจะตะโกนไปมากแค่หน สถานการณ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ความว่างเปล่าก็เข้ามาแทนที่ในใจฉัน
ท้ายที่สุดแล้วมันก็สายเกินไปที่จะแก้มัน
… ดังนั้นฉันเข้าใจสิ่งที่ทำให้ทุกๆอย่างนั้นพังลง
「ถ้าเพียงแต่ว่าฉันสามารถมองเห็นถึงความสามารถของฮีลเลอร์นั่นละก็…」
ฮีลเลอร์ที่ถูกรู้จักกันในนามข้อบกพร่องนั้นพุดขึ้นมาในใจฉัน
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามาร์คูลัสและเซเวเรียนั้นไร้ประโยชน์แล้วก็ตระหนักได้ถึงคุณค่าของฮีลเลอร์คนนั้น
ถึงกระนั้น แม้ว่าฉันจะเข้าใจถึงตัวเขาแล้วก็ตามแต่มันไร้ความหมายอีกต่อไป……
◆ ◆ ◇
—มาร์คูลัส—
「…… ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นวะ?」
นี่คือหนึ่งวันหลังจากที่พวกข้าถูกลดระดับปาร์ตี้ชั้นนำโดยนักรบสวมหน้ากากที่เป็นตัวแทนกิลด์
เซเวเรียและข้ากำลังยืนพิงโต๊ะที่โรงเตี๊ยมที่ติดกับอาคารของกิลด์
หลังจากหนีมาจากกิลด์นักผจญภัยข้าก็ถูกเจ้าหน้าที่กิลด์จับตัวและถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด
แม้แต่ที่อยู่อาศัยของเราก็ถูกขายไปเพื่อชำระหนี้ ข้าสูญเสียทุกอย่าง
ถึงกระนั้นก็ตามเรายังเหลืออีกนิดหน่อยที่จะต้องจ่ายหลังสูญเสียทุกสิ่ง
ในอีกความหมายหนึ่ง จากนี้ข้าจะไปทำเควสอีกครั้งเพื่อทำงานนั่นเอง
「… ไม่มีแรงจูงใจเลยแหะ」
「มันช่วยไม่ได้นี่ ใช่ไหมล่ะ?」
… อย่างไรก็ตามเราไม่มีแรงจูงใจใดๆเลย เมื่อไม่นานมานี้อัลมาสเล่าอะไรบางอย่างให้เราฟังและไปที่ไหนสักแห่ง
แต่ว่าจำได้แค่รายละเอียดเท่านั้นเอง
「ขะ-ข้าเป็นนักผจญภัยชั้นนำ…」
จนถึงตอนนี้ข้าเป็นนักผจญภัยชั้นหนึ่ง เพราะอย่างนั้นตอนนี้เลยรู้สึกว่ามันว่างเปล่าเอามากๆ
แม้แต่แรงจูงใจในการลุกขึ้นยืนอีกครั้งก็ยังถูกลบออกโดยความว่างเปล่าในจิตใจนี้
「ราอุส ถ้าเราให้เขาเข้าปาร์ตี้ของเราอีกครั้งละก็…」
… และข้าที่ไม่สามารถทนกับความรู้นั้นได้พึมพำเช่นนั้น
「อ๊าาาาาาา!」
เมื่อได้ยินคำพูดของข้า เซเวเรียก็มีใบหน้าบิดเบี้ยว
เราไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าราอุสเป็นข้อบกพร่องหรือไม่?(TN:เหรอ?)
มีเพียงสิ่งเดียวที่พาเราไปยังชั้นนำได้
「… ไม่มีทางที่เขาจะกลับมาอีกแล้ว」
…… อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่เราจะติดต่อกับราอุสได้เลยในตอนนี้
เมื่อตระหนักถึงความจริงจากคำพูดทื่อๆของเซเวเรีย ข้าก็กัดริมฝีปาก
แม้ว่าพวกเราจะขอให้ราอุสกลับเข้ามาในปาร์ตี้ของเรา แต่ว่าเขาจะกลับมางั้นเหรอ
ข้าเห็นอนาคตที่เขาไม่พอใจก็เท่านั้นเอง
「หากมีสิ่งที่เราสามารถใช้ประโยชน์จาก…」
หลังจากคิดไปไกลข้าก็พึมพำ
สิ่งที่อยู่ในใจของข้าก็คือร่างของราอุสตามเวลาที่ข้าเรียกออกมาเพื่อหลอกใช้เขาก็เท่านั้น
หลังจากที่ไม่ได้รับการยอมรับจากใคร ราอุสซึ่งในเวลานั้นต้องการๆยอมรับมากกว่าสิ่งใดได้เข้าสู่ปาร์ตี้ของข้าโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนโกงอยู่
หากมีบางอย่างเช่นช่วงเวลานั้น ข้าก็คิดถึงสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก
… ในเวลานั้นข้าก็ได้ยินการสนทนาของผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง
「เฮ้ เตรียมพร้อมเร็วๆหน่อยสิ เราไม่ต้องการเอาชนะไอ้ฮีลเลอร์ที่มีข้อบกพร่องนั้นงั้นเหรอไง?」
「เดี๋ยวสิ หมอนั่นต่อสู้กับหมาป่าแห่งความหายนะมาไม่ใช่เรอะ? พวกเราควรจะรอจนถึงพรุ่งนี้และรวบรวมผู้คนให้มากขึ้นก่อน」
「ชิ! เออ ช่วยไม่ได้…… ไม่เคยคิดเลยว่าหมอนั่นมันจะแข็งแกร่งขนาดนั้น…」
「ใช่ แต่ไม่ว่าหมอนั่นจะแข็งแกร่งแค่ไหนข้าก็ไม่ยอมรับมันหรอกวะ หากหมอนั่นไม่ได้เล่นบทฮีลเลอร์ผู้บกพร่องแล้วก็หมดสนุกกันสิวะ ดังนั้นงานนี้ต้องเอาให้เนี๊ยบเลยนะเว้ย.」
มันเป็นการสนทนาของนักผจญภัยที่เป็นปฏิปักษ์ต่อราอุส ข้าที่เกิดได้ยินการสนทนาพวกนั้นก็เข้าใจทันที
พวกนั้นจะเริ่มโจมตีราอุส
「นี่ไง! ด้วยสิ่งนี้ ข้าก็สามารถทำได้!」
ในขณะนั้นเองฉันลืมสิ่งนี้ที่ว่าเป็นร้านเหล้าที่มีผู้คนมากมายล้อมรอบและตะโกนขึ้นมา
เมื่อเห็นข้า เซเวเรียก็ทำสีหน้าตกใจ
「อะไร-!」
จังหวะนั้นเองข้าก็บอกแผนของพวกเรา การแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไปหลังจากเห็นท่าทีของเซเวเรีย
ข้าก็เอ่ยปากขึ้น
「ด้วยสิ่งนี้แหละ จะทำให้ราอุสกลับมายังดาบแห่งอัสนี!」
ดังที่ข้าพูดไปแล้วการแสดงออกของข้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหวังว่ามันจะสำเร็จ
Chapter 32 แขกที่ไม่คาดคิด
—ราอุส—
「……… ราอุสมีบางอย่างที่ข้าต้องการจะบอกแก」
「ทำไม……นายถึงมาอยู่ที่นี่…?」
สองวันหลังจากจัดการกับหมาป่าแห่งความหายนะ ผู้นำของดาบแห่งอัสนี มาร์คูลัสเข้ามาคุยกับผม
มาร์คูลัสและเซเวเรียดูเหมือนจะรออยู่ในกิลด์นักผจญภัยและจะปรากฏตัวขึ้นตอนที่นาเซน่าไม่อยู่
นาเซน่าและผมมาที่กิลด์เพื่อทำคดีกับหมาป่าแห่งความหายนะ ตอนนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากเพราะมันจบแล้ว
…… อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนั้นหายไปเมื่อ มาร์คูลัสและเซเวเรียปรากฏตัวขึ้น
ผมรู้ว่าสองวันที่ผ่านมาดาบแห่งอัสนีถูกปลดออกจากการเป็นปาร์ตี้ชั้นนำโดยตัวแทนกิลด์
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนี้มาร์คูลัสและเซเวเรียถึงปรากฏตัวต่อหน้าผม รู้สึกแย่จังแหะ
เมื่อตอนที่ผมอยู่ในปาร์ตี้ดาบแห่งอัสนี มาร์คูลัสและเซเวเรียนั้นใช้ความรุนแรงในการระบายความโกรธกับผมบ่อยครั้ง
และผมคิดว่าสาเหตุที่พวกเขาปรากฏตัวตอนนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น
「ได้โปรดล่ะยกโทษให้ข้าด้วยสำหรับที่ข้าทำลงไปกับแกจนถึงตอนนี้.」
「ได้โปรดล่ะ ขอโทษจริงๆนะ」
「…………อะไรนะ?」
นั่นเป็นสาเหตุที่ผมไม่สามารถซ่อนความสับสนได้เมื่อมาร์คูลัสและเซเวเรียก้มศีรษะให้ผม
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้สังเกตถึงความสับสนของผมและพูดคุยขณะที่ยังก้มหัวอยู่
「นายอาจจะรู้อยู่แล้วแต่ดาบแห่งอัสนีถูกลดระดับลงจากปาร์ตี้ชั้นนำ……พวกข้ารู้ว่าข้าเพิ่งเก็บเกี่ยวสิ่งที่พวกเราทำไปจนถึงท้ายที่สุด จนสุดท้ายแล้วเราก็ดันไล่เอซของปาร์ตี้ไปซะได้」
「… พวกเราขอโทษจริงๆนะ ราอุส เราไม่รู้เลยว่านายทำงานหนักเพื่อปาร์ตี้เราขนาดไหน」
ผมไม่สามารถซ่อนความสับสนจากคำขอโทษของทั้งสองได้ ท้ายที่สุดสิ่งที่พวกเขาพูดคือคำที่ผมมองหามาตลอดเวลา
… นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมาร์คูลัสและเซเวเรียพยายามพูดคำเหล่านั้นออกมาเพื่อลบความไม่ไว้วางใจออกจากตัวผมไป
「จริงๆแล้ว นายอาจจะคิดว่าพวกเราไร้ยางอายที่มาปรากฏต่อหน้านายแบบนี้ แต่มีบางอย่างที่พวกเราจะต้องบอกให้นายรู้แม้ว่านายจะไม่รับฟังก็ตาม นายจะถูกพวกนักผจญภัยคนอื่นๆโจมตีเพราะเอาชนะหมาป่าแห่งความหายนะได้! นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม……แล้วนายจะกลับเข้าดาบแห่งอัสนีไหม พวกเราจะได้สามารถปกป้องนายได้?」
「ดาบแห่งอัสนีอาจจะไม่ใช่ปาร์ตี้ชั้นนำอีกต่อไป แต่เราเป็นที่รู้จักกันบ้าง ดังนั้นหากนายต้องการเข้าสู่ดาบแห่งอัสนีอีกครั้งนักผจญภัยพวกนั้นอาจจะลังเลที่จะโจมตีและแม้ว่าพวกนั้นจะโจมตีพวกเราก็ยังร่วมมือกันได้นะ」
「ขะ-ขอบคุณ」
แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของพวกเขาที่ดูจริงใจ เมื่อพวกเขาบอกผมเช่นนั้นด้วยความกังวลก็เลยกล่าวขอบคุณ
มันไม่ได้หมายความว่าผมสามารถวางใจได้ แต่ผมคิดว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เป็นศัตรูในตอนนี้จึงตัดสินใจว่า
「แต่ว่า ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่ไว้ใจได้ ดังนั้นไม่เป็นไรหรอก ไม่จำเป็นต้องกังวล」
「……หือ?」
แต่ไม่ว่าผมจะรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อมาร์คูลัสและเซเวเรียยังไง แต่ก็ไม่เคยคิดจะกลับไปดาบแห่งอัสนีอีกครั้ง
——— นั่นเป็นเพราะผมไม่ได้สนใจนักผจญภัยที่จะทำร้ายผมว่าจะเป็นภัยคุกคาม
เมื่อเห็นว่าพวกเราจัดการหมาป่าแห่งความหายนะได้ บางทีพวกเขาอาจกลัวว่าเราจะโจมตีพวกเขาหรือบางทีพวกเขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าคนแบบผมมีความสามารถขนาดนั้น แต่นาเซน่าเองก็รู้ว่ามีนักผจญภัยบางคนที่จ้องจะโจมตีพวกเราอยู่ด้วย
ถึงอย่างนั้นถ้ามันเป็นเพียงนักผจญภัยทั่วไปดังนั้นแค่นาเซน่ากับผมก็จัดการได้สบายๆ
ไม่ใช่เพราะว่ามั่นใจในตัวเอง แต่เป็นความเชื่อมันของพวกเรา
ดังนั้นทำไมผมไม่จำเป็นต้องยอมรับข้อเสนอของมาร์คูลัสและเซเวเรียเลย
「นี่รอเดี๋ยวสิ」
「หืมมม?」
…… แต่ความมั่นใจของผมนั้นทำให้ใบหน้าของพวกเขาซีดแทน จากนั้นเขาก็อ้าปากค้างในสภาพที่ดูน่ากลัวมากๆ
「ราอุส สมาชิกปาร์ตี้ของนายจะต้องเป็นผู้หญิงที่หลอกใช้นายแน่นอน ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันจะต้องทำลายปาร์ตี้ของนายทันทีจากนั้นดาบแห่งอัสนีจะ……」
「อะไร?」
มาร์คูลัสพยายามอย่างยิ่งที่จะชักชวนผมกลับดาบแห่งอัสนี แต่การชักชวนของเขามีแต่ผลเสียเท่านั้น
ท้ายที่สุดความไม่ไว้วางใจต่อพวกเขา ก็ทำให้มันกลายเป็นชัดเจนว่าพวกเขาเป็นศัตรู
「ระ-ราอุส?」
เมื่อบรรยากาศรอบตัวของผมเปลี่ยนไป มาร์คูลัสก็มีใบหน้าซีดขึ้นมา ความสัมพันธ์ของผมระหว่างมาร์คูลัสนั้นเป็นสิ่งที่แทบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว
ถึงกระนั้นนั่นก็เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับผมในตอนนี้
ด้วยความโกรธของผม ผมเปิดปากพูดขึ้น
「ผมจะไม่ถือว่าดาบแห่งอัสนีเป็นศัตรูของผมละกัน」
「ถ้างั้น…」
ร่องรอยแห่งความหวังปรากฏตัวขึ้นบนใบหน้าพวกเขา
「สหายของผมคือนาเซน่าเพียงผู้เดียว ถ้าคิดจะต่อกรกับเธอ ผมจะบดขยี้ดาบแห่งอัสนีทิ้งซะ」
「อึกกก!」
ในขณะที่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาอันแสนเย็นชา
หลังจากที่ผมพูดจบผมก็ออกจากกิลด์นักผจญภัย มาร์คูลัสและเซเวเรียไม่ได้พยายามจะตามผมมา……
◆ ◆ ◇
—นาเซน่า—
「ตั้งแต่ที่พี่ชายจัดการหมาป่าแห่งความหายนะ เขาเริ่มที่จะเอาใจใส่ฉันมากขึ้นอีกน้าา……」
เมื่อพี่ชายระเบิดความโกรธของเขาไปที่มาร์คูลัส ฉันเฝ้าดูสถานการณ์จากในเงามืดพร้อมกับหน้าแดงเล็กน้อย
มันไม่ใช่ภาพในจินตนาการของฉัน แต่ฉันรู้สึกว่าพี่ชายดีต่อฉันมากเลย เมื่อเร็วๆนี้ฉันยังรู้สึกได้ว่ายังสนิทกับพี่ชายมากขึ้นไปอีก
「ทำอะไรน่ะมาร์คูลัส!? พวกเราต้องรีบตามราอุสไปนะตอนนี้!」
「ดะ-เดี๋ยวก่อนสถานะของหมอนั่นในตอนนี้มัน…」
「พวกเรากำลังทำสิ่งนี้เพื่อจะได้เป็นชั้นนำอีกครั้งไม่ใช่เหรอไง!?」
「อึก! ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ……」
… นั่นเป็นสาเหตุที่เมื่อเห็นทั้งสองคนพยายามจะใช้พี่ชาย ฉันก็ไม่สามารถซ่อนความโกรธได้เลย
เมื่อฉันแน่ใจว่าพี่ชายออกจากกิลด์ไปแล้ว ก็เริ่มเอ่ยปาก
「อะไรกันน้าจะทำลายปาร์ตี้นี้ทิ้งงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าพวกแกเองเหรอที่พยายามหลอกใช้พี่ชายน่ะ?」
「หาาาาา? อะไรของเธอ ตอนนี้เรากำลังยุ่งอยู่นะ……วู้วี้~」
ในการตอบคำถามฉับพลันมาร์คูลัสหันมาและจ้องหน้าฉัน อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่เขาเห็นร่างของฉันพร้อมกับแสดงสีหน้าหื่นกระหาย
「นี่แหนะ.」
「อ่อก-!」
… ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายกับสีหน้าแบบนั้นฉันจึงกระแทกหมัดไปด้วยแรงทั้งหมด
「………หืออออ?」
เซเวเรียที่ประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉับพลันพยายามจ้องมองพนักงานกิลด์เพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่กระนั้นพนักงานกิลด์ก็ทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่เห็นสิ่งนี้
ความจริงแล้ว เขาทำเหมือนเราไม่มีตัวตนต่างหาก
หลังจากนั้นที่ฉันสังเกตเห็นมาร์คูลัสและเซเวเรียกำลังมองหาพี่ชาย ฉันได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของกิลด์เพื่อให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนแล้ว
「อ่อก!」
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของพนักงานกิลด์แล้วเซเวเรียก็พยายามวิ่งหนีไปทันที
「เดี๋ยวก่อน!」
「ฮฮี้!」
อย่างไรก็ตามฉันจับเสื้อโค้ทเธอไว้และบังคับให้เธอหยุด
จากนั้นฉันก็กระซิบข้างหูของเธอ
「พี่ชายอาจจะปฏิบัติกับพวกเธอแบบอ่อนโยนเพราะสถานะสมาชิกเก่าแต่ว่าฉันน่ะนะต่างออกไปเลยล่ะ」
「—!」
ใบหน้าของเซเวเรีย ซีดเซียวจากเสียงกระซิบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่าเล็กน้อย
พี่ชายอาจจะอ่อนโยนกับดาบแห่งอัสนีเพราะด้วยความขอบคุณต่อปาร์ตี้นี้
บางทีเขาอาจจะยกโทษให้พวกนั้นก็ได้ที่กดขี่เขา
แต่ฉันจะไม่ทำเช่นนั้นหรอกนะ
พวกมันพยายามหาประโยชน์จากพี่ชายและเต็มใจโยนเขาออกมาจากปาร์ตี้หลังจากไร้ประโยชน์
การได้เห็นปาร์ตี้แบบนั้นพยายามที่จะทำเช่นนั้นอีกนับครั้งไม่ถ้วน ฉันไม่สามารถเพิกเฉยได้เลย
「ถ้าหากเกิดเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น พี่ชายจะจัดการกับพวกมัน ดังนั้นตอนนี้ฉันจะทำเป็นเมินไปก่อน แต่ไม่มีครั้งต่อไปแล้วนะ หากพวกเธอคิดพยายามจะหลอกลวงหรือพยายามจะเอาเปรียบพี่ชายอีกละก็ ถ้าฉันรู้เตรียมล้างคอรอไว้เลย」
「ขะ-ขะ-เข้าใจแล้ว!」
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซเวเรียก็พยักหน้าทั้งๆที่หน้ายังซีดเซียวซ้ำไปมา
เมื่อเห็นดวงตาที่เหมือนกับน้ำตาจะไหล ฉันเชื่อว่ามันประสบความสำเร็จแล้วที่สลักความกลัวไว้ในจิตใจพวกนั้น
ช่างน่าพอใจ ฉันปล่อยเธอและชี้นิ้วไปที่มาร์คูลัส
「บอกไอ้หมอนี่ด้วยล่ะว่าให้จำเอาไว้ด้วย ไม่มีครั้งหน้าแล้วนะจะบอกให้」
หลังจากพูดเช่นนั้นฉันก็ออกจากกิลด์พร้อมกับไล่ตามหลังพี่ชายไป
Chapter 33 เชิญชวน
—ราอุส—
「ทำตัวตามสบายเลยนะนาเซน่า.」
「อะฮะฮะ…… ขอโทษด้วยนะคะพอดีมีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้น.」
ขณะที่ผมยืนรออยู่หน้ากิลด์นั้น ผมก็เผลอยิ้มเมื่อเห็นนาเซน่าเดินออกมาจากกิลด์
หลังจากที่เธอกลับไปด้านในของกิลด์แล้วบอกว่ามีธุระต้องไปทำ ผมเป็นห่วงว่าเธอจะไม่ได้กลับมา
แต่เท่าที่ดูแล้วดูเหมือนเธอจะสบายดี
ผมรู้สึกโล่งอกจากนั้นก็หัวเราะเล็กน้อย
「ดีใจนะที่จบลงโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริงๆแล้ว ดาบแห่งอัสนีมาที่กิลด์วันนี้ ผมกลับมาก็คิดว่าเพราะว่าเธอไปเกี่ยวข้องอะไรกับพวกนั้นอีก」
「เออ๋!?」
「………หือออ?」
…… อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นมุขล้อเล่น แต่นาเซน่าดูร้อนรน
และการตอบสนองแบบนั้นผมก็เปล่งเสียงแผ่วๆออกมา
วินาทีต่อมาก็คือความประหลาดใจของผมกลายเป็นความกังวล แต่เมื่อผมพยายามจะถาม…
「เป็นไปได้ไหมว่า…」
「พะ-พี่ชาย! มานี่เร็วเข้า!」
ก่อนที่ผมจะได้ถามของผมเสร็จ นาเซน่าก็เปลี่ยนหัวข้อและรีบเดินไปข้างหน้าทันที
การแสดงออกของเธอมันน่าสงสัยจริงๆ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ผมกำลังจะถามนาเซน่าอีกครั้งเมื่อไล่ตามเธอทัน…
「… ไม่นานหลังจากนี้สินะถ้าให้เดา?」
…… อย่างไรก็ตามผมก็พึมพำว่ารู้สึกถึงตัวตนของใครหลายๆคนจากด้านหลังของผม
ดูเหมือนนาเซน่าก็สังเกตเห็นและหยุดเดิน
แน่นอนว่าผมถูกขัดจังหวะจากหัวข้อก่อนหน้า
แต่ว่าจัดการพวกนี้ให้เสร็จก่อนดีกว่า
หรือว่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นผมก็เริ่มเดินพร้อมกับหัวเราะอีกครั้งไปหานาเซน่า
「ไปที่ทุ่งหญ้ากว้างกันเถอะ」
「ค่ะ!」
ทุ่งหญ้า เมื่อเราพูดคำพูดนี้ออกไปพวกคนที่ตามหลังมาก็มีปฏิกิริยาเล็กน้อย
สังเกตเช่นนั้นผมและนาเซน่าก็หัวเราะ
「… เอาล่ะ ไปที่นั่นกันดีกว่าเนอะ」
「… ค่ะ พวกนี้มันน่ารำคาญจริงๆใช่ไหมล่ะ?」
ทันทีที่เราเริ่มเดินพวกนั้นก็เริ่มตามมา ผมกับนาเซน่าแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วเดินต่อไป
… คนเหล่านั้นที่สะกดรอยตามเราไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเราเป็นคนเชื้อเชิญพวกเขามานั่นเอง
◆ ◆ ◇
หลังจากออกจากกิลด์นักผจญภัยได้สักพัก เราก็มุ่งหน้าไปยังทุ่งหญ้าสัญญาณของพวกนั้นได้หายไป
แต่เมื่อเรามาถึงทุ่งหญ้าสัญญาณตัวตนของพวกนั้นก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมล้อมรอบตัวเรา
「ฮะฮ่าฮ่า! ดีจริงๆที่พวกแกมาที่นี่ด้วยตัวเอง!」
วินาทีต่อมาเหล่าพวกนักผจญภัยที่หมายตาเราทั้งหลายเป็นเวลาหลายวัน ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
หัวหน้ากลุ่มของพวกนั้นหัวเราะลั่น
ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความซาดิสต์ สงสัยหมอนั่นจะจินตนาการเรื่องแบบนั้นกับนาเซน่า
พร้อมกับทำแบบนั้นต่อหน้าผม จนทำให้ผมถึงกับต้องคุกเข่าขอโทษเลยละมั้ง
และด้วยสีหน้าแบบนั้นเองเขาก็เริ่มพูดขึ้น
「ถ้าพวกข้าฆ่าแกที่นี่ กิลด์เองก็คงคิดว่าเป็นการทะเลาะกันทั่วๆไปของนักผจญภัยแล้วคงไม่เข้ามายุ่ง ในอีกความหมายหนึ่งพวกข้าจะเล่นสนุกกับแกแบบไห— อ๊ากกก!?」
「หุบปากซะ!」
… แต่ว่าเขาก็ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค
ในขณะที่หมอนั่นกำลังพล่าม ผมก็ปามีดไปปักที่ขาจนทำให้เขาต้องหุบปาก
「………หือออ?」
「หะ-เห้ย ไม่แปลกไปหน่อยเหรอวะ? กะ-แกขว้างมีดไปได้ด้วยระยะขนาดนั้นเนี่ยนะ!」
ความสับสนนั้นล้อมรอบพื้นที่นี้ไว้หมดแล้ว
เมื่อเห็นสภาพตรงหน้า ผมก็หัวเราะขึ้นมา
「คิดจะกำจัดผมทิ้งยังงั้นเหรอ นั่นสิ่งที่จะพูดสินะ? ไม่มีทางที่พวกแกจะทำแบบนั้นได้หรอก ความจริงแล้วมันตรงกันข้ามเลยต่างหากล่ะ——— ผมนี่ล่ะจะกำจัดพวกนายทิ้งซะให้หมดที่นี่เลย」
(TN:ไม่เจอกันเดี๋ยวเดียวนิสัยผลิกไปเลยนะ)
「อึก!」
ผมพูดกับพวกนั้นพร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกไป ใช่แล้วล่ะ…ผมรู้สึกหงุดหงิดมากๆเลยกับพวกนี้เนี่ยที่เอาแต่หลบๆซ่อนๆตามมาอยู่ได้ เลยล่อพวกนั้นมาที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้
นั่นเป็นเหตุผลว่า ผมนั้นเชิญชวนพวกนั้นมาที่ทุ่งหญ้านี้โดยที่ไม่รู้สึกตัวสักนิด…แต่ว่าอีกฝ่ายดันคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดีที่จะได้โจมตีพวกผม
นอกจากนี้สำหรับพวกนั้นไม่เพียงแค่จะเป็นตัวอันตรายสำหรับผมแล้ว ยังกับนาเซน่าอีก…
ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยพวกนี้เผ่นผ่านไปแน่ๆ
「ถ้าผมกำจัดพวกแกทิ้งไปได้ พวกที่มาตามตื้อก็จะยิ่งน้อยลง ดังนั้นจะกำจัดพวกนายทิ้งซะเท่าที่มากได้ละกัน」
ดังนั้นผมจึงหัวเราะเยาะเหล่านักผจญภัยที่อยู่ที่นี่เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่พวกที่จะมาขวางทางผม
ความกลัวเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาหลังจากได้ยินคำพูดของผม
「โอ้วววว!」
ในเวลาต่อมานั้นเองเหล่านักผจญภัยก็มุ่งหน้าตรงมายังผม…
◆ ◆ ◇
