[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 21
Ch.21 – ความคิดของแต่ละคน
Provider : รินคะน้า
ฮีลเลอร์ถูกถีบ Chapter 21 ความคิดของแต่ละคน
—ราอุส—
「อเนลเรสเทรีย……」
ผมที่อยู่ข้างๆห้องนั่งฟังคำพูดของนาเซน่าและอาจารย์กำลังพูดกันอยู่ ผมย้ำคำพูดเหล่านั้นที่ได้ยินก่อนหน้านี้ด้วยเสียงอันสั่นเทา
ผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้เพราะว่าไม่ได้มีเจตนาแปลกๆอะไรหรอกนะ
หลังจากถูกอาจารย์ถีบออกจากห้องผมก็รอพวกเธอให้พูดคุยกันเสร็จในส่วนข้างในของทางเดินกิลด์นักผจญภัยข้างๆห้อง
ผมคิดว่ามันเป็นปัญหาแน่ๆมันจะเกิดปัญหามากขึ้นถ้าผมไปรอที่บริเวณหน้ากิลด์นักผจญภัย
ยังไงก็ตามในขณะที่ผมกำลังรออยู่นั่นก็ได้ยินเสียงคนที่กำลังร้องไห้อยู่ในห้อง และผมก็รีบวิ่งไปที่ห้องทันที
อาจารย์เป็นพวกบุคลิกแย่มากๆ
นั่นเป็นสาเหตุที่ผมคิดไปไกลว่าอาจารย์นั้นทำให้นาเซน่านั้นร้องไห้
——— ตอนนั้นเองผมก็ได้ยินชื่อครอบครัวของอเนลเรสเทรีย
ในตอนนั้น ความคิดทั้งหมดในหัวของผมก็หายไปดูเหมือนว่าอาจารย์จะไม่ได้พูดล้อเล่นกับนาเซน่าเลยในห้องนั้น
แม้ว่าความคิดก่อนหน้านี้ที่ครอบคลุมผมก็ถูกแทนที่ด้วยชื่อของครอบครัวนั่น
อเนลเรสเทรีย เป็นชื่อครอบครัวที่มันสลักลึกลงไปในจิตใจผม
ไม่กี่ปีก่อนที่ผ่านมาผมสามารถฝึกฝนภายใต้คำแนะนำของนักผจญภัยระดับโลกได้โดยบังเอิญ
มันเป็นเหตุการณ์ที่สุดแสนจะปาฏิหาริย์ แตโชคไม่ดีที่ปรากฏการปาฏิหาริย์ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจนัก
หลังจากนั้น ผมก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของพลังเวทย์และคิเท่าที่เรียนรู้ได้ ผมไม่สามารถไปถึงระดับที่เทียบเท่ากับคนอื่นๆได้
…… ไม่สิ พูดว่าไม่มีพรสวรรค์อาจจะทำให้เข้าใจผิดเล็กน้อย อาจารย์บอกไว้ว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับพรสวรรค์และร่างกายของผม
โดยปกติสามารถเรียนรู้ทั้งพลังเวทย์หรือคิ เพื่อให้สามารถเรียนรู้พลังทั้งสองในระยะเวลาอันสั้น แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักกับคนที่มีความผิดปกติด้วยเหตุนี้ผมจึงสามารถใช้ได้เพียงแค่เวทย์รักษา 《ฮีล》เท่านั้น
… แม้ว่าในทางทฤษฏีแล้วมันก็โอเคละนะ
อย่างไรก็ตามในฐานะนักผจญภัยความจริงที่ว่าความสามารถของผมมันมีข้อบกพร่องและผมก็ถูกเยาะเย้ยเพราะสิ่งนั้นมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งพลังเวทย์และคินั้นหากไม่สามารถใช้งานได้ เวทย์รักษาของผมมันก็เป็นแค่ของไร้ค่าดีๆนั่นละ
…… ขาดคุณสมบัติในฐานะนักผจญภัย มันก็ช่วยไม่ได้เลยหากผมถูกเรียกแบบนั้น ถ้าไม่ได้มีความสามารถในฐานะนักผจญภัยเหมือนดั่งตอนนี้ในเมื่อไม่กี่ปีก่อน
อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ยอมแพ้ในฐานะนักผจญภัยแม้ในสถานการณ์แบบนั้น
