[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 14
Ch.14 – อดีตของราอุส III
Provider : รินคะน้า
ฮีลเลอร์ถูกถีบ Chapter 14 อดีตของราอุส III
—ราอุส—
ผมจำไม่ได้เลยว่าทำไมผมถึงวิ่งไปหาฝูงก็อบลินเหล่านั้น
…… ไม่สิ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมแต่ผมก็ยังคงวิ่งต่อไป
เพราะว่าอาจจะเป็นภาพของผู้หญิงคนนั้นกำลังจะตายมันจะซ้อนทับกับสภาพของเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ได้
ผมคิดว่าอย่างน้อยผมก็มีค่าบางอย่างในตัวอยู่ หากสละชีวิตตัวเองเพื่อขุนนาง
หรือเพราะว่าผมเกลียดการมีอยู่ของตัวเอง บางทีเลยวิ่งเข้าหาความตาย?
หรือว่าด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง?
นั่นอาจจะเป็นเหตุผลลึกๆในใจผม
แต่ผมก็ไม่ตระหนักถึงเหตุผลอะไรมาอ้างอีกต่อไปและเริ่มวิ่งไป
อารมณ์ของผมถูกควบคุมโดยความรู้สึกสับสนภายในหน้าอกนี้
「วะฮ่ะฮะฮะฮะ! นี่เป็นการแก้แค้นของผม! เป็นการแก้แค้นของผมต่อผู้ปกครองของโลกใบนี้!」
「นี่นายยย!」
…… ในรถม้าที่ถูกโจมตีโดยพวกก็อบลินสถานการณ์กลายเป้นเรื่องของชายคนหนึ่งที่จะปกป้องสาวน้อยที่กำลังจะถูกฆ่าตายในขณะที่เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่งความทรงจำของผมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าตกใจนั่นมันก็คลุมเคลือ
ตอนนั้นอารมณ์ของผมเข้าขั้นเลวร้าย
ความเกลียดชังต่อสำหรับคนที่ไม่เคยยอมรับผม ความโกรธของผมที่ตัวตนในการคงอยู่ของผมนั้นซึ่งใครๆต่างก็ไม่ยอมรับมัน
อารมณ์เหล่านั้นกลายเป็นหนึ่งเดียวในตัวผมและผมก็ไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าตอนนี้ผมรู้สึกเช่นไร
「อว๊ากกกกกกกก!」
「Gyeeeeee!」
…… จากนั้นผมก็เริ่มโจมตีก็อบลินด้วยมีดสั้นของผมแและทางด้านหลังเองดูเหมือนว่าการปะทะกันของผมกับฝูงก็อบลินได้เริ่มขึ้นแล้ว
◆ ◆ ◇
ผมจำรายละเอียดเกี่ยวกับตอนที่ผมต่อสู้กับก็อบลินไม่ได้เลย
ผมจำได้เพียงว่าแค่พยายามดึงความสนใจของพวกก็อบลินทั้งหมดไว้ออกจากเด็กสาวคนนั้น
ผมไม่รู้เลยว่าพวกนั้นจะเข้ามาตอนไหน แต่ผมเชื่อว่าน่าจะมีอัศวินที่จะมาช่วยสาวน้อยคนนี้ไว้และงานของผมคือการถ่วงเวลาเท่านั้น
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในหัวของผมคือผมพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีของก็อบลินทั้งหมดในขณะที่วิ่งไปรอบๆและหัวเราะเพื่อกระตุ้นพวกมัน
นอกเหนือจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้แล้ว
「ที่นี่ มัน……?」
เมื่อผมตื่นขึ้นก็บพบว่าผมนอนในสถานที่ๆคล้ายกับห้องๆหนึ่ง ด้วยร่างกายอันเกียจคร้านและสติอันเลือนลางผมพยายามมองไปรอบห้อง
「อ่าาา ในที่สุดนายก็ตื่นแล้ว!」
「……อ่าาา-」
… เมื่อผมเห็นสาวผมบลอนด์ที่สวยงามอยู่ข้างๆผมก็จำได้เกี่ยวกับพวกก็อบลิน
เห็นได้ชัด ว่าผมรอดชีวิตมาได้
