[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 28
Ch.28 – กลับสู่พื้นดิน
Provider : ถ้ายังงงเลิกอ่านเบย
Chapter 28 กลับสู่พื้นดิน
—ไลลา—
「RAAAAAAA!」
(TN:คีย์บอร์ดใหม่ลาโลกไปแล้วเพราะฉะนั้นจะใช้คำพิมพ์ง่ายๆของผู้แปลแทนที่ใช้แทนกันได้)
เมื่อนกย่างสังเกตเห็นนักรบผู้สวมหน้ากากซึ่งปรากฏตัวขึ้นในสถานที่นี้ในทันที มันก็เปลี่ยนท่าทีเป็นศัตรูกับเขา
ความเป็นศัตรูที่ปล่อยออกมาใส่นักรบสวมหน้ากากนั้นรุนแรงยิ่งกว่าอาร์เมียเสียอีก ฉันรู้ว่านี่เป็นเพราะนกย่างซ์นั่นรู้ได้
ว่าชายสวมหน้ากากนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
「ฮ่า-!」
อย่างไรก็ตามต่อหน้าบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวนี่นักรบสวมหน้ากากก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย
เขากลับเยาะเย้ยขณะเตรียมดาบอันยิ่งใหญ่ในมือของเขาแทน
「โค่ย(เข้ามา)!」
「RAaaaaaaaaaaaaaaaaaaaa!」
(TN:ตามเดิมเสียงสัตว์ร้องต่างๆนาๆประการเช่นทุกเรื่องไม่แปลแล้ว แปลแล้วแปลกๆแหม่งๆ)
วินาทีต่อมานกย่างก็ส่งเสียงดังขึ้นและยิงลูกไฟออกมา
…… ลูกไฟนั้นใหญ่กว่าเดิมสามเท่าก่อนที่ยิงมายังอาร์เมีย
「—!」
ฉันอ้าปากค้างโดยไม่ได้ตั้งใจ จากภาพที่เห็นตรงหน้า
แน่นอนว่าดาบของนักรบผู้สวมหน้ากากนั้นใหญ่มากอย่างน้อยก็สูงเท่าอาร์เมีย
แต่ถึงกระนั้นด้วยดาบอันยิ่งใหญ่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปัดป้องลูกไฟนั้น
ขนาดของดาบใหญ่นั้นมันไม่พอ
「ย่าหหหหหหหห์!」
「RAAAaaa!?」
——— อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับความคิดของฉัน แค่การเหวี่ยงดาบนั่นลูกไฟก็ปลิวกระจายไป
「อ่าาา-」
ในขณะนั้นฉันตระหนักได้ว่าดาบใหญ่ที่ชายสวมหน้ากากถือนั้นไม่ใช่ดาบใหญ่ธรรมดา
เส้นที่แดงเป็นประกายปรากฏขึ้นบนใบมีดชั่วขณะหนึ่งเมื่อมันปะทะกับลูกไฟ
ฉันอ้าปากค้างกับสิ่งที่สะท้อนเข้ามายังสายตา
「ดะ-ดาบเวทย์…!」
ดาบเวทย์ มันเป็นดาบที่มีผลพิเศษที่ทำจากวัสดุมอนสเตอร์ระดับสูงและหายากเป็นพิเศษ
มันเกิดขึ้นจากการรวมกันของช่างตีเหล็กและช่างเครื่องมือเวทย์ร่วมกันทำขึ้นมา
ฉันตกใจอย่างมากที่ชายสวมหน้ากากคนนั้นมีดาบเวทย์จนหมดคำพูดไปเลย
「RA————!」
「โอ้วววววววววววว!」
ในขณะที่ฉันตะลึง การต่อสู้ก็ยังดำเนินต่อไป
นกย่างพยายามยิงลูกไฟจำนวนมากไปยังชายสวมหน้ากาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ชายสวมหน้ากากเหวี่ยงดาบของเขา
แสงจะเปล่งประกายออกจากดาบและลูกไฟก็กระจัดกระจายไปทั่ว เหลือเพียงประกายไฟทิ้งไว้ข้างหลัง
มันเป็นทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
นักรบที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีความยากโครตสูงเป็นพิเศษโดยไม่ล่าถอยแม้แต่ก้าวเดียว
มันช่วยไม่ได้ แต่คิดว่านี่เป็นดั่งเรื่องราวในนิทานที่มีการรุกและรับเกิดขึ้นในตอนนี้