ผมไม่เคยลืมคำแนะนำของอาจารย์ที่บอกว่าผมควรจะเป็นช่างเครื่องมือเวทย์แทนที่จะอยู่ในฐานะนักผจญภัย
ผมฝึกฝนจนหมดรูปแม้ในตอนที่ถูกบอกว่าเป็นคนไร้พรสวรรค์ก็ตามที
ทุกๆวันผมคิดว่าตัวเองฝึกหนักเอามากๆจนเกือบตายเพียงเพราะเพื่อสร้างวิธีการต่อสู้ในแบบของตัวเอง
——— เหตุผลที่ผมพยายามอย่างหนักเช่นนี้เพียงเพราะผู้หญิงในครอบครัวของอเนลเรสเทรียที่ยอมรับในตัวผมเพียงคนเดียวเท่านั้น
ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแรกที่ยอมรับผม
ฉันจะเข้าร่วมปาร์ตี้ของพี่ชายอย่างแน่นอน ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะพูดแบบนั้น
นั่นอาจจะเป็นเพียงเพราะเธอพูดออกมาเพราะปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์ในตอนนั้นก็ได้
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผู้หญิงคนนั้นก็อาจจะจำเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้แล้ว
แม้จะเป็นเช่นนั้นเมื่อใดก็ตามที่เจอเรื่องลำบากมากมายแค่ไหน ผมก็จะนึกถึงเธอเสมอ
คำพูดของเธอที่ยอมรับในตัวผม
ร่างของสาวน้อยคนนั้นที่ปลอบผมและบอกว่าเธอจะเข้าร่วมปาร์ตี้ของผม
เพียงเพราะคำพูดของเธอและการดำรงอยู่ของคำพูดนั้น ทำให้ผมนั้นดิ้นรนต่อไปจนเป็นตัวผมในปัจจุบัน
「เธอคนนั้นกับนาเซน่า…เป็นคนๆเดียวกัน…」
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้คิดไปว่าความเป็นไปได้ที่เธอกับนาเซน่าจะเป็นคนๆเดียวกันมันจึงทำให้ผมยืนทึ่งอยู่ซักพัก
นาเซน่าคือคนที่ผมช่วยในอดีตและคอยเป็นคนดำรงความเป็นตัวผมในปัจจุบันและตอนนี้เธอก็มาเป็นคนที่สนับสนุนจิตใจของผมในตอนนี้
ความคิดเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อผมมากมันทำให้ความสงบในใจของผมนั้นหายไป
ผมของเธอคนละสีกัน ดังนั้นอาจจะไม่ใช่ก็ได้… ผมพยายามบอกตัวเองเช่นนั้น แต่มันก็ไร้ประโยชน์
ผมมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือนาเซน่า
เห็นได้ชัดเลยว่ามันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมถึงมารู้ตัวเอาป่านนี้
แล้วด้วยเหตุผลบางอย่างใบหน้าของผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
「อ่าาาา.. เอออ๋… อะไรกันนนนนน…」
ผมไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
นอกจากความรู้สึกขอบคุณต่อนาเซน่าแล้ว ความรักนั่นก็เบ่งบานขึ้นมาเช่นกัน…
「ราลม่าซัง ขอบคุณมากค่ะ!」
「อ่าาา ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ตอนนี้ไปล้างหน้าก่อนเถอะก่อนที่จะไปพบกับราอุส」
「อาาา- ราลม่าซังคะ ได้โปรดเถอะค่ะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกับพี่ชายนะคะ?」
…… แม้ในขณะนั้นเมื่อผมรู้ว่านาเซน่ากำลังจะออกมาจากห้องผมก็หันหลังให้กับห้องนั่นและออกวิ่งไป
ผมไม่เข้าใจว่าทำไม
มันเป็นเพียง ผมรู้สึกอายถ้าผมได้พบกับนาเซน่าด้วยใบหน้าแดงก่ำเช่นนี้
