[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 12
Ch.12 – อดีตของราอุส I
Provider : รินคะน้า
ฮีลเลอร์ถูกถีบ Chapter 12 อดีตของราอุส I
—มุมมองราอุส—
สกิล เป็นสิ่งบ่งบอกความสามารถที่ผู้คนๆนั้นมีมาแต่กำเนิด ยกตัวอย่างเช่นหากคุณมีสกิลที่เกี่ยวกับความสามารถทางกายภาพคุณก็จะสามารถเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่ตามปกติแล้วทำไม่ได้ และคนที่ไม่มีสกิลเหล่านั้นก็ไม่สามารถเลียนแบบได้เช่นกัน หรือถ้ามีความสามารถทางด้านเวทยมนตร์ก็จะสามารถสร้างปรากฏการเหนือธรรมชาติได้นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าเวทยมนตร์และด้วยสกิลเหล่านั้นเองเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าคนๆนั้นจะถูกแบ่งเป็นอาชีพต่างๆนั่นเอง
ดังนั้นสกิลจึงถูกกล่าวขานว่าเป็นศูนย์กลางของความสามารถของมนุษย์
… แต่นั่นมันก็ไม่ถูกต้องทั้งหมดซะทีเดียว
ท้ายที่สุดแล้วสกิลก็แค่เพิ่มความสามารถต่างๆของมนุษย์ก็เท่านั้นเอง
บางคนอาจจะมีความสามารถเดียว แม้ว่าจะมีสกิลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่มันก็จะกลายเป็นเพียงแค่มีความสามารถ 2 อย่างเท่านั้นเอง
(TN:ความสามารถในที่นี้ น่าจะมีสูงสุด 3 ครับ กล่าวคือ พลังกายภาพ พลังเวทย์ และก็ การรักษา)
กล่าวอีกนัยหนึ่งไม่ว่าจะมีสกิลมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะคนที่มีความสามารถถึง 3 อย่าง
หากไม่มีสกิลเลยก็ไม่สามารถใช้เวทย์ได้หรือความสามารถทางกายภาพก็ไม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่นนั้นเองก็เป็นได้เฉกเช่นสามัญชน
แต่นั่นเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วผู้คนก็ยังสามารถใช้เวทย์ได้แม้ไม่มีสกิลและสามารถเสริมความสามารถทางร่างกายได้เพียงแค่ฝึกฝนทุกวัน
「สกิลมันก็แค่ตัวบ่งชี้」
พลังเวทย์และ คิ(ki) เหล่านี้เป็นแนวคิดสองประการที่สอนโดยนักผจญภัยชั้นแนวหน้าที่สอนผมเมื่อมีโอกาส
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ผมมีศักยภาพที่จะแข็งแกร่งขึ้น ตราบใดที่ผมยังพยายามอย่างหนักต่อไปแมจะมีแต้มเป็นต่อจากชาวบ้านเพราะเป็นแค่ฮีลเลอร์ที่ใช้ได้เพียงแค่ 《ฮีล》
คนๆนั้นสอนแนวคิดเกี่ยวกับพลังเวทย์และ คิ และวิธีการที่จะใช้มันซึ่งทำให้สามารถทำสิ่งต่างๆซึ่งคนปกติจะต้องพึ่งพาสกิลในการทำเช่นนั้น
ผมได้เรียนเรื่องเหล่านั้นจากคนๆนั้นเป็นเวลาหลายเดือน
สิ่งนั้นจะไม่ให้ผมใช้พลังทั้งสองอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถึงแม้ยังงั้น ผมก็ยังฝึกหนักเพื่อให้ได้พลังเหล่านั้นมาและปรับปรุงมันโดยช่วยเติมเต็มกันและกันในสิ่งที่คาดหายไป
ในที่สุดผมก็สามารถไปชั้นล่างได้ซึ่งนั่นเป็นเป้าหมายแรกของนักผจญภัยชั้นหนึ่ง
มันจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกนองเลือดก่อนที่ผมจะได้รับพลังที่สามารถก้าวไปได้ไกลมากกว่านี้
แน่นอนว่าตอนนี้ผมเก่งกว่าคนอื่นๆและสามารถเรียนรู้วิธีจัดการกับพลังเวทย์และคิได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่ใช้เวลาเรียนอย่างยากลำบาก ผมต้องปรับปรุงมันก่อนที่จะเอาไปใช้งานได้จริงด้วย
ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้และทำตามนั้นและผลักดันความสามารถนั้นต่อไปเรื่อยๆ
ผมซึ่งถูกล้อโดยนักผจญภัยคนอื่นๆที่ไม่เคยยอมรับในตัวผมไม่ว่าผมจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม ยังไงผมก็ยังต้องเดินต่อไปทั้งหมดเป็นเพราะเพียงว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมได้พบเจอในอดีต…
◆ ◆ ◇
สกิลมีผลในการเสริมสร้างความสามารถ แต่ไม่ใช่เสริมความสามารถในตัวมันเอง
ผมนั่นเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว
…… ยังไงก็ตามไม่มีทางที่ผมจะเข้าใจได้อย่างแน่แท้จนกระทั่งผมกลายเป็นนักผจญภัย
สกิลของฮีลเลอร์ นั้นผิดปกติเมื่อเทียบกับสกิลอื่นๆ
ในขณะที่มันเป็นความจริงที่ว่ามันไม่ใช่สกิลที่ทรงพลัง นักผจญภัยและอัศวินล้วนต้องการฮีลเลอร์ที่กำลังขาดแคลน
——— นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงแม้จะเป็นเด็กกำพร้าในเมืองดันเจี้ยนแห่งนี้ ผมก็เข้าเรียนในสถาบันฝึกสอนฮีลเลอร์ เมื่อตัวผมเองนั้นพบว่าตัวเองมีสกิลเวทย์รักษา
นั่นกลายเป็นโชคที่ไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
เด็กกำพร้าในดันเจี้ยน พวกเขาต่างเป็นเด็กกำพร้าที่นักผจญภัยนั้นต่างทอดทิ้งเพราะความผิดพลาดของพวกเขาเพียงแค่คืนเดียวหรือเพราะนักผจญภัยที่เป็นผู้ปกครองนั้นเสียชีวิตในดันเจี้ยน โดยส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลังมากกว่า
ถึงยังงั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเท่าไหนถึงจะเข้าเรียนสถาบันศึกษาอย่างเป็นทางการได้?