「เข้าใจแล้วมุ่งหน้าเข้ามาหาผมคนนี้ เพื่้อที่จะไม่ให้ผมขว้างมีดยังงั้นเหรอ」
เมื่้อเห็นเหล่านักผจญภัยวิ่งเข้ามาผมก็บ่นพึมพำ
เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นเห็นว่ามีดของผมนั้นมันอันตรายเลยเข้ามาใกล้
… ถึงกระนั้นเองการตัดสินใจของพวกเขานั้นก็เป็นแค่เรื่องผิดพลาด
แท้จริงแล้ว หมัดของนาเซน่าต่างหากที่น่ากลัวที่สุดน่ะ
「ไว้ใจได้เลยพี่ชาย!」
และเพื่อที่จะแสดงพลังเหล่านั้นเอง นาเซน่าจึงพุ่งเข้าไปหานักผจญภัยเหล่านั้น
「อ๊ากกกก!」
「ยะ-หยุดนะ! อ๊าาาาาาาาาาาาาา!」
ร่างกายของเธอที่เสริมพลังด้วยสกิล เมื่อเข้าไปหาเหล่านักผจญภัยก็ทำให้พวกนั้นตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชทันที
พวกนั้นไม่สามารถโจมตีนาเซน่าได้ ขณะเดียวกันพวกนั้นก็ได้รับความเมตตาจากนาเซน่าด้วยการโจมตีอย่างรวดเร็ว
「อืมม ดูเหมือนนาเซน่าจะสบายดีนะ」
เมื่อเห็นนาเซน่าเริ่มต้น ผมเองก็พยักหน้าพร้อมกับเริ่มจะทำในส่วนของตัวเองเช่นกัน
「ตายซะ ไอ้เวร ฮีลเลอร์ที่มีข้อบกพร่องเอ้ย!」
มีนักผจญภัยจำนวนมากมุ่งหน้ามาหาผมยิ่งกว่านาเซน่าซะอีก ไม่แน่ใจเพราะว่าคิดว่าจัดการผมได้ง่ายๆ
หรือเกลียดผมหรอกนะ แต่ดูเหมือนว่าผมจะเป็นเป้าหมายหลักของพวกนั้นเสียมากกว่า
นั่นหมายความว่าผมเป็นตัวดึงดูดนักผจญภัยเหล่านั้นมา
ถ้าเป็นเช่นนั้นบทบาทของผมก็คือไม่ให้พวกนี้ไปยุ่งกับนาเซน่าเด็ดขาด
หลังจากตัดสินใจได้แล้วผมก็พยายามอย่างดีที่สุดในการป้องกัน
ตอนนั้นเองก็ตรวจจับเวทย์ได้ในรัศมี 10 เมตร
ถึงแม้ระยะที่ตรวจได้จะจำกัด แต่ว่ามันค่อนข้างแม่นยำเพราะฝึกฝนเป็นเวลาหลายปี
ในขณะที่ใช้การตรวจจับเวทย์ ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของผมก็ทื่อลง ทุกอย่างที่อยู่นอกรัศมี 10 เมตรแทบจะมองไม่เห็น
——— ในทางกลับกันภายในระยะ 10 เมตรนี้ผมสามารถสัมผัสถึงได้ทุกอย่าง
ด้วยการตรวจจับเวทย์ทำให้รู้การเคลื่อนไหวของพวกนักผจญภัยที่จะเข้ามาโจมตี
หลากหลายวิธีโจมตี หลากหลายวิธีการหลบหลีก ถ้าเป็นไปได้ก็จะทำให้พวกนั้นโจมตีใส่กันเองด้วย
จากนั้นเองด้วยข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมา ผมก็เสริมความแข็งแกร่งของร่างกายด้วย คิ
ในขณะนั้นเองรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม เพราะรู้สึกได้ว่าทุกสิ่งรอบด้านมันช้าลง
ใช่แล้วส่วนที่ผมเสริมความแข็งแกร่งด้วย คิ นั่นคือ สมอง
เมื่้อผมเสริมพลังด้วย คิ ทั้งร่างจะทำให้ผมควบคุมพลังไม่ค่อยได้ เพราะเหตุนั้นเองจึงทำการฝึกเสริมพลังแค่ส่วนหนึ่งของร่างกายเท่านั้น
แล้วตอนนี้เองด้วยการเสริมประสาทสัมผัสที่สมอง พวกนักผจญภัยก็ไม่สามารถทำอะไรผมได้
ผมทำให้การโจมตีของพวกเขานั้นเข้าหาพวกพ้องตัวเอง ไม่ก็จำกัดการโจมตีของพวกนั้นไว้
ไม่ก็รับการโจมตีพวกนั้นไว้ด้วยมีดสั้น
ใจกลางการต่อสู้นั้นเอง ก็มีไฟบอลจากนอกระยะ 10 เมตรพุ่งเข้ามาแต่ว่าผมก็หลบมันได้โดยง่าย
วิธีการป้องกันนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดค้นขึ้นขณะที่ใช้เวทย์ไปพร้อมกับคิ
ตราบใดที่ผมยังทำแบบนี้ต่อไปได้ ก็สามารถดึงดูดความสนใจได้เรื่อยๆ
ในขณะที่ผมคอยดึงความสนใจอยู่นั้นเอง นาเซน่าก็ค่อยๆจัดการไปทีละคนจนจำนวนเริ่มน้อยลงแล้ว
「เวรเอ้ยยย! พวกมันเป็นตัวอะไรกันวะเนี่ย!」
เมื่อมองถึงสภาพการต่อสู้นี้แล้วนักผจญภัยคนหนึ่งก็กรีดร้องออกมาด้วยความกลัว
เมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้นเองผมก็แทบมั่นใจในชัยชนะของพวกเราแล้วยิ้มออกมา
จนถึงตอนนี้คนในกิลด์มักจะดูถูกผมบ่อยๆ แต่ถ้าผมชนะในศึกครั้งนี้สถานการณ์จะเปลี่ยนไป
ผมจะได้ยอมรับว่าเป็นนักผจญภัยที่มีความสามารถ
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างนั้นต้องขอบคุณนาเซน่า
อาจเป็นไปได้ว่าหากเธอไม่ได้เข้ามาเกี่ยวกับชีวิตผมแล้วคงจะจบลงที่ก้นเหวของคนไร้ความสามารถก็ได้
เพราะแม้กระทั่งตัวเองยังคิดว่าเป็นแค่คนไร้ความสามารถ
ไม่สิ ถ้าไม่ใช่ว่าเจอกับนาเซน่าเมื่อหลายปีก่อน ผมก็ไม่มีความสามารถนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ในขณะคิดเช่นนั้น ก็รู้สึกขอบคุณนาเซน่าจริงๆ
ผมที่มายืนอยู่ตรงนี้ได้เพราะมีเธออยู่
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนผมต่อสู้ ก็ได้โอบกอดความรู้สึกที่มีต่อนาเซน่าเช่นนี้ไว้……
「อะไ-!」
… แต่ช่วงเวลาถัดไปก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นขึ้นมาบนแผ่นหลังและก็หยุดการต่อสู้เพื่้อหันไปมอง
「อะ-อะไรกันความรู้สึกเหล่านี้มัน……」
「เฮ้ย ตรงนั้นอะ! มีอะไรอยู่ตรงนั้นด้วย!」
ไม่ใช่แค่ผมที่หยุดลงคนอื่นๆก็ด้วย
……เมื่อเห็นท่าทางของคนอื่นลางสังหรณ์ของผมก็เริ่มคลุมเครือ
เพราะว่าผมจำความรู้สึกอันคลุมเคลือนี้ได้และมันปล่อยความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจอย่างมากจนทำให้ทุกคนต้องหยุดขยับ
ทันใดนั้นเองผมก็จำความรู้สึกนั้นได้และหยุดการเร่งความคิดลงกับการตรวจจับเวทย์และหันไปมองนักผจญภัย
คนหนึ่งที่ชี้นิ้วไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง…ผมจึงใช้คิเสริมไปยังส่วนดวงตาเพื่อมองไปยังจุดนั้น
… เมื่อผมเห็นบางอย่างเข้ามาด้วยความเร็วพร้อมจะทำลายทุกอย่าง ผมก็สูญเสียคำพูดไปในทันที
「———!」
เพราะว่าสิ่งที่เข้ามามันมีหกหัวและดวงตาสีเหลืองและแสดงท่าทางเป็นศัตรูเต็มที่
「ไม่มีทาง……」
ดวงตาเหล่านั้นจับจ้องมายังที่แห่งนี้ ผมรู้สึกได้ว่าดวงตาเหล่านั้นมันจับจ้องมาที่ผม ผมถึงได้เข้าใจว่าทำไมมันถึงเร่งรีบและมุ่งมายังที่แห่งนี้ทันที
——— สิ่งที่มาที่นี่ด้วยความเร็วสูงนั่นก็คือไฮดราที่ผมตัดหัวไปเมื่อตอนยังอยู่ปาร์ตี้ดาบแห่งอัสนีและตอนนี้มันกลายพันธุ์ไปแล้วChapter 34 ความกล้าและความหวัง
—ราอุส—
「ทำไมกัน……」
ในขณะที่ไฮดร้ากำลังเข้ามาผมก็เปล่งเสียงแหบๆออกมา
「… อะไรวะนั่น? เอาจริงดิ?」
「ทำไมถึงมีไฮดร้ามาอยู่ที่นี่ได้ฟะ! ไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์มันไม่เคลื่อนที่ออกจากพื้นที่ตัวเองรึไง!?」
「… ไม่ล่ะ นั่นคือมอนกลายพันธุ์ ไฮดร้านั่นมันออกจากส่วนลึกของป่าด้วยตัวมันเอง.」
「หาาาาา? ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย?…… ไฮดร้านั่นตามปกติถ้าเป็นขาของมนุษย์ใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลยนะถ้าเคลื่อนที่จากระยะทางนั้นน่ะ!」
「นี่มันสิ้นหวังแล้ว……」
จากนั้นเองพวกนักผจญภัยที่รู้สึกตัวช้ากว่าผมก็เริ่มสังเกตเห็นไฮดร้าและเริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้น
「อะไรฟ่ะ ทำไมไฮดร้ามันถึงกลายพันธุ์…」
……ในขณะที่คนอื่นกำลังสับสน ผมก็บ่นพึมพำขึ้นมา
จากทั้งหกหัวนั้นจับจ้องว่าผมเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
มันแสดงให้เห็นเลยว่านั่นคือไฮดร้าตัวเดียวกันที่ผมตัดหัวมันออกไปสองหัวนั่นเอง
และถ้าเป็นไฮดร้าตัวเดียวกันละก็เวลาที่ใช้กลายพันธุ์มันสั้นเกินไป
แน่นอนว่ามอนสเตอร์หากได้รับบาดเจ็บมันจะดูดพลังเวทย์รอบๆได้มากขึ้นซึ่งทำให้เวลากลายพันธุ์สั้นลง
ถึงกระนั้นก็ยังใช้เวลาประมาณสามถึงสี่เดือนเลยทีเดียว
ไม่สิสำหรับไฮดร้าที่มันยังมีชีวิตอยู่นับว่าแปลกมาก
ในการกลายพันธุ์ยิ่งมอนตัวนั้นโหดเท่าไรก็ยิ่งยากในการกลายพันธุ์ ยิ่งแข็งแกร่งมากก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมก่อนที่มันจะกลายพันธุ์จะโดนจัดการก่อนเสมอ
เกิดอะไรขึ้นทำไมมันถึงมุ่งมาที่นี่ เมื่อผมเริ่มคิดอย่างนั้นเอง……
「วิ่งเร็วเข้า!เดี๋ยวนี้เลย!」
「… เปล่าประโยชน์น่า ดูความเร็วนั่นดิโว้ยแม้ว่าเราจะวิ่งตอนนี้……」
「เวรเอ้ย! ทำไมต้องตอนนี้ด้วยวะ!」
ผมนั้นสติถูกดึงกลับมาโดยเหล่านักผจญภัยรอบๆตัว
「อั่กก!」
ใช่แล้ว ไม่มีเวลาพอที่จะมาไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือไฮดร้าที่กลายพันธุ์กำลังมานี่
… นอกจากนี้ยังใช้เวลาไม่นานจนไฮดร้าจะมาถึงที่นี่
「เวรเอ้ย…」
เมื่อมองดูหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นผมก็รู้สึกได้ว่าตัวของผมสั่นไปด้วยความสิ้นหวังและความกลัว
…… ไฮดร้านี่ ผมมั่นใจว่าแม้ทุกคนที่นี่จะร่วมมือกันต่อสู้เราก็ยังไม่สามารถชนะมันได้
ในช่วงเวลานั้นผมตัดสินใจ ในขณะที่ไฮดร้ากำลังเข้ามาหาผม ผมต้องทำสิ่งที่ทำได้มากที่สุดเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ
「นาเซน่า หนีไปซะ」
「อึ่ก!」
เมื่อผมมองย้อนกลับไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของนาเซน่าก็บิดเบี้ยวไปด้วยความหวาดกลัว
มันช่วยไม่ได้นี่หน่า
ท้ายที่สุดเองผมเองก็กลัวไฮดร้าเหมือนกัน
「แต่ว่า พี่ชายน่ะ……」
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะอยู่ในสภาพนี้นาเซน่าก็ยังห่วงผมมากกว่า
บางทีจริงๆแล้วนาเซน่าอยากจะหนีออกไปจากตรงนี้แล้วก็ได้
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เธอกลับเป็นห่วงผม
… เพียงแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
「ไปเถอะนะ ขอร้องล่ะ」
「ไม่คะ! มันจะไร้ค่าถ้าหากไม่มีพี่ชายไปด้วยล่ะก็!」
แม้แต่ตอนที่นาเซน่าพูดเช่นนั้นผมก็ไม่ได้ขยับตัวออกจากที่นี่ นอกจากนี้ในขณะนั้นเองผมก็มีความสุขพร้อมกับรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน
「ความเร็วของไฮดร้ามันผิดปกติมาก ผมไม่สามารถหนีจากไฮดร้าได้ แต่ถ้าเป็นเธอล่ะก็ทำได้แน่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมขอร้องเธอนะ มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่สามารถปกป้องคนในเมืองได้นาเซน่า」
「………!」
ใบหน้าของนาเซน่าเต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อผมพูดถึงเกี่ยวกับชาวเมือง แน่นอนว่าเหตุผลแบบนี้ก็รู้สึกผิดเหมือนกัน
ผมนั้นเข้าใจดีที่สุดกับคำพูดเห็นแก่ตัวของผม
ถึงแม้ว่ามันจะไม่แฟร์ที่ต้องพูดแบบนี้และยังหลอกลวงคนสำคัญที่สุดสำหรับผมเองอีก แต่ว่าถ้ามันช่วยนาเซน่าได้อะไรที่ทำได้มันก็ต้องทำ
「นั่นมัน… เรื่องแบบนั้นฉันยอมรับไม่ได้หรอกค่ะ!」
… แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นกลับตรงกันข้ามกับความคาดหวังของผมไป
หลังจากเธอกัดริมฝีปากของเธอ เธอก็หันไปมองนักผจญภัยที่อยู่ใกล้ๆ
นักผจญภัยเหล่านั้นกำลังสั่นไปด้วยความกลัว แต่ถึงกระนั้นนาเซน่าก็คว้าคอเสื้อขึ้นมาและตะโกนพร้อมกับเขย่าตัวเขาอย่างรุนแรง
「ตั้งสติไว้! เร็วเข้ารีบไปแจ้งให้กิลด์นักผจญภัยรู้เรื่องซะ!」
「อั่กกก! หุบปากน่า! มันสายเกินไปแล้ว! พวกเรากำลังจะตาย…」
「หรือพวกนายอยากจะให้ฉันฆ่าทิ้งซะตรงนี้เลยดีล่ะ? ถ้าไม่รีบละก็ฉันเอาจริงแน่!」
「ฮี้~~~」
ด้วยคำขู่ของนาเซน่าเลยทำให้พวกนั้นระลึกถึงความกลัวที่เจอต่อนาเซน่าได้
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักผจญภัยที่นาเซน่าจัดการไป เมื่อนาเซน่าทำท่าราวกับทำใจได้แล้วหมอนั่นก็รีบวิ่งกลับไปที่กิลด์นักผจญภัยทันทีด้วยความเร็วเหมือนดั่งปกติ
「ฉันก็จะสู้ด้วยค่ะ พี่ชาย!」
หลังจากยืนยันได้แล้วว่านักผจญภัยนั่นวิ่งกลับไป นาเซน่าก็พูดกับผมที่ยังคงยืนตะลึง
「……ทำไมทำแบบนี้ล่ะ?」
…… ผมพึมพำโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นนาเซน่าเพราะจนถึงตอนนี้เธอยังสั่นคลอนจากความกลัว
ผมเลยคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะให้เธอหนีออกไปจากที่นี่
การที่เธอประกาศคำตั้งใจเช่นนั้นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์พาไป แต่แล้วเธอก็เช็ดน้ำตา
… อย่างไรก็ตามแม้จะมีความรู้สึกที่จะสู้แต่ในขณะเดียวกันเธอก็สั่นกลัวไฮดร้า
เนื่องจากเธอมีความสามารถมากดังนั้นจึงเข้าใจความแข็งแกร่งของไฮดร้าดี
ในสถานะนั้นเธอก็ยังบอกที่จะสู้ไปพร้อมกับผมอีก
「ข้อร้องล่ะ ได้โปรด—」
เพียงเพราะผมเข้าใจความกลัวของเธอ เพียงแต่คำพูดของเธออาจะเป็นเพียงความอาจหาญ
นั่นคือเหตุผลที่ผมจะสามารถโน้มน้าวใจเธอได้และจ้องมองไปในดวงตาของเธอ
「———!」
ตอนนั้นผมก็สังเกตเห็นแสงที่อยู่ภายในดวงตาของเธอ
นาเซน่าไม่อาจจะทนความกลัวที่มีต่อไฮดร้าได้ซึ่งทำให้ร่างกายเธอสั่นเทา
ดังนั้นเลยเชื่อว่าอาจจะโน้มน้าวใจเธอได้แต่ว่าก็เป็นความคิดที่ผิด
แม้ว่าเธอไม่เคยคิดว่าเธอจะสามารถเอาชนะไฮดร้าได้ แต่นาเซน่าก็ไม่คิดจะยอมแพ้
ในสถานะนั้นเองเธอยังคงให้ความหวังกับบางสิ่ง
「ถ้าพี่ชายอยู่ด้วยกันกับฉันล่ะก็ ไม่ว่าอะไรเราก็จะไม่แพ้ทั้งนั้น!」
เมื่อเห็นสภาพเธอในตอนนี้ก็ทำให้นึกถึงความทรงจำบางอย่างขึ้นมา……
Chapter 34 ความกล้าและความหวัง
—ราอุส—
「ทำไมกัน……」
ในขณะที่ไฮดร้ากำลังเข้ามาผมก็เปล่งเสียงแหบๆออกมา
「… อะไรวะนั่น? เอาจริงดิ?」
「ทำไมถึงมีไฮดร้ามาอยู่ที่นี่ได้ฟะ! ไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์มันไม่เคลื่อนที่ออกจากพื้นที่ตัวเองรึไง!?」
「… ไม่ล่ะ นั่นคือมอนกลายพันธุ์ ไฮดร้านั่นมันออกจากส่วนลึกของป่าด้วยตัวมันเอง.」
「หาาาาา? ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย?…… ไฮดร้านั่นตามปกติถ้าเป็นขาของมนุษย์ใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลยนะถ้าเคลื่อนที่จากระยะทางนั้นน่ะ!」
「นี่มันสิ้นหวังแล้ว……」
จากนั้นเองพวกนักผจญภัยที่รู้สึกตัวช้ากว่าผมก็เริ่มสังเกตเห็นไฮดร้าและเริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้น
「อะไรฟ่ะ ทำไมไฮดร้ามันถึงกลายพันธุ์…」
……ในขณะที่คนอื่นกำลังสับสน ผมก็บ่นพึมพำขึ้นมา
จากทั้งหกหัวนั้นจับจ้องว่าผมเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
มันแสดงให้เห็นเลยว่านั่นคือไฮดร้าตัวเดียวกันที่ผมตัดหัวมันออกไปสองหัวนั่นเอง
และถ้าเป็นไฮดร้าตัวเดียวกันละก็เวลาที่ใช้กลายพันธุ์มันสั้นเกินไป
แน่นอนว่ามอนสเตอร์หากได้รับบาดเจ็บมันจะดูดพลังเวทย์รอบๆได้มากขึ้นซึ่งทำให้เวลากลายพันธุ์สั้นลง
ถึงกระนั้นก็ยังใช้เวลาประมาณสามถึงสี่เดือนเลยทีเดียว
ไม่สิสำหรับไฮดร้าที่มันยังมีชีวิตอยู่นับว่าแปลกมาก
ในการกลายพันธุ์ยิ่งมอนตัวนั้นโหดเท่าไรก็ยิ่งยากในการกลายพันธุ์ ยิ่งแข็งแกร่งมากก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมก่อนที่มันจะกลายพันธุ์จะโดนจัดการก่อนเสมอ
เกิดอะไรขึ้นทำไมมันถึงมุ่งมาที่นี่ เมื่อผมเริ่มคิดอย่างนั้นเอง……
「วิ่งเร็วเข้า!เดี๋ยวนี้เลย!」
「… เปล่าประโยชน์น่า ดูความเร็วนั่นดิโว้ยแม้ว่าเราจะวิ่งตอนนี้……」
「เวรเอ้ย! ทำไมต้องตอนนี้ด้วยวะ!」
ผมนั้นสติถูกดึงกลับมาโดยเหล่านักผจญภัยรอบๆตัว
「อั่กก!」
ใช่แล้ว ไม่มีเวลาพอที่จะมาไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือไฮดร้าที่กลายพันธุ์กำลังมานี่
… นอกจากนี้ยังใช้เวลาไม่นานจนไฮดร้าจะมาถึงที่นี่
「เวรเอ้ย…」
เมื่อมองดูหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นผมก็รู้สึกได้ว่าตัวของผมสั่นไปด้วยความสิ้นหวังและความกลัว
…… ไฮดร้านี่ ผมมั่นใจว่าแม้ทุกคนที่นี่จะร่วมมือกันต่อสู้เราก็ยังไม่สามารถชนะมันได้
ในช่วงเวลานั้นผมตัดสินใจ ในขณะที่ไฮดร้ากำลังเข้ามาหาผม ผมต้องทำสิ่งที่ทำได้มากที่สุดเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ
「นาเซน่า หนีไปซะ」
「อึ่ก!」
เมื่อผมมองย้อนกลับไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของนาเซน่าก็บิดเบี้ยวไปด้วยความหวาดกลัว
มันช่วยไม่ได้นี่หน่า
ท้ายที่สุดเองผมเองก็กลัวไฮดร้าเหมือนกัน
「แต่ว่า พี่ชายน่ะ……」
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะอยู่ในสภาพนี้นาเซน่าก็ยังห่วงผมมากกว่า
บางทีจริงๆแล้วนาเซน่าอยากจะหนีออกไปจากตรงนี้แล้วก็ได้
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เธอกลับเป็นห่วงผม
… เพียงแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
「ไปเถอะนะ ขอร้องล่ะ」
「ไม่คะ! มันจะไร้ค่าถ้าหากไม่มีพี่ชายไปด้วยล่ะก็!」
แม้แต่ตอนที่นาเซน่าพูดเช่นนั้นผมก็ไม่ได้ขยับตัวออกจากที่นี่ นอกจากนี้ในขณะนั้นเองผมก็มีความสุขพร้อมกับรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน
「ความเร็วของไฮดร้ามันผิดปกติมาก ผมไม่สามารถหนีจากไฮดร้าได้ แต่ถ้าเป็นเธอล่ะก็ทำได้แน่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมขอร้องเธอนะ มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่สามารถปกป้องคนในเมืองได้นาเซน่า」
「………!」
ใบหน้าของนาเซน่าเต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อผมพูดถึงเกี่ยวกับชาวเมือง แน่นอนว่าเหตุผลแบบนี้ก็รู้สึกผิดเหมือนกัน
ผมนั้นเข้าใจดีที่สุดกับคำพูดเห็นแก่ตัวของผม
ถึงแม้ว่ามันจะไม่แฟร์ที่ต้องพูดแบบนี้และยังหลอกลวงคนสำคัญที่สุดสำหรับผมเองอีก แต่ว่าถ้ามันช่วยนาเซน่าได้อะไรที่ทำได้มันก็ต้องทำ
「นั่นมัน… เรื่องแบบนั้นฉันยอมรับไม่ได้หรอกค่ะ!」
… แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นกลับตรงกันข้ามกับความคาดหวังของผมไป
หลังจากเธอกัดริมฝีปากของเธอ เธอก็หันไปมองนักผจญภัยที่อยู่ใกล้ๆ
นักผจญภัยเหล่านั้นกำลังสั่นไปด้วยความกลัว แต่ถึงกระนั้นนาเซน่าก็คว้าคอเสื้อขึ้นมาและตะโกนพร้อมกับเขย่าตัวเขาอย่างรุนแรง
「ตั้งสติไว้! เร็วเข้ารีบไปแจ้งให้กิลด์นักผจญภัยรู้เรื่องซะ!」
「อั่กกก! หุบปากน่า! มันสายเกินไปแล้ว! พวกเรากำลังจะตาย…」
「หรือพวกนายอยากจะให้ฉันฆ่าทิ้งซะตรงนี้เลยดีล่ะ? ถ้าไม่รีบละก็ฉันเอาจริงแน่!」
「ฮี้~~~」
ด้วยคำขู่ของนาเซน่าเลยทำให้พวกนั้นระลึกถึงความกลัวที่เจอต่อนาเซน่าได้
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักผจญภัยที่นาเซน่าจัดการไป เมื่อนาเซน่าทำท่าราวกับทำใจได้แล้วหมอนั่นก็รีบวิ่งกลับไปที่กิลด์นักผจญภัยทันทีด้วยความเร็วเหมือนดั่งปกติ
「ฉันก็จะสู้ด้วยค่ะ พี่ชาย!」
หลังจากยืนยันได้แล้วว่านักผจญภัยนั่นวิ่งกลับไป นาเซน่าก็พูดกับผมที่ยังคงยืนตะลึง
「……ทำไมทำแบบนี้ล่ะ?」
…… ผมพึมพำโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นนาเซน่าเพราะจนถึงตอนนี้เธอยังสั่นคลอนจากความกลัว
ผมเลยคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะให้เธอหนีออกไปจากที่นี่
การที่เธอประกาศคำตั้งใจเช่นนั้นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์พาไป แต่แล้วเธอก็เช็ดน้ำตา
… อย่างไรก็ตามแม้จะมีความรู้สึกที่จะสู้แต่ในขณะเดียวกันเธอก็สั่นกลัวไฮดร้า
เนื่องจากเธอมีความสามารถมากดังนั้นจึงเข้าใจความแข็งแกร่งของไฮดร้าดี
ในสถานะนั้นเธอก็ยังบอกที่จะสู้ไปพร้อมกับผมอีก
「ข้อร้องล่ะ ได้โปรด—」
เพียงเพราะผมเข้าใจความกลัวของเธอ เพียงแต่คำพูดของเธออาจะเป็นเพียงความอาจหาญ
นั่นคือเหตุผลที่ผมจะสามารถโน้มน้าวใจเธอได้และจ้องมองไปในดวงตาของเธอ
「———!」
ตอนนั้นผมก็สังเกตเห็นแสงที่อยู่ภายในดวงตาของเธอ