ผมรู้สึกสับสนแก่ความรู้สึกเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผมไม่สามารถต้านทานความรู้สึกเหล่านั้นได้และออกจากสถานที่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว
◆ ◆ ◇
—ราลม่า—
「เฮ้อออ… สองคนนี้เป็นอะไรที่ยุ่งยากจริงน้า」
หลังจากที่ฉันเห็นาเซน่าฉันก็บ่นแบบนั้นออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ตอนนี้ฉันอาจจะเหนื่อยมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการไปตบมอนซะอีก
ต้องมาทำท่าทางแบบนี้ ฉันไม่คิดว่ามันจะน่าเบื่อหน่ายเลยมากกว่าที่คิดเรื่องแบบนี้
「… อ่าาาา ฉันจะไม่ทำท่าทางแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว แม้ว่ามันจะเหมือนกับฆ่าตัวเองก็ตาม」
ฉันมองย้อนกลับไปที่พฤติกรรมของตัวเองก่อนหน้านี้และบ่นออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย
ตั้งแต่เริ่มแล้วฉันรู้ดีว่านาเซน่านั้นอยู่ในสถานะที่แปลกอยู่แล้ว
ดังนั้นทำไมฉันยังคงทำอะไรซ้ำๆบางสิ่งที่มันไม่น่าสนใจแบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย
… ฉันละตกใจจริงๆที่จู่ๆเธอก็ร้องไห้ออกมา แต่การหลุดชื่อครอบครัวของอเนลเรสเทรียเนี่ยเป็นความตั้งใจ
พลังเวทย์เป็นความสามารถที่มีประโยชน์มากฉันสามารถรู้สึกถึงพลังเวทย์ในพื้นที่และใช้มันเป็นเครื่องมือในการค้นหาศัตรู
แล้วก็ฉันรู้อยู่แล้วว่าราอุสนั้นอยู่ใกล้ๆ
「… หมอนั่นยังคงมีความทรงจำของนาเซน่าอยู่สินะ?」
… อืม ฉันอยากจะเลิกเล่นละครแบบนี้แล้วละถ้ามันเป็นเรื่องจริง
ยังไงก็ตามหากฉันไม่ทำเช่นนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่คืบหน้าสักที
นาเซน่าและราอุส ฉันที่เป็นคนเชื่อมโยงทั้งคู่ตอนนี้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกนั้นแล้วแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันก็ตาม
บางทีฉันคงจะเรียกหมอนั่นว่าไอ้ทึ่ม แต่ว่าไอ้ทึ่มนั้นไม่ได้สังเกตเลยว่านาเซน่าเป็นคนที่สำคัญกับตัวเองขนาดไหน
เอาจริงๆนะ เมื่อไรล่ะที่หมอนั่นจะรู้ตัวถ้าฉันไม่ทำแบบนี้
「ฉันว่าคงจะไม่มีอะไรที่จะต้องเกี่ยวข้องกับศิษย์อันโง่เขลาอีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งนี้…」
เมื่อคิดอย่างนั้นยืนอยู่คนเดียวในห้อง ฉันก็หลุดคำพูดเหล่านั้นออกมา
เมื่อฉันรู้ว่าราอุสนั้นไร้พรสวรรค์ในฐานะนักผจญภัยฉันพยายามให้หมอนั่นเลิกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ความตายเป็นสิ่งเดียวที่รอคอยนักผจญภัยที่ไร้พรสวรรค์
และฉันก็ไม่อยากเห็นศิษย์คนแรกต้องมาตายเช่นนี้
… ยังไงก็ตาม ราอุสนั้นก็เมินคำแนะนำของฉัน
มีบางคนที่ยอมรับในตัวหมอนั่นดังนั้นหมอนั่นไม่มีทางที่จะหยุดเป็นนักผจญภัย
ดังนั้น ฉันจึงไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับราอุสได้อีกต่อไป