「เยี่ยม! เอาล่ะตอนนี้แหละ!」
「ใช่แล้ว ตอนนี้แหละ! ด้วยสิ่งนี้พวกเราก็ด้วย…」
… อย่างไรก็ตามเมื่อฉันที่ได้สติ ก็รู้สึกได้ว่านักรบสวมหน้ากากเริ่มเสียเปรียบอย่างช้าๆซึ่งแตกต่างจากมาร์คูลัสและเซเวเรียที่กำลังเชียร์เขา
「ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปคง…!」
ลูกไฟกำลังลอยมาด้วยพลังและความเร็วอันน่าทึ่งและถึงกระนั้น นักรบสวมหน้ากากก็เหวี่ยงดาบใหญ่ของเขาด้วย
ความเร็วน่าตกใจ ลูกไฟทุกลูกกระจายออกทั้งหมด
แค่มองไปที่การรุกและรับเพียงอย่างเดียวนักรบนั่นก็เทียบเท่ากับนกย่างแล้ว
อย่างไรก็ตามในฐานะฮีลเลอร์ฉันได้ตระหนักถึงความเหนื่อยล้าที่ค่อยๆสะสมอยู่ในร่างกายของนักรบนั่น
…… มันเป็นผลลัพธ์ตามธรรมชาติ
แน่นอนถ้านักรบสวมหน้ากากอยู่คนเดียว เขาอาจจะจัดการกับนกย่างได้อยู่
แต่ช่างโชคร้ายที่ไม่มีวิธีจะแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่ในสถานการณ์แบบนี้
ท้ายที่สุด ก็จะเกิดระยะห่างระหว่างนกย่างและนักรบสวมหน้ากาก นกย่างจะกลายเป็นฝ่ายโจมตีฝ่ายเดียว
…… นักรบสวมหน้ากากคนนั้นต้องกดดันขนาดไหนกันนะ?
บทบาทของนักรบโดยมากมักจะเน้นโจมตี
พวกเขาต้องจำกัดการกระทำของศัตรูโดยโจมตีพวกมันอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีสกิลเสริมพลังกาย ที่สามารถแทงค์การโจมตีบางส่วนได้บ้าง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สำหรับนักรบที่ไม่ได้ป้องกันแล้วการโจมตีขั้นพื้นฐานนั้นคือบรรทัดฐาน
… ถึงกระนั้นนักรบสวมหน้ากากก็ถูกบังคับให้ป้องกันการโจมตีของนกย่าง ซึ่งเขาไม่มีสกิลทางด้านนี้
มันไม่แปลกเลยถ้าเขาจะถึงขีดจำกัดในไม่ช้า
「อาร์เมีย ตั้งสตินะ! พวกเราต้องช่วยเขา!」
「ค่ะ?」
ช่วงเวลาที่สรุปได้ดังนั้นฉันตะโกนไปหาอาร์เมียที่กำลังมึนอยู่
แน่นอนในสถานการณ์ปัจจุบันนักรบสวมหน้ากากนั้นไม่มีโอกาสอีกแล้ว
แต่ถ้าอาร์เมียกับฉันเข้าร่วมการต่อสู้มันจะเปลี่ยนทุกอย่าง
ฉันสามารถฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของนักรบได้บางส่วนและหากอาร์เมียปล่อยเวทย์ของเธอ นักรบสวมหน้ากากจะสามารถปิดช่องว่างระหว่างเขากับนกย่างนั่นได้
แต่ในขณะที่เราพยายามเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือเขา…
「อย่าเข้ามานะ!」
… นักรบสวมหน้ากากกล่าวคำพูดปฏิเสธ
「……… หาาาาาา?」
「………เออออ๋?」
พวกเราที่ไม่เข้าใจเหตุผลของเขาไม่สามารถซ่อนความสับสนนี้ได้
「ไม่เป็นไรหรอก ข้าได้เวลาเพียงพอแล้ว」
「—— อะไร-!」
—— ในขณะนั้นฉันก็เข้าใจทุกอย่างตามคำพูดของเขา เขาได้โยนหินเวทย์ขนาดใหญ่จำนวนมาก
สิ่งที่นักรบผู้สวมหน้ากากโยนเป็นเครื่องมือเวทย์ที่มีค่ามาก
เครื่องมือเวทย์นั้นมีราคาแพงมากและป้องกันคนที่ใช้มันไม่ให้เข้าในดันเจี้ยนไปอีกสองสามวัน
นอกจากนี้ยังมีปัญหาต่างๆเช่นอัตราการเปิดใช้งานที่ต่ำและใช้เวลาในการเปิดใช้งานอย่างมีนัยสำคัญ(นาน) ดังนั้นจึง
ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับนักผจญภัย
แต่เครื่องมือเวทย์นั้นมีเอฟเฟกต์พิเศษที่จะปฏิวัติทำให้เราสามารถออกจากดันเจี้ยนนี้ได้เลย
(TN: B wing/Homecoming stone/Warp stone etc)
ในอีกความหมายหนึ่ง เรารอดแล้วนั่นเอง
「RAaaaaaaaa!」
จากนั้นแสงปกคลุมร่างกายของเรา
นกย่างคำรามเมื่อเห็นความผิดปกติฉับพลัน
「อย่าเศร้าไปเลย ข้าจะกลับมาสู้กับแกในครั้งต่อไป」
เมื่อนักรบสวมหน้ากากพูดเช่นนั้นนกย่างที่อยู่ตรงหน้าฉันก็หายไปพร้อมกับแสงจ้าที่ปรากฏขึ้น…
◆ ◆ ◇
「พวกเรากลับมาแล้ว?」
ในขณะที่ฉันลืมตาฉันก็พูดอะไรออกไปอย่างที่ฉันเห็นท้องฟ้าสีครามอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว
ขณะที่มองดูเมฆเคลื่อนไหวบนท้องฟ้า ฉันก็รู้สึกได้ว่านี่คือความเป็นจริงเพราะสัมผัสได้ถึงพื้นใต้ร่างกายของฉัน
「พวกเรากลับมาแล้ว! พวกเรารอดแล้วล่ะ!」
ในขณะนั้นเองใจของฉันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
ความกลัวที่ฉันรู้สึกต่อนกย่างยังคงติดอยู่ในหัวของฉัน
นกย่างนั้นเป็นศัตรูที่น่ากลัวจริงๆ การที่สามารถหนีออกมาจากมันได้ราวกับเป็นปาฏิหาริย์
เนื่องจากมาร์คูลัสไม่เคยพูดว่าเราจะไปปราบบอส พวกเราจึงอยู่ในช่วยวิกฤตแห่งความเป็นความตาย
「อ่า อ๊าาา…」
… บางทีอาจจะเข้าใจด้วยสัญชาตญาณ อาร์เมียตัวสั่นเล็กน้อยพร้อมกับหยดน้ำตาที่ออกมาจากดวงตาของเธอ
…… อย่างไรก็ตามมีสองคนที่ไม่รู้สึกถึงปาฏิหาริย์เช่นนี้
「เวรเอ้ย! แกทำบ้าอะไรของแกวะไอ้กรวก! แม้ว่ามันจะเป็นโอกาสที่จะได้เอาชนะเจ้าบอสนั่นแล้วเชียวนะเว้ย!」
「ช่าย ช่าย!นี่มันผิดสัญญานี่! พวกเราไม่จ่ายเงินให้หรอกนะแบบนี้!」
มาร์คูลัสและเซเวเรีย พวกเขาทั้งสองกล่าวว่านักรบสวมหน้ากากที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
「แกกกก-!」
เมื่อเห็นท่าทางของอีพวกไร้ยางอายพวกนี้ ความรู้สึกโล่งอกของฉันก็แทนที่ด้วยความเดือดทันที
「… จะทำตัวหน้าด้านไปขนาดไหนกัน ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลยยังมีหน้ามาบ่นอีกเรอะ」
…… ใช่แล้ว ฉันพูดไม่ทันจบจากความคิดของแน
ก่อนที่ฉันจะทำ นักรบสวมหน้ากากโยนคำสบประมาทเหล่านั้นใส่มาร์คูลัสและเซเวเรีย
「นอกไอ้เวรนี่!」
มาร์คูลัสรู้สึกโกรธจากท่าทางของนักรบสวมหน้ากาก
ด้วยความรู้สึกนั้นเขาพยายามโจมตีนักรบสวมหน้ากากนั่น
… อย่างไรก็ตามกำปั้นของเขาไม่สามารถไปถึงชายสวมหน้ากากได้
「อ่อก!」
ไม่สิ มาร์คูลัสถูกโยนลงไปที่พื้นแทนต่างหาก
「……หือ?」
เมื่อเห็นสถานะปัจจุบันของมาร์คูลัส เซเวเรียที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ตกตะลึง
และเมื่อมองไปที่มาร์คูลัสและเซเวเรียอย่างนั้นนักรบสวมหน้ากากก็หัวเราะออกมา
「จงยินดีเสียเถอะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแกไม่ได้เป็นนักผจญภัยชั้นหนึ่งอีกแล้ว」