[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 27
Ch.27 – นักรบสวมหน้ากาก
Provider : ไม่เข้าใจให้ถามข้อความ
Chapter 27 นักรบสวมหน้ากาก
—ไลลา—
หลังจากมาร์คูลัสประกาศว่าปาร์ตี้รับสมาชิกใหม่แล้ว พวกเราก็รีบไปที่เคลื่อนย้ายเพื่อลงไปยังดันเจี้ยนชั้นล่าง
เดินไม่ไกลจากกิลด์นักผจญภัย อาคารหินที่ดูเก่าแก่และดูทนทานก็เข้ามาในสายตา
นั่นคืออาคารที่ติดตั้งตัวเคลื่อนย้ายเป็นเพียงทางเดียวที่จะเข้าสู่ดันเจี้ยนของเมืองนี้
อย่างไรก็ตามแม้หลังจากที่เรามาที่นี่ฉันก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังตัวต่อนักรบที่เข้ามาในปาร์ตี้เลย
สิ่งที่ฉันเห็นได้จากภาพลักษณ์ทั้งหมดนั่นคือการปกปิด
ชายคนนั้นมีร่างกายที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและดูเหมือนจะมีความสามารถสูง
…… แต่ชายคนนั้นใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าของเขายิ่งกว่านั้นเขายังไม่พูดอะไรเลย
ไม่มีทางเลยที่ฉันจะไม่คิดว่าเขาเป็นคนที่น่าสงสัย
นอกจากนี้พนักงานต้อนรับหญิงคนนั้นยังบอกซ้ำๆว่าชายคนนี้มีความสามารถและยิ่งทำให้ฉันไม่ไว้ใจเข้าไปอีก
ไม่มีภาพลักษณ์ดีๆหลงเหลืออยู่กับพนักงานต้อนรับหญิงคนนั้นอีกแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันช่วยไม่ได้
แต่รู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับการแนะนำจากพนักงานต้อนรับคนนั้น
แน่นอนเลยโดยเฉพาะมาร์คูลัสและเซเวเรียที่คัดค้านจะลงไปชั้นล่างด้วยตัวเองแบบนี้
แน่นอน ถ้านักรบที่แข็งแกร่งเข้าปาร์ตี้ดาบแห่งอัสนีมันก็คงจะพาเราไปต่อได้ด้วยการดำดิ่งลงไป
มอนชั้นล่างนั้นจะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไปหากกองหน้าสามารถดึงความสนใจศัตรูได้อย่างถูกต้อง
อาร์เมียก็จะได้แสดงศักยภาพของเธอได้อย่างเต็มที่
… แต่นั่นเป็นการสมมุติว่านักรบคนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ
เอาจริงๆแล้วเราไม่รู้เลยว่าจริงๆชายคนนี้แข็งแกร่งหรือไม่
ท้ายที่สุด ฉันก็ไม่ได้มีดวงตาที่จะมองคนออกตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรกได้หรอก
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันเป็นเรื่องปกติ ถ้าอย่างน้อยเราตรวจสอบความสามารถด้วยการไปชั้นกลางที่ตบได้แน่นอน
นั่นคือความเห็นของฉันกับอาร์เมีย ดังนั้นเราทั้งคู่พยายามจะเกลี้ยกล่อมมาร์คูลัสและเซเวเรียให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตามมาร์คูลัสไม่คิดจะฟังแม้แต่คำพูดของพวกเราเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามกันหมอนั่นยังคงเรียกพวกเราว่าขี้ขลาด เขาลากพวกเรามาที่มีที่เคลื่อนย้ายและเริ่มใช้งานมัน
「หนอยย!」
ไม่สามารถที่จะซ่อนความโกรธไว้ได้ ฉันจ้องไปยังแผ่นหลังของมาร์คูลัส
ถึงกระนั้น ฉันก็หายใจลึกๆและทำให้จิตใจสงบ
ถ้านักรบสวมหน้ากากนี่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงหรือทำอะไรที่มันจะกลายเป็นผลเสียต่อดาบแห่งอัสนี ผู้ที่จะตกอยู่ในอันตรายก็คือกองหน้าอย่าง มาร์คูลัสและเซเวเรีย
ในกรณีนี้แม้ว่ามันจะเป็นอันตรายฉันก็สามารถกลับขึ้นมาและทิ้งพวกนั้นไว้ได้ฉันบอกกับตัวเองแบบนั้น
จากนั้นหลังจากที่ฉันสงบลงเล็กน้อยฉันก็เหลือบมองชายสวมหน้ากากอีกครั้ง