เพราะว่าฉันไม่ได้เป็นนักผจญภัยของเมืองเขาวงกตแต่เป็นนักผจญภัยของเมืองหลวง
จากนั้นฉันก็ใช้เวลาไปหลายปีเพียงเพื่อรู้ว่าราอุสนั้นยังมีชีวิตอยู่
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันนั้นดีใจมากที่ราอุสนั้นแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมากจนถึงปัจจุบันนี้ ฉันนั้นแปลกใจและก็โล่งใจในเวลาเดียวกัน
「…ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนกัน」
หลังจากคิดอย่างนั้น ฉันก็พึมพำคำเหล่านั้น พร้อมกับใบหน้าที่แดงอยู่…
◆ ◆ ◇
—นาเซน่า—
「ฮึ่ม~ฮึ่ม~ฮึ่ม~!」
หลังจากที่พูดคุยกับราลม่าซังแล้วฉันก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้อนรับของกิลด์นักผจญภัยในขณะที่อารมณ์ดี
คำพูดของราลม่าซังที่พูดเกี่ยวกับพี่ชายนั้นมันวนเวียนอยู่ในหัวฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก
「เอเหะเหะ~」
แล้วใบหน้าฉันก็ผ่อนคลาย
ฉันไม่ลืมความจริงที่ว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นเมื่อตอนที่พี่ชายนั้นเจ็บปวดที่สุด
ความจริงนั่นยังคงชิงชังอยู่ในใจของฉัน
ตราบใดที่ความรู้สึกโหยหาที่ฉันมีเมื่อฉันเห็นการต่อสู้ของพี่ชายที่หมดท่าภายในรถม้าก็ไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยความจริงเหล่านั้นมันยังคงตราตรึงในใจที่ว่าฉันนั้นอ่อนแอ
แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะยึดติดกับความรู้สึกเหล่านั้นอีกต่อไป
ฉันเชื่อว่ามันสำคัญกว่าที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันสามารถทำเพื่อพี่ชายได้ต่อจากนี้ไปแทนที่จะกังวลกับสิ่งที่ทำไม่ได้ในอดีต
「นะ-นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันควรบอกพี่ชายว่าถึงเวลาทะ-ที่พวกเราจะต้องมีที่อยู่อาศัยร่วมกันสำหรับปาร์ตี้ของเราอีกครั้ง…」
ในขณะที่คิดแบบนั้น ฉันก็เดินไปที่บริเวณพนักงานต้อนรับโดยใบหน้าของฉันที่ยังคงแดงอยู่
ในขณะที่พี่ชายอาจกลับจากห้องทางด้านในเขาก็ยังสามารถมารอในพื้นที่ของพนักงานต้อนรับได้
「………!」
… อย่างไรก็ตามสิ่งที่รออยู่นั้นไม่ได้เป็นพี่ชาย
มันเป็นตัวเลขของนักผจญภัยหลายคนที่มองฉันด้วยสายตาไม่พอใจ
จากการปรากฏตัวของนักผจญภัยเหล่านั้นฉันเริ่มรู้สึกไม่ดี
นั่นคือสาเหตุที่ฉันรีบออกจากกิลด์นักผจญภัย
「ทำไมถึงรีบขนาดนั้นละ น้องสาว?」
「อะไร-!」
…… แต่ทันทีที่ฉันออกจากกิลด์ฉันก็ถูกชายที่ท่าทางหยาบคายคว้าไหล่ของฉันเอาไว้
ฉันจ้องมองไปที่ชายคนนั้นเพื่อที่ให้เขาปล่อยฉันแต่ชายคนนั้นก็ทำเพียงแค่หัวเราะและเห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะปล่อยฉันไป
「เน่ มาคุยกันสักเล็กน้อยหน่อยไหม แม่สาวน้อย?」
…… เปรียบเปรยได้ดั่งเปลวไฟสีดำแห่งความริษยาที่สามารถเห็นบนใบหน้าของชายคนนั้น