ผมจำได้แค่เลือนลาง แต่ถึงแม้ว่าผมที่ควรจะได้รับบาดเจ้บและบาดแผลที่ถึงตายได้ แต่ตอนนี้มันไม่มีบาดแผลบนร่างกายของผมเลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนั้นได้ก็คือฮีลเลอร์ของปาร์ตี้ชั้นหนึ่งหรือผู้ที่ประสบความสำเร็จในฐานะอัศวิน
ผมที่ถูกจัดการจนหมอท่ากระทั่งอัศวินมาและรอดชีวิตมาได้
「……ฮะฮ่ะ.」
… ยังไงก็ตามความรู้สึกในหน้าอกนี้ของผมก็ไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย
ผมตรวจสอบร่างกายของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบาดแผลใดๆจากนั้นก็หัวเราะแห้งๆ
ในเวลานั้น สิ่งที่ผมรู้สึกในหน้าอกนี่มันก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยว่าผมมีชีวิตรอดมาได้ยังไง แต่ว่าความรู้สึกที่ด้อยกว่าฮีลเลอร์ของอัศวินซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าผมนั้น
หากผมมีความสามารถมากพอๆกับหนึ่งในพวกที่ช่วยผมไว้ได้ ผมอาจจะช่วยสหายของผมได้ก็ได้นั่นคือสิ่งที่ผมไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้เลย
「นายนี่มันสุดยอดสุดๆเลยคะ! ทะ-ทะ-ทะ-เท่มากเลยล่ะ!ฉันดีใจจริงๆนะที่ได้นายช่วย! ขอบคุณนะขอบคุณจริงๆ!」
「… ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย」
「……หือออ?」
…… ใช่แล้วเพราะผมคิดอย่างนั้นผมจึงตอบโต้ไปอย่างจริงจังต่อคำพูดของเธอ
หลังจากที่ผมพูดเช่นนั้น ผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
ยังไงก็ตาม ในทันทีที่ความรู้สึกหงุดหงิดจางหายไป ก็เป็นความรู้สึกที่ด้อยความสามารถเข้ามาแทนที่
「ผมไม่ได้เก่งหรอก ผมไม่ได้ดีเด่นอะไรเลย ผมมันก็แค่ฮีลเลอร์ที่มีข้อบกพร่อง」
ก่อนที่ผมจะรู้ตัวผมพูดถึงตัวเองกับผู้หญิงคนนั้น
…… เมื่อคิดถึงตอนนี้ผมก็รู้ว่ามันช่างโง่เหลือเกิน
หลังจากนั้น ผมก็กำลังพูดคุยกับขุนนาง สาวน้อยที่มียศสูงยิ่งกว่าผม
เห็นได้ชัดเลยว่าเธออาจะไม่เข้าใจเลยก็ได้ว่าผมพูดเรื่องอะไรบออกไป สิ่งที่ผมพูดอาจจะเป็นแค่เรื่องตลกสำหรับเธอก็ได้? มันไม่แปลกสำหรับนักผจญภัยทั่วไปที่บอกเรื่องราวน่ารังเกียจแบบนี้ออกไปแล้วจะถูกฆ่าทิ้ง
——— ยังไงก็ตามเธอไม่ได้ทำสิ่งนั้น
「… ฮึก, ซิก- ซิก- โหดร้ายยย โหดร้ายเกินไปแล้วคะ!」
「เออออ๋? หือออออ? ทะ-ทะ-ทำไมเธอถึงร้องไห้กันล่ะ!?」
「ก็เพราะว่ามันโหดร้ายเกินไปแล้วนะสิคะ!」
เธอร้องไห้หลังจากได้ยินเรื่องราวของผม
เธอหลั่งน้ำตาอันขมขื่นออกมาจากนั้นเธอก็หันหน้ามาหาผมพร้อมกับส่งรอยยิ้มแบบฝืนๆ แต่ยังไงก็ยังมีน้ำตาหยดอยู่บนใบหน้าแล้วเธอก็เปิดปากพูดขึ้น
「แต่ว่ามันต้องไม่เป็นไรแน่คะ! คุณจะต้อง… ไม่สิ พี่ชายน่ะ แข็งแกร่งนะ! นั่นเป้นเหตุผลว่าทำไมคนเหล่านั้นทั้งหมดที่พูดเรื่องล้อเลียนอะไรแบบนั้นมันเรื่องไร้สาระค่ะ! อย่าไปกังวลกับมันนะคะ!」
ใบหน้าของเะอที่บอกเช่นนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
และจากนั้นใบหน้าที่ยังคงเปื้อนไปด้วยน้ำตานั้นก็ส่งยิ้มมาให้ผม