「หืมมม?」
ในเวลานั้นฉันรู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นชายคนนี้ที่ไหนสักแห่ง
ในขณะที่รู้สึกถึงความรู้สึกเหล่านั้น พยายามค้นหาความทรงจำในอดีต
「เดี๋ยวก่อนนะคะ! หัวหน้า ทำไมถึงตั้งค่าให้มันลงไปลึกแบบนั้นละคะ?!」
「โว้ยยย! อาร์เมีย หุบปากได้แล้ว!」
… อย่างไรก็ตาม ความคิดของฉันก็ถูกขัดโดยอาร์เมียที่ตะโกนอย่างฉับพลันข้างๆฉัน
ด้วยความปั่นป่วนอย่างกระทันหัน ฉันเห็นอาร์เมียและมาร์คูลัสกำลังเถียงอะไรบางอย่าง
「หากตั้งค่าไปไกลซะแบบนั้นจะไปเจอบอสนะคะ! เร็วเข้ารีบตั้งค่าให้มันสูงขึ้นกว่านี้หน่อยเถอะค่ะ!」
「หาาาาาาาา…?」
ได้ยินคำพูดของอาร์เมียฉันก็อ้าปากค้าง
สักครู่หนึ่งความคิดของฉันก็แข็งทื่อ
จากนั้นฉันก็สังเกตเห้นว่ามาร์คูลัสยืนอยู่ในสถานที่เพื่อซ่อนตัวตั้งค่าการเคลื่อนย้ายด้วยร่างกายของเขา
จากนั้นเองฉันก็เปล่งเสียงของฉันทันที
「คิดจะทำอะไรกันหะ!」
「อั่ก!」
สีหน้าของมาร์คูลัสนั่นดูบิดเบี้ยวและเดาะลิ้นของเขา
แต่หลังจากที่เราชี้ให้เห็นว่ามาร์คูลัสนั้นยังไม่เปลี่ยนตัวตั้งค่าการเคลื่อนย้าย
「เซเวเรีย เธอลากอาร์เมียไป! ข้าจะจัดการไลลาเอง!」
「… ว่าไงนะ-?」
ในทางตรงกันข้ามเขาสั่งให้เซเวเรียและตัวเขาเองพาฉันและอาร์เมียไปที่ตัวเคลื่อนย้ายด้วยการใช้กำลัง
ชั่วครู่หนึ่งที่ฉันพยายามต่อต้าน แต่ไม่มีทางที่ฮีลเลอร์อย่างฉันจะต่อต้านนักรบได้ ดังนั้นจึงถูกลากเข้าสู่ตัวเคลื่อนย้าย
「อั่ก!」
เมื่อเห็นฉันที่กำลังเข้าสู่ตัวเคลื่อนย้าย นักรบสวมหน้ากากก็ยื่นมือออกไปช่วยแต่ก็หยุดไปครึ่งทาง
เมื่อคนที่มีสกิลเสริมพลังกายดึงคนที่ไม่มีมันเลยด้วยแขนทั้งสองข้างมา
มันชัดเจนว่าจะเกิดความเสียหายมากแค่ไหนต่อร่างกายคนที่ถูกดึง
ด้วยความคิดนั้นในใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่นักรบสวมหน้ากากนั่นจะลังเล
ในที่สุดเราก็ถูกเคลื่อนย้ายด้วยตัวเคลื่อนย้าย…
◆ ◆ ◇
「พวกแก…」
หลังจากเคลื่อนย้ายมาแล้วฉันจะระเบิดความโกรธที่มีทั้งหมดต่อมาร์คูลัสและเซเวเรีย
「……หืออ?」
แต่ว่าจากสายตาที่เข้ามาทางตาของฉัน ฉันรู้สึกว่าต้องลืมความโกรธนั่นออกไปทันที…
「Ruaaaaaaaaaa!」
…… เพราะที่อยู่ตรงหน้าเรามีบอสของดันเจี้ยนอยู่
มอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าเราคือนกที่ปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ฟีนิกซ์
ด้านหน้าของความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวนี้ทำให้ฉันตัวแข็งทื่อและเตรียมพร้อมสำหรับจุดจบของตัวเองแล้ว
สถานที่ๆบอสอยู่ในดันเจี้ยนนี้นั้นยังไม่แน่นอน
บอสปรากฏตัวขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว นั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดใช้งานตัวเคลื่อนย้ายเนื่องจากความผิดปกติของพลังเวทย์ของบอสที่ปล่อยออกมา
…… ในอีกความหมายหนึ่งคือเราถูกขังอยู่
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง มาร์คูลัสและเซเวเรียก็ยิ้มขึ้นบนใบหน้า
「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันเยี่ยมไปเลยไม่ใช่หรือไงกัน! ฟีนิกซ์ละเว้ย! ถ้าแค่เจ้านี่สบายมาก!」
「มันเหมือนกับที่อัลมาสพูดไว้เลยว่ามีบอสอยู่ในระดับนี้!」
「หาาา-!」