เมื่อรู้เช่นนั้นเอง ผมก็รู้สึกชื่นชมตัวเองในความโชคดีนั่นที่มีเวทย์รักษาและด้วยความไม่ลังเลผมตัดสินใจจะเข้าสถาบันฝึกสอนฮีลเลอร์
…… จากนั้นในเวลาไม่ถึงเดือนมันก็ชัดเจนว่าผมสามารถใช้ได้เพียงแค่ 《ฮีล》 หลังจากนั้นผมจึงถูกขับไล่ออกจากสถานบันฝึกสอนฮีลเลอร์
ตอนแรก ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ท้ายที่สุดผมเชื่อว่าสกิลนั่นมันก็แค่เหมือนความสามารถไม่ใช่เหรอ นั่นคือสาเหตุที่ผมไม่สามารถเชื่อได้ว่าผมเป็นฮีลเลอร์ไร้ความสามารถที่สามารถใช้ได้เพียงแค่ 《ฮีล》
แม้ว่าผมจะมาที่นั่นเพราะว่าผมมีความสามารถ แต่เมื่อผมรู้ตัวอีกทีมันก็ไม่ใช่แบบนั้น
(TN:เพื่้อใครงง พระเอกกำลังถกเถียงเรื่อง สกิล (ทักษะ) กับ ความสามารถ (ทาเลนต์) )
…… ยังไงก็ตามผมไม่มีเวลาที่จะมาถูกครอบงำด้วยประเด็นแบบนั้น
มีวิธีการที่จะเข้าเป็นอัศวิน หากผมได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากสถานบันฝึกสอนฮีลเลอร์
แต่ตอนนี้ผมถูกไล่ออกมาแล้วผมต้องเลือกเส้นทางแห่งความอยู่รอดและทางเลือกที่เหลือคือทางเดียว การกลายเป็นนักผจญภัย
…… ยังไงก็ตามถึงแม้ในฐานะนักผจญภัยผมก็ยังถูกมองว่าไร้ความสามารถ
บางทีสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปหากผมใช้อย่างอื่นได้นอกจาก《ฮีล》 แต่ว่ามันก็ยังมีเวทย์ระดับสูงกว่านั้นอีก แต่สำหรับฮีลเลอร์ที่ทำได้แค่《ฮีล》 ซึ่งมันไร้ประโยชน์เอามากๆระหว่างท่ามกลางการต่อสู้ในปาร์ตี้ของพวกเขา
ดังนั้นทำไมนักผจญภัยจึงโกรธผมที่ไร้ความสามารถและเริ่มใช้ความรุนแรง
…… แต่ผมก็ไม่คิดว่าสถานการณ์เหล่านั้นมันเลวร้ายหรอกนะ
นั่นเป็นเพราะผมนั้นมั่นใจในตัวเองว่าตัวผมในอนาคตนั้นจะสามารถเป็นนักผจญภัยที่ยอดเยี่ยมได้
เมื่อคิดดูตอนนี้มันอาจจะเป็นเพราะผมพยายามจะหนีจากความจริงเพราะผมนั้นตกลงสู่ความโชคร้ายหลังจากค้นพบความหวังนั่นเอง
แต่ว่า แม้จะผมจะหนีออกจากความเป็นจริงเหล่านั้นมันก็ยังมีแรงจูงใจเหลืออยู่ที่ผลักดันผมให้ทำงานหนักขึ้นในทุกๆวัน
จากนั้นผมก็พยายามฝึกการต่อสู้ระยะประชิดและเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่ห้องสมุดของกิลด์เพื่อคอยสนับสนุนนักผจญภัยคนอื่นๆ
เพื่อให้นักผจญภัยคนอื่นยอมรับในตัวผมอย่างน้อยที่สุดละนะ
…… แต่พวกเขานั้นไม่เคยยอมรับในความพยายามของผม
ไม่เพียงแค่นั้น ยังเอาแตะหัวเราะเยาะผม
พวกเขาต่างบอกว่ามันเป็นความพยายามอันสูญเปล่า ไม่มีใครที่จะจดจำความพยายามของผมเลยสักคน
…… จิตใจของผมใกล้จะแตกสลายในเวลานั้น
หัวใจของผมก็เริ่มมาถึงขีดจำกัดแล้ว
——— ยังไงก็ตามสถานการณ์นั้นก็เปลี่ยนไปเมื่อผมได้รับเชิญให้ไปอยู่ในปาร์ตี้ชั่วคราวของปาร์ตี้หนึ่ง