「แล้วก็ถ้าฉันโตขึ้นล่ะก็ฉันจะเข้าปาร์ตี้พี่ชายเอง เพื่อที่จะปกป้องพี่ชายแล้ว ดังนั้น พี่ชายไม่ต้องกังวลอะไรอีกนะคะ!」
「———!」
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกลายเป็นนักผจญภัยที่ได้รับการยอมรับจากใครบางคน……
◆ ◆ ◇
จากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมไม่คิดว่าเธอคนนั้นจะโกหกผมด้วย
แต่เธอที่พูดเช่นนั้นก็ยังเด็กอยู่ แถมยังเป็นลูกขุนนาง
ดูเหมือนเธอจะเป็นลูกสาวของตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียง อเนลเรสเทรีย(Analestria) นั่นละนะ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยให้ต้องมาเป็นอัศวิน ยิ่งเป็นนักผจญภัยนี่บอกปัดได้เลย
หัวหน้าครอบครัวของ อเนลเรสเทรีย นั้นใจกว้างต่อนักผจญภัยระดับต่ำอย่างผมและยังให้เงินจำนวนมากแก่ผม แต่เขาจะไม่ยอมให้ลูกสาวของเขามาเป็นนักผจญภัยหรอก
ท้ายที่สุดนักผจญภัยก้มีชีวิตแบบนั้นนี่
ถึงกระนั้น คำพุดของสาวน้อยคนนั้นก็ช่วยผมไว้
เพราะว่าคำพูดของเธอ ผมจึงสามารถผลักดันตัวเองเพื่อให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ แม้ว่าทุกคนจะไม่ยอมรับในตัวผมและยังเรียกผมว่าไร้ประโยชน์
ไม่ว่าผมจะแข็งแกร่งเท่าไหร่ถึงยังงั้นผมก็ยังไม่สิ้นหวัง
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงจินตนาการเพราะผมคิดว่าสาวน้อยคนนั้นในสักวันหนึ่งจะกลายเป็นสหายของผมในวันหนึ่งผมก็จะใช้ชีวิตที่มีอยู่เพื่อรอให้วันนั้นมาถึง
นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องการขอบคุณเธอคนนั้นอย่างมาก
มันอาจจะไม่กลายเป็นความจริงก็ได้
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเธอได้ช่วยผมไว้จริงๆ
「…… เธอเนี่ยทำให้ผมนึกถึงผู้หญิงคนนั้นเลยนะ」
นั่นคือผมเห็นภาพของผู้หญิงคนนั้นซ้อนทับกันกับนาเซน่า
(TN:แน่นอนดิ ก็แค่เธอย้อมสีผมมานี่หว่า)
เมื่อเห็นการแสดงออกของเธอผมก็นึกภาพของผู้หญิงคนนั้นว่ามันซ้อนทับกับนาเซน่าอีกครั้ง
…… ไม่ใช่ขุนนาง ถึงแม้สีผมจะแตกต่างกันแต่นาเซน่าก็ไม่น่าจะใช่เธอคนนั้นหรอก
「… ผมคงต้องยอมแพ้อย่างจริงจังแล้วสินะ.」
ผมสลัดความคิดออกแล้วหัวเราะเบาๆ
เมื่อผมพยายามจะปลอบใจนาเซน่าที่หันหน้าหนีจากผมนั้น…
「หืมมมมมม?」
ตอนนั้นเองในที่สุดผมก็รู้ว่าใบหน้าของนาเซน่านั้นแดงก่ำไปจนถึงหูของเธอ
「นาเซน่า!? กะ-กะ-เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย-…」
「อะ-อะ-อย่ามองมาที่ฉันน้าาาาพี่ชาย!」
ไม่ในทางตรงกันข้ามใบหน้าของเธอที่ผมเหลือบเห็นแวบหนึ่งมันแดงก่ำจริงๆนะผมก็ได้แต่ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันขอบนาเซน่า…
หลังจากนั้น แม้ว่านาเซน่าจะไม่ยอมบอกเหตุผลที่ใบหน้าแดงก่ำมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ว่าใบหน้าของเธอนั้นดูมีความสุขเอามากๆ…….
มุมบ่นของผู้แปล
แปลตามอารมณ์ตัวละครหากไม่ถูกใจก็ขอโทษด้วยครับ กราบล่วงหน้าแล้วก็ทันอิงค์อีกแล้ว อิงค์ออกเมื่อไรค่อยพบกันใหม่