นาเซน่าไม่อาจจะทนความกลัวที่มีต่อไฮดร้าได้ซึ่งทำให้ร่างกายเธอสั่นเทา
ดังนั้นเลยเชื่อว่าอาจจะโน้มน้าวใจเธอได้แต่ว่าก็เป็นความคิดที่ผิด
แม้ว่าเธอไม่เคยคิดว่าเธอจะสามารถเอาชนะไฮดร้าได้ แต่นาเซน่าก็ไม่คิดจะยอมแพ้
ในสถานะนั้นเองเธอยังคงให้ความหวังกับบางสิ่ง
「ถ้าพี่ชายอยู่ด้วยกันกับฉันล่ะก็ ไม่ว่าอะไรเราก็จะไม่แพ้ทั้งนั้น!」
เมื่อเห็นสภาพเธอในตอนนี้ก็ทำให้นึกถึงความทรงจำบางอย่างขึ้นมา……
Chapter 35 การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว
—ราอุส—
ในเวลานั้นเองสิ่งที่แวบเข้ามาในความทรงจำก็คือตอนที่ผมได้พบกับนาเซน่าครั้งแรกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
มันเป็นความทรงจำของการต่อสู้กับก็อบลินที่ผมเกือบลืมไปแล้ว
มันเป็นความทรงจำที่พร่ามัวและเต็มไปด้วยเลือด
ในเวลานั้นผมสลัดความเป็นตัวเองไปทั้งหมดและกระโดดเข้าไปกลายฝูงก็อบลินทั้งกำจัดมันทิ้งอย่างง่ายดาย
ไม่สิ แทนที่จะเรียกว่าจัดการได้ง่ายๆต้องเรียกว่าสูสีเสียมากกว่า
ท้ายที่สุดผมที่ไม่มีสกิลหรืออุปกรณ์ดีๆก็สามารถทำเงินได้มากมายหลังจากจัดการกับพวกก็อบลินที่สามารถฆ่านักผจญภัยระดับกลางได้
มันไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงเลยที่จะเรียกว่ามันน่าพอใจเป็นอย่างมาก
ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับเหล่าคนคุ้มกันที่ถูกจัดการไปแล้วควรจะมีสกิลเสริมพลังกาย
…… ถึงแม้ว่าผมจะเสี่ยงชีวิตโดยการทำสิ่งนี้มากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็หยุดมันไม่ได้จนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง
ในท้ายที่สุดตัวผมก็ล้มลงไปกองกับพื้นหลังจากร่างกายมาถึงขีดจำกัด
ด้วยเสียงที่ดังกระหึ่มก้องภายในหูพร้อมกับความรู้สึกของดินที่สัมผัสที่แก้ม สติของผมเริ่มห่างไกลออกไปและถูกครอบงำไปด้วยความสิ้นหวัง
ผมรู้ว่าเหตุผลที่ผมพยายามปกป้องสาวน้อยคนนั้นไม่ใช่เรื่องน่ายกย่องอะไรเลย
ผมเดิมพันชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือเธอ
ทำทุกสิ่งเท่าที่สามารถจะทำได้
… แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถจะปกป้องอะไรได้เลย
ตอนนี้ไม่มีใครที่สามารถปกป้องเธอได้ความตายของเธอนั้นเข้าใกล้มาเรื่อยๆ
ในขณะที่ผมทำทุกอย่างด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถก็ต้องเผชิญหน้ากับขีดจำกัดของตัวเอง
ในเวลานั้นเองจิตใจของผมก็แหลกสลายไปจนสิ้น
ผมสามารถได้ยินเสียงของอดีตพวกพ้องที่ถูกฆ่าโดยพวกฮ็อบก็อบลินกำลังเย้อหยัน
เพราะว่าแกมันเป็นเพียงแค่ข้อบกพร่อง
นั่นเป็นเหตุผลที่แกไม่สามารถปกป้องใครได้
พวกเราต้องโดนฆ่าตายเพราะความไร้พลังของตัวแกทั้งสิ้น
「———อั๊กกกกกกกก!」
จากภาพหลอนนั้นผมกรีดร้องด้วยเสียงอันดังก้องขณะอ้อนวอนต่อพวกก็อบลินให้ผมได้ตายอย่างสบาย
ผมมั่นใจเลยว่าผู้หญิงที่ผมพยายามจะช่วยเองก็ต่างมองลงมาที่ผมราวกับมองขยะเช่นกัน
นั่นคือสิ่งที่คนอื่นมองมาที่ผมจนถึงตอนนี้
「…ก็เพีย-…ฆ่-…」
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงอ้อนวอนต่อความยากลำบากเหล่านี้
「อ่าาาาาาาาาาา…」
ราวกับว่าจะตอบสนองต่อคำอ้อนวอนของผม ผมก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างข้างหน้าผมแล้วผมก็ยิ้มขึ้น
เมื่อผมคิดเช่นนั้นราวกับว่าผมได้เป็นอิสระแล้ว…
「ไม่เป็นไรแล้วนะตอนนี้」
「เหหหห?」
ผมได้ยินเสียงที่ไม่ใช่เสียงของก็อบลินจากใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม
เมื่อผมพยายามขยับหัวของผมที่แทบจะขยับไม่ได้และหันไปมองก็พบเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวตัวเล็กๆ
เนื่องจากเลือดที่ชะโลมไปทั่วตัวทำให้ภาพที่เห็นนั้นเป็นสีแดง หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอ้าแขนราวกับจะปกป้องผม
ร่างกายของเธอนั้นสั่นเทา
และในความพยายามอย่างสุดความสามารถเธอกัดฟันแน่นเพื่อจะสยบความกลัว
「ปล่อยส่วนที่เหลือให้เป็นของฉันเถอะคะ」
อย่างไรก็ตามผมก็เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่สั่นเทาของเธอ
「ไม่มีทาง… ทะ-ที่พวกเราจะแพ้ก็อบลินพวกนี้หรอก… เพราะว่าเรานั้นอยู่ด้วยกันยังไงล่ะ…」
อาจจะเป็นเพราะความกลัวของเธอ แต่วิธีที่เธอออกเสียงมานั้นก็ค่อนข้างแปลก
——— แต่ถึงกระนั้นเสียงก้องในหูก็หายไปจนได้ยินเสียงของเธออย่างชัดเจน
เด็กผู้หญิงคนนั้นที่พูดแบบนั้นกับผมยังคงสั่นเทา
ที่สั่นไหวเช่นนั้นเป็นเพราะไม่สามารถระงับความกลัวของเธอได้
แต่ในสายตาของเธอผมเห็นว่าเธอนั้นเชื่อมั่นในตัวผมอย่างแรงกล้า
ช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเช่นนั้นเองก็มีความรู้สึกเร่าร้อนแพร่กระจายไปทั่วอกนี้
「《ฮีล》! 《ฮีล》! 《ฮีล》!」
จากนั้นเมื่อเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นผมก็ใช้ 《ฮีล》 อย่างต่อเนื่อง
「อั่ก-」
ผมยืนขึ้นได้อย่างไรก็ยังไม่รู้ แต่ว่าอาการมันห่างไกลจากคำว่าหายดีนัก สติของผมเริ่มจะเลือนลางเพราะการใช้《ฮีล》อย่างต่อเนื่อง และถึงยังไงจากนี้ก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว
แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
จริงๆแล้วผมก็สงสัยว่าจะหยุดการต่อสู้ครั้งนี้กับพวกก็อบลินจำนวนมากได้รึไม่? บางทีความเร่าร้อนในหน้าอกนั้นเป็นแรงผลักดันให้กระตุ้นต่อไปจนแทบจะบ้าไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่สงสัยอะไร
ร่างกายแทบจะขาดรุ่งริ่ง ไม่รู้ว่าความช่วยเหลือจะมาถึงเมื่อไหร่ ถึงกระนั้นก็มั่นใจว่ามันจะมาถึงอย่างแน่นอน
「อ่าาาา……」
ขับเคลื่อนด้วยความเร่าร้อนในอกนี้ทำให้ผมโบกมือให้กับหญิงสาวแล้วก็มุ่งไปยังหน้าเธอ
「ย๊ากกกกกกกกก!」
ผมแผดเผาเสียงกู่ร้องแห่งสงคราม ภาพของก็อบลินตรงหน้านั้นพล่ามัว ถึงแม้กระนั้นก็ยังคงมุ่งต่อไปด้วยใบมีดที่หักไปแล้วและความเชื่อมั่นว่าจะชนะมันได้จึงได้ก้าวออกไปข้างหน้า……
◆ ◆ ◇
「…ผมทำแบบนั้นได้ยังไงกันนะ?」
ส่วนหนึ่งของความทรงจำของผมผุดขึ้นมาในใจ
ในขณะที่เผลอยิ้มอย่างบิดเบี้ยวราวกับโต้เถียงตัวเอง เนื่้องจากไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเลยไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะได้รับความช่วยเหลือหรือสภาพร่างกายของผมตอนนั้นเป็นหนักขนาดไหน
ถึงกระนั้นการจะเอาชนะก็อบลินหลายตัวด้วยตัวคนเดียวนั้นแล้วรอดกลับมาได้ไม่ใช่แค่ปาฏิหาริย์
「แต่ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้…」
—— แม้จะเข้าใจว่าเป็นดั่งปาฏิหาริย์ที่จะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง แต่ผมก็เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ไม่สิจริงๆแล้วมันไม่ใช่ปาฏิหาริย์ที่ผมต้องคิดในตอนนี้
เพราะว่าไฮดร้ากับก็อบลินมันต่างกันจะหวังพึ่งของแบบนั้นไม่ได้
ถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าคราวก่อนแล้ว แต่ก็ยังเป็นเพียงข้อผิดพลาดเมื่อเทียบกับไฮดร้าที่กลายพันธุ์
ถ้าพวกเราสามารถจัดการไฮดร้าได้นั้นมันก็เรียกได้ว่าปรากฏการณ์เหนือปาฏิหาริย์
และแม้หลังจากจะเข้าใจว่าเช่นนั้น ผมก็ยังคงเชื่อมั่นว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นได้
นาเซน่ายังคงสั่นเทา
แต่ว่าความเชื่อใจในตัวผมก็ไม่เคยหวั่นไหว
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอมั่นใจว่าเราจะสามารถเอาชนะไฮดร้าได้
ความเร่าร้อนแบบเดียวกับเมื่อไม่กี่ปีก่อนนั้นแพร่กระจายไปทั่วอกเมื่อผมเห็นร่างของเธอ
ความกลัวที่เข้ามากดดันผมในตอนแรกนั้นมลายหายไปจนสิ้น มันรู้สึกเหมือนกับว่าความเร่าร้อนนี้แพร่กระจายไปยังนอกร่างกายจนผลักดันความกลัวเหล่านั้นออกมา และในขณะเดียวกันที่ถูกผลักดันผมก็เริ่มพูดขึ้น
「นาเซน่า ขอผมถามอะไรโง่ๆหน่อยได้ไหม?」
「เอออออ๋……」
นาเซน่ากระพริบตาสองสามครั้งจากคำถามของผม และราวกับว่าเธอเข้าใจทุกอย่างเธอก็ยิ้ม
「ไม่จำเป็นต้องถามอะไรแบบนั้นเลยนะพี่ชาย ฉันว่าฉันก็บอกไปแล้วน้า? ถ้าพวกเรายังก้าวไปพร้อมกันทุกอย่างจะไม่เป็นไร ไอ้งูนั่นก็ไม่จำเป็นต้องกลัวด้วยซ้ำไป」
ผมยิ้มขึ้นเมื่อสังเกตเห็นท่าทางของเธอที่รู้ว่าผมจะพูดอะไร
จากเสียงคำรามและความรู้สึกที่ชวนขนลุกของไฮดร้านั้นมันกำลังมาถึงที่นี่
「ไปกันเลยไหม?」
「ค่ะ!」
อย่างไรก็ตามนาเซน่าและหันไปทางไฮดร้าราวกับจะต้อนรับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น
จากนั้นเราก็เริ่มวิ่งตรงไปทางไฮดร้า
「ฟ่อ——– อออ!」
ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตและเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนทั่วทั้งแผ่นดิน ผมก็เข้าใจได้ว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด
แม้กระนั้นความเชื่อที่ว่าผมจะชนะก็ไม่ได้หายไป
「ผมไม่คิดหรอกนะว่าผมแข็งแกร่งกว่าแก.」
ผมพูดเช่นนั้นกับไฮดร้าที่นำดวงตาทั้งสิบสองดวงจับจ้องมาที่ผมด้วยความเกลียดชัง
「แต่ว่าเมื่ออยู่ด้วยกันกับนาเซน่าแล้วไม่มีทางที่ผมจะแพ้ให้คนแบบแกหรอกนะ ย๊ากกกกกกกก!」
「ฟ่อออออ ー ー อ!」
ไฮดร้าแผดเสียงออกไปราวกับตอบโต้เสียงคำรามของผม
แล้วทันใดนั้นเองการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
Chapter 36 การต่อสู้กับไฮดร้า I
—ราอุส—
「FU————u!」
ไฮดร้าคำรามลั่น