…… หลังจากที่ฉันได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า
พวกเขาตั้งใจพาเรามาที่นี่โดยรู้อยู่แล้วว่ามีบอสอยู่ในนั้น
อย่างไรก็ตามฉันไม่สามารถโกรธได้แม้ว่าจะรู้เรื่องนี้
ไม่ใช่ด้วยความกลัวเกิดจากสัตว์ประหลาดต่อหน้าเรา
มาร์คูลัสและเซเวเรียก็กลัวเหมือนกับฉัน แต่พวกเขาก็ทำท่าทางเบื่อหน่ายและหัวเราะแม้จะเคลื่อนไหวไม่ได้ก็ตาม
「หากพวกเราอยู่กับนักรบคนนี้ มันก็จะไม่เป็นไร!เจ้านี่ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับไฮดร้า ถ้าพวกเราเพิ่มนักรบอีกคน…」
「ใช่แล้วล่ะ! เราแข็งแกร่งเพียงพอแล้วแม้จะไม่มีราอุส… อ่า…หืมม? นักรบคนนั้นไปไหนแล้ว?」
… แต่เมื่อพวกเขาตระหนักว่านักรบที่สวมหน้ากากไม่ได้อยู่กับพวกเขาความปั่นป่วนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
「ละ-ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย! ทำไมหมอนั่นถึงไม่อยู่ที่นี่?! ข้าก็ส่งมอบสัญญาแล้วนี่น่าด้วยเงินนั่น! ถ้-ถ้าเป็นอย่างนั้นฟีนิกซ์ก็จะ…」
ใบหน้าของมาร์คูลัสและเซเวเรียเปลี่ยนเป็นสีซีดเลยเมื่อได้รับรู้ตัวแล้ว
บางทีมาร์คูลัสและเซเวเรียอาจจะหลอกนักรบคนนั้น
ไม่มีทางที่นักรบสวมหน้ากากนั่นจะไม่ได้สังเกตว่าเขาถูกหลอกด้วยเหตุการณ์นั้นก่อนการเคลื่อนย้าย
หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลใดที่นักรบที่ถูกหลอกลวงจะต้องทำตามคำพูดทุกคำของมาร์คูลัสและเซเวเรีย
คิดได้อย่างนั้นฉันก็รู้สึกถึงการฆาตกรรมต่อเนื่องที่ มาร์คูลัสและเซเวเรียลากฉันกับอาร์เมียมาฆ่าตัวตาย
「Raaaaaaaaaaa!」
「อ๊ากก!」
…อย่างไรก็ตามฟีนิกซ์นั้นไม่ให้เวลาได้อธิบายอะไร ฟีนิกซ์แสดงความเกลียดชังต่อพวกเราและยิงลูกไฟใส่อาร์เมียซึ่งดูเป็นภัยคุกคามมากที่สุด
「อาร์เมีย!」
ช่วงเวลาที่ฉันเห็นลูกไฟนั่นฉันก็ขยับอย่างระมัดระวังเพื่อปกป้องอาร์เมีย ลูกไฟนั่นมีขนาดเท่ากับตัวของมนุษย์
ลูกไฟนั้นใหญ่พอที่จะกลืนกินฉันและอาร์เมียไปพร้อมกัน
แม้ว่าฉันจะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ แต่ฉันก็ไม่สามารถละทิ้งอาร์เมียได้
「ช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้…」
หลังจากหัวเราะให้กับความสิ้นหวังฉันก็หลับตาแล้วรอแรงกระแทก อย่างน้อยฉันก็หวังว่าอาร์เมียจะรอด
「… จริงๆเลย…… หืม?」
—— และถึงแม้จะรอช่วงเวลาที่รู้สึกเหมือนนิรันดร์ แต่แรงกระแทกเหล่านั้นก็มาไม่ถึง
「…หืมมม?…… อะไร-!」
เมื่อฉันลืมตา ฉันก็เห็นร่างของคนๆหนึ่งยืนอยู่นั่นคือนักรบสวมหน้ากาก
เขายืนอยู่ที่นั่นแสดงแผ่นหลังอันแข็งแกร่งต่อหน้าพวกเรา
เมื่อเห็นภาพนั้นฉันก็รู้สึกว่าเขากำลังปกป้องพวกเราจากลูกไฟก่อนหน้านี้
「ทะ-ทำไมนายถึง…… ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ละ..!」
จากลักษณะการปรากฏตัวของเขาฉันรู้สึกอะไรมาสกิดอยู่ภายในตัวฉัน
หลังจากการกระตุ้นนั่น ฉันก็กรีดร้องให้กับทางด้านหลังของนักรบสวมหน้ากาก
อย่างไรก็ตามนักรบสวมหน้ากากก็ไม่ได้ตอบคำถามของฉัน
นักรบผู้นั้นก็บอกกับฉันด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
「ขอโทษที่มาสาย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ」
「———!」
ในขณะนั้นเอง ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันมั่นใจว่าพวกเราจะรอด……