นาเซน่านั้นไม่ได้ตกเป็นเป้าหมายของมันเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าจิตสังหารนั้นมังพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรุนแรงมากจนทำให้ผิวหนังสั่นสะท้าน
「แต่แบบนี้ก็สะดวกดีนี่」
สถานการณ์เช่นนี้เป็นข้อได้เปรียบสำหรับผมและนาเซน่าเป็นอย่างมาก
สไตล์การต่อสู้ของผมคือการป้องกันและหยุดศัตรูในขณะที่นาเซน่าเป็นคนโจมตี
กล่าวอีกนัยหนึ่งสำหรับไฮดร้าที่จะมุ่งเน้นมาที่ผมแล้วเท่านั้นหมายความว่านาเซน่าโจมตีได้อย่างอิสระ
「ถ้าเป็นเช่นนั้นก็……」
นั่นคือเหตุผลที่ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จริงๆแล้วเพราะผมสามารถทำหน้าที่ได้เพียงแค่อย่างเดียว ถ้าจะสลับไปมาการกระทำจะไขว่เขว้ได้
ผมไม่สามารถที่จะดึงความสนใจมันได้นานนักก่อนที่มันจะกลายพันธุ์แล้วตอนนี้มันกลายพันธุ์แล้วหากมันตัดสินใจจะโจมตีนาเซน่านั้นผมก็จะทำอะไรไม่ได้เลย
ดังนั้นทำไมสถานการณ์นี้อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องดีมากๆเลยก็ได้
「FU————u!」
เพราะว่าผมรู้ว่าไฮดร้านั้นจะใช้หัวโจมตีผมข้างเดียวก็ทำให้สงบใจได้
นอกเหนือจากนั้นการตรวจจับเวทย์ของผมยังถูกเร่งความเร็วเมื่อหัวของไฮดร้าเข้ามาใกล้จึงทำให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
การเคลื่อนไหวที่ถูกตรวจจับจากการตรวจจับเวทย์เองก็สมบูรณ์แบบ ถ้ามันยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเร็วละก็
กล่าวอีกนัยหนึ่งสภาพตอนนี้มันเหมือนก่อนตอนสู้ก่อนกลายพันธุ์ทำให้ผมสามารถหลบการโจมตีได้
「………หาาาา?」
… อย่างไรก็ตามผมที่ทำหน้าที่ป้องกันก็โดนการโจมตีนั่นทำให้กระเด็นไปในอากาศ
「พี่ชาย!」
ด้วยเสียงกรีดร้องของนาเซน่าที่มาจากระยะห่างนั้นแล้วก็ทำให้เข้าใจได้ว่าร่างกายของผมนั้นปลิวไป
「อั่ก!」
เมื่อผมตกลงพื้นก้รีบฟื้นตัวอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตามระยะห่างนั้นก็ กว้างมากขึ้น
การตรวจจับเวทย์มีระยะใกล้มากรัศมีอยู่แค่ 10 เมตรในทางกลับกันหากออกนอกระยะผมก็เปรียบดั่งคนตาบอด
อันที่จริงตอนนี้ผมไม่เห็นตัวไฮดร้าจึงปิดการตรวจจับเวทย์ชั่วคราวเพื่อมุ่งหน้ากลับไปหามัน
「หวาาา-!」
…อย่างไรก็ตามก่อนที่ผมจะทำเช่นนั้นเวทย์ก็ถูกปล่อยออกมาจนทำให้ผมหงุดหงิดเลยทีเดียว
ผมกลิ้งตัวไปบนพื้นและพยายามหลบเวทย์พวกนั้นแต่ก็สายเกินไป ผมเข้าใจภัยคุกคามของไฮดร้าแล้ว
มันเป็นความจริงที่ว่าการเคลื่อนไหวไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ แต่ความสามรถพื้นฐานเพิ่มขึ้นมาก
ผมแน่ใจว่าผมสามารถปัดป้องการโจมตีนี้ได้
…แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของมันเทียบไม่ได้กับตัวตนที่กลายพันธุ์ก่อนหน้านี้แต่มันก็แข็งแกร่งพอที่จะซัดผมปลิว
นอกจากนี้เวทย์ก่อนหน้านี้
มันใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะฟื้นฟูหลังจากที่โดนเป่ากระจุยไปแบบนั้น?
บางทีมันอาจจะสั้นเอามากๆเลยก็ได้
แม้จะเป็นไฮดร้าที่สามารถสร้างและปล่อยเวทย์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ
……เท่าที่ผมรู้ก็มีเพียงแค่อาจารย์ที่ทำแบบนั้นได้
ความสามารถทางกายภาพที่สูงลิบกับเทคนิคเวทย์ขั้นสูง ทำให้เข้าใจเลยว่าการมีชีวิตอยู่ของไฮดร้าที่กลายพันธุ์เป็นเช่นไร
……หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเอาชนะได้
「แล้วยังไงล่ะ?」
——แม้ว่าตอนนี้ผมจะรู้ความจริงแต่ก็ไม่ได้สั่นไหว
「หยุดได้แล้ว! เข้ามาสิทางนี้เซ่!」
นาเซน่าพยายามจะดึงไฮดร้าออกมาจากระยะห่างนั่น ด้วยสกิลของเธอ
ด้วยร่างกายขนาดใหญ่ของไฮดร้าคลื่นกระแทกจากหมัดของนาเซน่านั้นไม่เข้าไปถึงอวัยวะภายในของไฮดร้าเลยสักนิด
ไฮดร้ายังคงเคลื่อนไหวโดยไม่สนใจเธอถึงกระนั้นนาเซน่ายังคงโจมตีต่อไป
「ฮ่าฮ่าฮ่า」
และผมก็หัวเราะทั้งๆที่มันเป็นแบบนั้น
ไฮดร้าไม่สนใจนาเซน่าและมาหาผมถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราคงจะแพ้มันอย่างแน่นอน
แต่ถึงกระนั้นความเร่าร้อนที่ขับเคลื่อนร่างกายผมให้มุ่งหน้าต่อไป
ผมจำได้ว่าผมนั้นรู้สึกเช่นไรเมื่อได้สหายร่วมเดินทางมา
——ถ้าพี่ชายอยู่กับฉันก็จะไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน!
ผมนึกถึงคำพูดของนาเซน่า
「อ่าาา ผมก็เชื่อเช่นนั้นจริงๆ」
เราไม่สามารถเอาชนะไฮดร้าในสภาพแบบนี้ได้
「ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แค่ใช้พลังมากกว่าเดิมเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอไง」
แต่ด้วยเหตุผลนั้นผมจึงไม่ได้คิดจะหยุดลงตอนนี้
มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะเพิ่มพลังของเราให้มากกว่านี้
ผมเข้าใจสิ่งนั้นมากถึงเพียงนั้น
ในความเป็นจริงผมยังคงเผชิญกับขีดจำกัดของผม เพราะว่าผมพยายามยิ่งกว่าใครเพราะฉะนั้นเลยเข้าใจมากกว่าใคร
—— แม้จะเป็นอย่างนั้นเองก็ตาม แต่ว่าผมก็เชื่อมั่นว่าจะทะลุขีดกำจัดได้อย่างง่ายดาย
「FU—————u!」
ไฮดร้ามุ่งตรงมาที่ผมโดยไม่สนใจการโจมตีของนาเซน่า
ต้องใช้เวลานานเท่าไรก็ไฮดร้ามันจะมาถึงจุดนี้?
「เวลาแค่นั้นมันเพียงพอสำหรับผมแล้ว」
เห็นได้ชัดว่ามีเวลาเหลือเฟือผมเลยหัวเราะออกมา
ผมเปิดใช้งานเวทย์ตรวจจับ แต่ไม่ได้เปิดไปที่การเร่งความคิด เพราะว่าข้อมูลที่ส่งไปยังสมองจากตรวจจับเวทย์มันมากเกินไปจนคนธรรมดาหมดสติได้
นั่นคือเหตุผลที่ผมพยายามประมวลข้อมูลในขณะที่เปิดใช้งานการเร่งความเร็วความคิดด้วยเหตุนี้จึงสามารถใช้มันในการต่อสู้ได้
「อั่กกกก.」
……อย่างไรก็ตามในการประมวลข้อมูลจากการไม่เร่งความคิดนั้นแม้แต่ผมที่คุ้นเคยกับมันก็ยังถูกทับทมด้วยข้อมูลที่มากเกินไป
หัวของผมราวกับจะแยกออกเป็นสองส่วนและเลือดกำเดาก็ไหลออกมาเพราะข้อมูลที่มากเกินไป สัญชาติญาณบอกได้ว่าหากไม่ประมวลข้อมูลอย่างรอบคอบจิตใจและความรู้สึกนึกคิดจะวูบดับลง
「แต่ที่ทำได้ก็แค่คิดอย่างถูกต้องเท่านั้น.」
ถึงกระนั้นผมก็ยิ้ม
ในขณะที่ยังคิดได้ก็ยังสามารถต่อสู้ต่อไปได้
หลังจากคิดเช่นนั้นแล้วก็เสริมร่างกายด้วย คิ
ผมเข้าใจการเคลื่อนไหวของไฮดร้าอย่างสมบูรณ์แบบแม้ว่าจะไม่ได้เร่งความเร็วในการคิดก็ตามยังสามารถรับมือ
กับการโจมตีได้ตราบใดที่ยังเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายผมเชื่อเช่นนั้น
「อั่กกกก-」
…แต่ในจังหวะถัดมาอาการปวดศีรษะก็รุนแรงมากขึ้นจนจะทรุดลงไป ในเวลานั้นแม้แต่ความประหม่าก็หายไป
แล้วก็มีคำถามอย่างเช่นผมเป็นใครผุดขึ้นมาด้วยเช่นกัน
「พี่ชายยย!」
「FU————u!」
นาเซน่ากรีดร้องออกมาดังกึกก้องและก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นก็พบว่าไฮดร้าโผล่มาตรงหน้าแล้ว
ขยับเซ่! ผมคิดเช่นนั้นแต่ร่างกายก็ไม่ขยับ ในขณะที่รู้สึกวิตกกังวลก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ท้ายที่สุดการจัดการพลังเวทย์และคิไปพร้อมกันมันยากมาก
แม้แต่ใช้พร้อมกันยังลำบากเลย
ไม่มีวิธีที่จะเปลี่ยนการใช้งานมันได้ในทันที
ในขณะที่คิดเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา
「ถึงอย่างนั้นแล้ว ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำมันให้ได้!」
「FU—u!」
ไฮดร้าดูเหมือนจะไม่พอใจกับการที่เห็นผมถึงขีดจำกัดแต่ก็ยังยิ้มออกมาได้
「โอ้วววววววววววววว!」
ผมใส่พลังลงไปในร่างกายพร้อมกับตะโกนออกมา แม้จะพยายามจะขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยแต่ก็เจ็บปวดมาก
จิตสำนึกแทบจะแหลกสลายอย่างไรก็ตามผมยังคงใช้พลังมากขึ้นต่อไป
「FU————u!」
「อ่อก-」
และจากนั้นผมด้วยความรู้สึกว่าบางอย่างเหมือนกับแตกหักออกไปจากการป้องกันการโจมตีของไฮดร้า
เกือบไปแล้ว
หากช้าไปนิดก็โดนพิษไฮดร้าแน่ๆ
ไม่สงสัยเลยว่าจะตายแน่ถ้าโดน
「จากตรงนี้ไปนี่ล่ะของจริง!」
และถึงแม้เมื่อผมรู้เช่นนั้นร่างกายก็ไม่ได้สั่นไหว
「FU———u!」
「…………หือออ?」
…อย่างไรก็ตามไฮดร้าหนีจากผมไปและมุ่งเป้าไปที่นาเซน่า
หลังจากนั้นเองที่สับสนไปสักพัก ก็รู้สึกได้ว่าเลือดขึ้นหน้าผมเสียแล้ว ผมพร้อมที่จะรับการโจมตีของไฮดร้า แต่ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งให้ไปโจมตีนาเซน่า
「นาเซน่าาาาาาาาาาา!」
จากนั้นผมก็ปล่อยเสียงตะโกนก้อง……
Chapter 37 การต่อสู้กับไฮดร้า II
—นาเซน่า—
「………หือออ?」
เมื่อไฮดร้าเปลี่ยนเป้าหมายและมาหาฉัน ฉันเลยปล่อยเสียงที่ดูงี่เง่าออกไป
ฉันรู้ว่าไฮดร้านั้นเล็งพี่ชายไว้มากแค่ไหน ฉันจึงโจมตีด้วยพลังทั้งหมด
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนไฮดร้าเล็งมาที่ฉันเลยแสดงความสับสนออกมา
…แต่เมื่อฉันตระหนักถึงความอาฆาตที่ทำให้ฉันขนลุกได้นั้น มันมาจากดวงตาทั้งสิบสองดวงทำให้รู้ว่าตัวเองโดนเล็งเสียแล้ว
ไฮดร้าที่ถือว่าพี่ชายเป็นศัตรูตัดสินใจที่จะฆ่าฉันก่อนเพื่อที่จะทำให้เขาสิ้นหวัง เลยตัดสินใจฆ่าตัวที่เป็นแรงจูงใจของเขานั่นเอง
「อั่ก!」
ความอาฆาตนั่นมุ่งไปยังพี่ชายราวกับมองขยะ ทำให้ตกใจจนแทบจะลืมหายใจ
ก่อนและหลังการกลายพันธุ์ฉันเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่าไม่ใช่เพียงความสามารถของมัน แต่ความอาฆาตด้วยที่อันตราย
อย่างไรก็ตามแม้หลังจะเจอกับแรงกดดันก็ทำได้แค่อ้าปากค้างขณะรู้สึกสั่น
มันไม่ได้หมายความว่าฉันไม่รุ้สึกกลัวเมื่อสัมผัสกับความอาฆาตของไฮดร้า
ถึงแม้จะรู้สึกกลัวแต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก
ท้ายที่สุดความกลัวก็หายไปความตื่นเต้นภายในใจเข้ามาแทนที่
ฉากที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้คือภาพของพี่ชายที่ตอบโต้กลับการโจมตีของไฮดร้านั่น
สำหรับพี่ชายที่ปัดป้องการโจมตีอย่างสมบูรณ์แบบ เขาทำได้ยังไงกันนะ
การคิดตามปกตินี่มันไม่ใช่เพียงปาฏิหาริย์ แต่ถึงแม้จะเป็นปาฏิหาริย์พี่ชายก็ยังคงทำมันได้
—— แม้ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างฉันเชื่อว่าพี่ชายจะสามารถแสดงปาฏิหาริย์แบบนั้นได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันไว้ใจพี่ชายได้มากแค่ไหน เหตุผลที่ฉันพยายามจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ก็เพื่อตอบแทนพี่ชายที่บ่นกับตัวเองว่าไร้ความสามารถ ที่ฉันพยายามอย่างหนักก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่เหรอ
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ฉันเลือกจะแข็งแกร่งขึ้นก็เพราะหลงรักพี่ชายนี่น่าที่คอยปกป้องฉันและเอาชนะพวกก็อบลิน
◆ ◆ ◇
มันยังคงเป็นความทรงจำที่ยังสดใหม่แม้มันจะผ่านไปนานเพียงใด รูปร่างของพี่ชายที่ต่อสู้อย่างหมดรูปแม้กระทั่งตอนที่บาดเจ็บนั่นเอง
ตอนนั้นเองไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะรอดมาได้
มันเป็นอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจเลยเพียงเพราะแค่เห็นการต่อสู้ของพี่ชาย
พี่ชายพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจก็อบลิน เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะเขายังมีพละกำลังที่มีพอสมควร
การเคลื่อนไหวของพี่ชายที่หมดลมหายใจนั้น ก็ถูกพวกก็อบลินหมดความสนใจทันทีทั้งยังโดนทุบตีและเตะด้วยพวกก็อบลินจำนวนมาก
ถึงกระนั้นจนถึงตอนจบพี่ชายก็เคลื่อนไหวเพื่อดึงดูดพวกก็อบลิน
…น่าเสียดายหลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีพี่ชายที่ไม่เหลือแรงแล้วก็กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับกำลังจะตาย
ในเวลานั้นฉันไม่ได้ยืนเพื่อปกป้องเขาและฉันก็ไม่เชื่อว่าพวกเราจะมีโอกาสชนะด้วย
ฉันแค่พยายามเพิ่มโอกาสอันน้อยนิดของพี่ชายที่พยายามปกป้องฉันเพื่้อความอยู่รอด
กล่าวอีกนัยหนึ่งฉันคิดจะสังเวยตัวเองในเวลานั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้ที่จู่ๆเขาก็ยืนขึ้นมา
แม้ว่าเขาจะฟื้นพลังตัวเองด้วย 《ฮีล》 สภาพของเขาก็ไม่ใช่สถานะที่จะต่อสู้ได้
เพราะว่า《ฮีล》 ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถช่วยเหลือใครจากความตายได้ โดยปกติแทบจะยืนไม่ได้อยู่แล้วด้วยซ้ำ
———ถึงกระนั้นพี่ชายที่หันหลังให้ฉันก็เริ่มไล่ฆ่าก็อบลินไปทีละตัว
จริงๆแล้วมันเป็นภาพที่แปลกมากๆ แต่ฉันก็เข้าใจได้แล้ว จนถึงตอนนี้คนที่แค่ยืนได้กลับไล่ฆ่าก็อบลินไปทีละตัวทั้งๆที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล
แต่สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากการปรากฏตัวของพี่ชายในตอนนั้นคือความรักอันแข็งแกร่ง
ฉันเข้าใจดีกว่าคนอื่นๆที่ว่าพี่ชายไม่สามารถเอาชนะฝูงก็อบลินเหล่านั้นได้
ดังนั้นเมื่อฉันเห็นว่าเขาชนะพวกนั้นได้มันเป็นดั่งปาฏิหาริย์ที่พึ่งเกิดขึ้นและฉันก็รู้สึกได้ถึงความรักอันแรงกล้าของพี่ชายที่สร้างปาฏิหาริย์เพื่อปกป้องฉันไว้
นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันต้องการพลัง
ในขณะที่ฉันรู้สึกดีใจที่ได้รับการปกป้องจากพี่ชายและได้รับการให้ปกป้องแผ่นหลังนั้น เพราะฉะนั้นฉันไม่หักหลังพี่ชายเป็นอันขาด
นั่นคือเหตุผลที่ในเวลานั้นฉันยังเก็บความรู้สึกเหล่านี้ได้
ฉันต้องการพลังที่จะต่อสู้เคียงข้างบุคคลนี้
แล้วทำไมฉันรู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงความทรงจำเหล่านั้นได้ และทำไมฉันถึงนึกพี่ชายมากขนาดนี้?
ฉันเข้าใจเหตุผลนั้น
ตั้งแต่นั้นมาฉันก็คิดว่าถ้าเป็นพี่ชาย เขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้
และเมื่อพิจารณาปาฏิหาริย์จากเวลานั้นทำให้การดำรงอยู่ของฉันมันชัดเจนว่าหัวใจของฉันนั้นเร่าร้อน
คราวนี้แน่นอนว่าฉันจะต่อสู้ไปพร้อมกับพี่ชายล่ะ
「นาเซน่า!」
เพราะฉันคิดอย่างนั้นฉันจึงยิ้มกลับไปหาพี่ชายเมื่อได้ยินเสียงของเขา
เพื่้อสื่อว่าฉันไม่เป็นไรและฉันจะทิ้งที่เหลือไว้ให้เขาจัดการ
「FU───────u!」
ไฮดร้าโจมตีฉันในขณะกำลังส่งจิตสังหารมาเต็มที่
แต่สำหรับฉันในปัจจุบันฉันไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
และฉันก้ไม่พยายามจะหนีออกจากมันเช่นกัน
ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถหยุดมันได้
แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ฉันไม่หนีไปจากมันเพราะมันคิดว่าฉันอ่อนแอ
นั่นคือเหตุผลที่ฉันทำให้มันเปิดช่องว่างขึ้นมาในการป้องกันของตนเอง
เหนือสิ่งอื่นใดฉันคงไม่สามารถยืนข้างพี่ชายได้ถ้าฉันวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ ฉันรู้สึกได้เลยล่ะ
ฉันไม่ขยับเลยเมื่อไฮดร้าพยายามโจมตีฉันด้วยหางของมัน
ฉันตั้งใจมองอย่างไม่ลดล่ะ
และช่วงเวลาต่อมาฉันก็ปล่อยหมัดไปที่หางที่ใกล้เข้ามา
「ฮ่าหหหหหหหหหหห์!」
「FUUUUUU!?」
ในขณะนั้นไฮดร้าที่กรีดร้องไปด้วยความเจ็บปวดก็แสดงสีหน้าบิดเบี้ยว ในที่สุดฉันก็พบกับการโจมตีที่สามารถใช้กับไฮดร้าได้ ด้วยความสามารถและสกิลของฉันไม่สามารถทำความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก้ตามถ้าฉันโจมตีด้วยเวลาที่ถูกต้องและฉันสามารถจัดการกับแรงประทะที่มาพร้อมกับไฮดร้าได้สกิลของฉันก็จะส่งผลกระทบไปยังอวัยวะภายในของมันนั่นเอง
และดูเหมือนว่าการโจมตีจะมีประสิทธิภาพมากมันเล็งเป้ามาที่ฉันอย่างชัดเจน
เห็นได้ชัว่าในที่สุดมันก็จำฉันเป็นศัตรูได้
「FU──────u!」
「หวาาาา-!」
……อย่างไรก็ตามไฮดร้าไม่ได้หยุดโจมตีฉัน
มันเห็นจุดอ่อนของการโจมตีครั้งเดียวของฉันพร้อมกันนั้นมันก็เข้ามาโจมตีฉัน
แม้ว่าการโจมตีของฉันจะได้ผลแต่ก็มีข้อเสียอย่างรุนแรง
ความเสียหายจากการโจมตีของไฮดร้าก็จะสะสมอยู่ภายในตัวของฉันด้วยเช่นกัน
อีกนัยหนึ่งฉันไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้บ่อยหนัก
「อั่กกก!」
「FUUUUUUu!」
ฉันสามารถรับมือกับการโจมตีครั้งต่อไปได้อย่างไรก็ตามจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับกำปั้นของฉันๆเข้าใจได้ว่าคงทำได้ไม่กี่ครั้ง และเมื่อเห็นสภาพของฉันเองราวกับว่ามันรู้ว่ามีอะไรบางอย่างที่เหมือนกับความเชื่อในชัยชนะของมัน
「ฮ่าาาาาาาา~~~」
——ในเวลาเดียวกันฉันก็ปลดปล่อยความโล่งใจ
เมื่อเห็นฉันแล้วไฮดร้าก็ใส่ความระมัดระวังอีกครั้ง และสำหรับไฮดร้านั้นเองก็เห็นรอยยิ้มฉันเป็นเรื่องเหนื่อยหน่าย
「ขออภัยด้วยล่ะกันนะที่ทำให้แกต้องหัวเสีย เพียงเพราะว่าฉันต้องถ่วงเวลา แต่ว่าแผนของฉันมันได้ผลไปแล้วล่ะนะ」
「FU─!?」
เมื่อได้ยินคำพูดของฉันในที่สุดไฮดร้าก็รู้สึกว่ามีอะไรจากด้านหลังและหันหลังกลับ
อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปแล้ว
「ปล่อยส่วนที่เหลือให้ผมเอง!」
วินาทีต่อมาพี่ชายก็ขว้างมีดสั้นไปยังไฮดร้า…
Chapter 38 การต่อสู้กับไฮดร้า III
—ราอุส—
「FU─!?」
เมื่อเห็นฉันยืนอยู่ข้างหลังขณะจับมีดสั้นไปไฮดร้าดูตกใจ เมื่อดูปฏิกิริยาของมันผมรู้ว่าแผนการของนาเซน่าประสบความสำเร็จ ต้องขอบคุณเธอไฮดร้าเลยเปิดเผยช่องว่างร้ายแรง
มันเป็นช่องว่างที่ให้ผมสลับโหมดจากป้องกันเป็นการโจมตี
เป็นผลทำให้ผมยิ้มออกมาขณะที่อยู่ที่หลังของไฮดร้าและเตรียมพร้อม
「ปล่อยที่เหลือให้ผมได้เลย!」
จากนั้นผมก็ขว้างมีดด้วยพลังเวทย์และคิที่เสริมไปที่แขน ไฮดร้าพยายามจะหลบการโจมตีอย่างไรก็ตามมีดก็ไปถึงเป้าหมายจนมันไม่สามารถหลบได้
「FUuuuuuuuuuuuu!」
มีดที่ผมขว้างไปตัดหัวมันออกไปสามหัวและทำความเสียหายลึกลงไปในลำตัวของมัน ไฮดร้ากรีดร้อง
วินาทีต่อมาเลือดที่ไหลออกมาราวกับพลังเวทย์ มันเป็นบาดแผลอันร้ายแรงแม้จะเป็นมอนสเตอร์ระดับสูง
……อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ได้ดีใจเลยที่เห็นบาดแผลเหล่านั้น
「อั่กกกกกกกกกก!」
ราวกับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วแขนของผม
การโจมตีนั้นแข็งแกร่งมากแต่ว่าไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาในอนาคตเลย มันเป็นการโจมตีที่เกิดขึ้นในขณะที่คิดไปว่าพลังของนาเซน่ายังไม่เพียงพอจะทำความเสียหายได้ และถ้าหากผ่อนพลังลงมันจะเป็นการทำร้ายโอกาสที่นาเซน่าสร้างให้
……แต่ตอนนี้ผมก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้กั้นพลังเหล่านั้นไว้เลย
「อะฮั่กกกกก……」
ความเจ็บปวดรุนแรงที่วิ่งอยู่บนแขนของผมนั้นและความเหนื่อยล้านั้นทำให้ผมไม่สามารถจะก้มหรือแทบจะยืนได้
แต่ถ้าไฮดร้าตอบโต้การโจมตีมาในขณะที่ผมเป็นเช่นนี้คง……
「FU, uuuuuu,」
…เมื่อผมได้ยินเสียงที่อ่อนกำลังลงของไฮดร้า ผมก็เงยหน้าขึ้นแล้วก็ตระหนักได้ว่าไม่จำเป็นต้องระวังการเคาน์เตอร์
ไฮดร้านอนคลานอยู่กับพื้นและกำลังพ่นลมหายใจสุดท้าย จากบาดแผลชิ้นส่วนของอัญมณีสีเข้าทำให้ผมเข้าใจได้ว่าโจมตีเข้าหินเวทมนตร์ของไฮดร้าเสียแล้ว
「นี่เผลอไปโจมตีโดนจุดอ่อนมันโดยไม่ตั้งใจงั้นเหรอ…เจ้าหินเวทย์นั่น…」
ผมเข้าใจดีว่าโชคดีแค่ไหนผมก็ยิ้มออกมา หากโดนจุดธรรมดาไฮดร้าคงจะไม่เป็นเช่นนี้เป็นแน่ ต่อให้กลายพันธุ์ก็ตาม
ผมจินตนาการถึงการเผชิญหน้ากับไฮดร้าครั้งก่อน
อย่างไรก็ตามการต่อสู้จบลงโดยที่ผมทำลายหินเวทย์ได้ซึ่งเป็นจุดอ่อนของมอนสเตอร์
พลังของมอนนั้นไม่ได้ตายโดยทันทีเมื่อหินเวทย์เกิดแค่รอยร้าว แต่การที่มันแตกสลายแบบนี้ทำให้ไฮดร้าต้องตายลง
「FUuuuuuu, uuuuuu,」
……ถึงกระนั้นไฮดร้าก็ยังปลดปล่อยความเกลียดชังมาทางนี้แม้จะใกล้ตายแล้ว
แม้ว่าฉันจะรู้ว่ามันกำลังจะตาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกลัว ไฮดร้ากลายพันธุ์นี่สุดยอดจริงๆ
สติปัญญา พลังเวทย์ ความถึก ความแข็งแกร่งทางกายภาพ
ทั้งหมดมันสูงขึ้นมากก่อนที่มันจะกลายพันธุ์เสียอีก แม้ว่าก่อนจะกลายพันธุ์ก็เป็นดั่งสัตว์ประหลาดแล้ว
เวลานี้นาเซน่าและฉันสามารถชนะได้เพราะสถานการณ์มันเอื้ออำนวยเท่านั้น
ไฮดร้าหมกมุ่นกับผมมากเกินไปในขณะที่นาเซน่าเป็นตัวเบิกทางสู่แสงสว่างทำให้เราชนะมาได้
หากไฮดร้าโจมตีนาเซน่าก่อนจะโจมตีผมละก็
นอกจากนี้ถ้าไม่ได้แสงสว่างจากความช่วยเหลือของนาเซน่าแล้วให้ความสำคัญกับเธอมากกว่านี้
เราได้รับชัยชนะเพราะว่าไฮดร้านั้นคำนวณพลาด อย่างไรก็ตามหากสู้ตามปกติโอกาสชนะมีเพียงแค่ 30%
โดยการที่เชื่อในกันและกันและแม้กระทั่งคำนึงถึงการที่เราใช้พลังมากกว่าปกตินี่อีก
นั่นคือความแตกต่างระหว่างเรากับไฮดร้า
แน่นอนนั้นว่าผมดึงพลังออกมาจากก้นบึ้งและแข็งแกร่งขึ้นอย่างไรก็ตามยังมีมอนสเตอร์มากมายที่เหนือกว่าผม
การต่อสู้กับไฮดร้านี้ทำให้ผมนึกถึงความจริงอีกครั้ง
「แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังสามารถแข็งแกร่งไปพร้อมกันกับนาเซน่า ถ้าผมกับนาเซน่าอยู่ด้วยกันพวกเราจะแข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน」
อย่างไรก็ตามเมื่อรู้แบบนั้นผมก็หัวเราะ โลกนี้ไม่ได้ใจดีอย่างที่คิด
ในอนาคตโลกนี้อาจจะพยายามเหยียบย่ำเราอย่างไร้เหตุผลเหมือนกับไฮดร้านี่
ผมที่ไม่ได้รับการยอมรับจากใครและรับรู้ถึงความโหดร้ายของโลกใบนี้
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องการพลังที่จะปัดเป่าความไร้เหตุผลเหล่านั้น ผมจะทำเช่นนั้นหากมีใครหันคมเขี้ยวเข้าหานาเซน่า
และพร้อมกับนาเซน่าแล้วผมก็พร้อมที่จะมีพลัง
「นั่นคือเหตุผลที่กลายเป็นรากฐานสำคัญไปซะแล้ว」
หลังจากที่ผมพูดเช่นนั้นก็เหวี่ยงมีดสั้นลงไปที่ไฮดร้ายังนอนหายใจอยู่ ด้วยความเจ็บปวดที่แขนนั้นมันห่างไกลกับคำว่าสมบูรณ์แบบในการโจมตี แต่สำหรับไฮดร้าที่จะตายมันเพียงพอแล้ว
ดังนั้นความหายนะที่ถูกนำพาโดยโชคชะตาจึงได้ดับสิ้นลมหายใจมอนสเตอร์ตัวนี้
◆ ◆ ◇
「มันจบแล้วสินะ…」
หลังจากที่จบชีวิตไฮดร้าผมก็ได้รับการต้อนรับด้วยรอยยิ้มของนาเซน่าขณะที่้ผมกำลังหันหลังกลับนั้นเอง
「อ่อก-」
แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วราวกับว่าสูญเสียแรงทั้งหมดไป เธอก็ล้มลงคลานแต่ถึงกระนั้นก็รีบลุกขึ้นพยายามไม่ให้ผมเห็นสภาพเช่นนั้น
「ไม่ต้องห่วงหรอก」
「หาววววววววววว?」
อย่างไรก็ตามฉันหยุดเธอไว้โดยกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของผม ด้วยการกระทำนั้นทำให้เธอตกใจพร้อมกับหน้าแดง
「Zzzz~」
แต่ไม่นานหลังจากเริ่มเดินเธอก็ผล็อยหลับไป
「ขอบคุณนะนาเซน่า」
หัวใจของผมเต็มไปด้วยความรักอันล้นเหลือที่มีต่อนาเซน่า ผมพึมพำขณะที่เฝ้ามองใบหน้ายามหลับของเธอ
ในเวลานั้นเองผมไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของผมได้อีกต่อไป
——— ผมหลงรักนาเซน่าเข้าซะแล้ว
นาเซน่าเป็นสาวน้อยน่ารักและมีเสน่ห์ เธอที่คอยเชื่อใจผมและบอกผมว่าเธออยากจะเป็นเพื่อนกับผม
และในขณะที่ผมอุ้มสาวน้อยคนนี้แบบนั้นขณะเดินไปมา ทำให้นักผจญภัยที่คอยจ้องมองนั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ผมเพียงได้แต่ปรารถนาในใจไว้ว่า
ผมไม่ได้ขอให้มีชีวิตอันสงบสุข
ถ้านาเซน่าต้องการ ผมก็แค่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอแค่นั้นเอง
… ผมไม่รู้ว่าจะต้องผ่านความยุ่งยากมากมายขนาดไหนเพื่อทำให้ความปรารถนานั้นเป็นจริง
Epilouge วางแผน
「………ผมขอโทษครับ.」
ในห้องที่ถูกรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีที่สุดในกิลด์ ฮันแซม พนักงานของกิลด์กำลังโค้งศีรษะด้วยใบหน้ารู้สึกผิดต่อใครบางคน
「ไม่ต้องกังวลไป ทุกอย่างก็แค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง.」
อย่างไรก็ตาม ชายชราที่อยู่ตรงหน้าฮันแซมบอกให้เขาสงบใจลง
ชายชรามีผมสีขาวมีใบหูยาวแหลมซึ่งไม่เหมือนมนุษย์ ยิ้มด้วยสีหน้าแห้งๆ
「…มันก็แค่มีบางเรื่องที่เจ้าทำอะไรไม่ได้บ้างนั่นแหละ ทำได้ดีแล้ว」
「อึก!」
ใบหน้าของฮันแซมบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาเข้าใจคำพูดนั้นดี
「…แต่ว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ไม่สามารถให้อภัยกันได้」
ถึงอย่างนั้นฮันแซมก็ไม่ได้เมินเฉยต่อความผิดพลาดในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย ด้วยความเสียใจเขาก็พูดต่อ
「…ผมให้ข้อมูลกับนักผจญภัยระดับโลกไปแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นไฮดร้ายังกลายพันธุ์ หากมันพลาดเพียงนิดเดียวมันก็ไม่สามารถแก้ไขได้เลย」
「…ฮันแซม」
ใบหน้าของชายชราดำมืด
แน่นอนถ้าให้คิดไปไกลกว่านั้น ความผิดพลาดของฮันแซมอาจทำให้แผนล้มเหลว
เมืองเขาวงกตแห่งนี้มีอิสระจากกิลด์ในเมืองหลวง
วัตถุดิบมอนสเตอร์เองก็ถูกส่งออกจากที่นี่ไปยังเมืองอื่นๆมากมาย
นั่นคือสาเหตุที่กิลด์เมืองหลวงพยายามจะควบคุมเมืองเขาวงกตแห่งนี้
………อย่างไรก็ตามหากกิลด์เมืองเขาวงกตอยู่ภายใต้การปกครองของกิลด์เมืองหลวง แผนทั้งหมดจะล้มเหลวทันที
「…ไม่เป็นไรตราบใดที่ยังมีชายคนนั้นอยู่ในเมืองหลวงก็ไม่สามารถมายุ่งในเมืองเขาวงกตได้」
แต่ถ้าถามว่าเป็นข้อผิดพลาดของฮันแซมคนเดียวไหม คำตอบคือไม่
ตราบใดที่มีชายคนนั้นเมืองเขาวงกตก็จะไม่สั่นคลอน
ในขณะที่มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเมืองเขาวงกตเป็นอิสระจากประเทศ
แต่ก็มีความต้องการจากประเทศที่ต้องการทำให้สำเร็จอยู่บางอย่าง
ตราบใดที่เติมเต็มความต้องการเหล่านั้นก็จะรอดปลอดภัย
นอกจากนี้ชายชราก็ไม่ได้ตัดสินว่าการกลายพันธุ์ของไฮดราฮันแซมเป็นคนทำ
「เมื่อพูดถึงการกลายพันธุ์ไฮดร้าเจ้าทำไรไม่ได้เลยสินะ」
「อึก!」
จากคำพูดของชายชราทำให้เขาตัวสั่นเทา
นอกจากนี้เขายังเข้าใจว่าไฮดร้าไม่ใช่สิ่งที่เขาจะจัดการได้ด้วยตัวเองนอกจากข้อมูลจะรั่วไปถึงราลม่า
ฮันแซมรู้ก่อนหน้านี้ว่าอัลมาสหนึ่งในพนักงานกิลด์ได้ซ่อนการมีตัวตนของไฮดร้าไว้
…อย่างไรก็ตามไม่สามารถจัดการไฮดร้าได้ก่อนมันจะกลายพันธุ์ ดังนั้นเลยกลายเป็นภาระสองชั้นสำหรับเขา
ไม่มีปาร์ตี้ไหนเอาชนะไฮดร้าได้ แถมนักผจญภัยระดับโลกมาที่เมืองเขาวงกต
…แล้วสถานการณ์ผิดปกติที่ไฮดร้ากลายพันธุ์เร็วกว่าปกติ
เห็นได้ชัดว่าหากไฮดร้านั่นกลายพันธุ์สำเร็จจะกลายเป็นหายนะ
มันเป็นความรู้ที่ใครๆก็รู้หากมอนสเตอร์โหดๆกลายพันธุ์จะเมืองจะถูกทำลาย
「ข้าจะไม่โทษเจ้าเกี่ยวกับเรื่องไฮดร้าหรอกนะ.」
ยังไงก็ตามชายชราไม่ได้ขอให้เขานั้นรับผิดชอบเรื่องนี้
「…ไม่มีใครสามารถโทษเจ้าได้ในสถานการณ์เช่นนี้.」
ไฮดร้ากลายพันธุ์อย่างผิดปกติมาก
สาเหตุคือพลังเวทย์ในทุ่งหญ้าที่มากมายนั่น
………และพลังเวทย์ที่เพิ่มขึ้นรอบๆนั้นได้ทำให้บางอย่างเกิดขึ้น
「………การตื่นตัวใกล้เข้ามาแล้ว.」
ในคำพูดของชายชรานั้นมีความกังวล ความกังวลก็ปรากฏบนหน้าฮันแซม
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา ชายชราก็รู้ว่าฮันแซมมีความคิดเช่นเดียวกัน
「ฮันแซม ข้าเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเจ้า เป็นหนึ่งในจำนวนน้อยที่เจ้าทำเพื่อข้า ข้าไม่คิดจะตำหนิเจ้าเลย…… ไม่ล่ะ เราไม่มีเวลาพอจะมาทำเช่นนั้น.」
「……เข้าใจแล้วครับ」
หลังจากเวลานั้นเล็กน้อยก็รู้สึกงงงวยกับคำตอบที่ได้รับจากชายชรา ฮันแซมจึงพยักหน้า
สถานการณ์ที่กำลังเข้าใกล้มานั้นอยู่แค่เอื้อม
นั่นก็เป็นสิ่งที่ฮันแซมต้องระวังเช่นกัน
「เอ่อ แล้วมันจะไปได้สวยเหรอ?」
หลังจากนั้นชายชราก็ถามเขา
「ครับ มีนักผจญภัยที่มีความสามารถไม่กี่คนเหลืออยู่ แต่คิดว่าก็คงจะพอหลีกเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายได้ครับ」
「……เข้าใจล่ะ.」
ชายชราตอบเช่นนั้นด้วยความเศร้าโศกที่ไม่สามารถควบคุมออกมาได้
……ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจของชายชรานั้นคือ เรื่องที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
ชายชราหวังเพียงว่าจะหนีมันไปพร้อมกับฮันแซมจากเมืองเขาวงกตแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ชายชราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ จึงรั้งความรู้สึกนั้นไว้ที่หน้าอกนั่น
「ตอนนี้เราก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายในไม่ช้า.」
จากนั้นด้วยคำพูดของชายชราพูดมา ก็ทำให้ใบหน้าของฮันแซมตึงเครียด
「กิลด์มาสเตอร์ ผมจะขอติดตามท่านจนถึงท้ายที่สุดครับ.」
จากนั้นราวกับว่ากำลังสาบานฮันแซมพูดอย่างนั้นขณะคุกเข่า หลังจากนั้นชายชราหัวหน้ากิลด์ รามูลัส(Ramulus) ก็พูดขึ้นพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
「อีกแค่นิดเดียวเพียงเท่านั้น เมืองเขาวงกตจะพังพินาศ.」
……หลังจากไฮดร้ากลายพันธุ์ที่ไม่มีใครต่อกรได้กำลังเข้าใกล้เมืองเขาวงกต