[ นิยายแปล ] สารภาพรักไป99ครั้งก็ยังไม่ไหวงั้นหรอ!? - ตอนที่ 6
“พูดตรงๆ อย่างไงก็คงโดนปฏิเสธแหละนะเซอิจิคุง”
ฉันว่าฉันเป็นที่ผู้หญิงที่ใช้ไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
ถึงจะพูดไปว่า”จะสนับสนุน”แต่ในใจนั้นหวังให้โดนปฏิเสธตลอด
“พอโดนปฏิเสธแล้ว เซอิจิคุงคงเศร้าแน่ๆ แล้วเวลานั้นฉันจะเข้าไปปลอบ… อุฟุ…. อุฟุฟุ…”
ฉันหัวเราะอย่างน่าขนลุกอยู่ในห้องน้ำ
ดูจากมุมมอง ดูอย่างไงก็เหมือนกับโรคจิต
อย่างไรก็ตาม ฉันหยุดยิ้มไม่ได้ เพราะคิดว่าความรักของเธอคงจะถึงเวลาออกดอกออกผลแล้ว พอคิดแบบนั้นก็แสยะยิ้มออกมา
ระหว่างที่กำลังแสยะยิ้มอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“หืม ในเวลาแบบนี้ มีอะไรกันล่ะคะ”
เป็นการแจ้งเตือนจากข้อความที่ส่งมาจากเพื่อนในชมรม
ข้อความว่า”ฉันกำลังไปห้องทำอาหารเธอก็รีบมาด้วยล่ะ”
ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องของเซอิจิคุงมากเกินไป จนลืมเรื่องชมรม
“อะ ต้องรีบไปแล้ว”
ฉันรีบออกจากห้องน้ำและวิ่งไปห้องทำอาหาร
“ขอโทษที่มาสาย”
“อ๊ะ ในที่สุดก็มา ถ้าประธานไม่อยู่ก็เริ่มไม่ได้นะสิ”
คนที่กำลังพูดอยู่คือคนเดียวกับที่ส่งข้อความมา โคงะ ชิโฮะ
ชิโฮะกับฉันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มอต้นและเป็นคนที่สนิทด้วยที่สุด
“วันนี้จะทำอะไรกันหรอ?”
“อืมมม วันนี้ร้อนด้วยสิ ซอร์เบทล่ะเป็นไง” [tl:อยากจะแปะรูปให้ดูนะ แต่ทำไม่เป็น เอาเป็นว่าให้นึกถึงไอติมที่ทำจากผลไม้ละกัน สำหรับคนไม่รู้]
“โอว นั่นสินะ ดูน่าทานด้วย”
คนอื่นๆนั้นกำลังคุยกันว่าจะทำอะไรกันดี
ชิโฮะและฉันคือคนที่ตั้งชมรมทำอาหารขึ้นมา ทำให้สมาชิกมีแต่ปี1
ตั้งแต่เมื่อก่อนฉันชอบทำอาหารมาก ก็เลยตั้งชมรมมาเพื่อฝึกฝีมือกับพวกชิโฮะทุกวัน
แต่ละคนนั้นมีเหตุผลที่ชอบอาหารไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็มารวมกันตรงนี้ได้
“จะว่าไป วันนี้ยามาเสะซังเพื่อนร่วมชั้นของฉัน ถูกอิชิกิคุงเพื่อนร่วมชั้นของซายากะเรียกไปอีกแล้วนะ”
“อืม พยายามเหมือนทุกทีไม่เปลี่ยนเลยนะ เป็นคนที่ยืนหยัดจริงๆ”
“น่าคิดถึงจังน้า~ ตอนนั้นที่เพิ่งมาชมรมยังไม่รู้แม้แต่วิธีใช้มีดเลยแท้ๆ”
“แต่สุดท้ายก็ทำปาเอย่าได้เลยนี่นะ”[tl:อาหารประจำชาติสเปน หน้าตาเหมือนข้าวผัดแต่ไม่ใช่ข้าวผัด]
พอพูดถึงเรื่องเซอิจิคุง ทุกคนก็นึกถึงเรื่องเก่าๆกัน
เซอิจิคุงนั้นใจดีกับทุกคนและพยายามอย่างหนักจนทำให้สนิทกับทุกคนในชมรมได้
ถึงแม้ชมรมจะมีแต่ผู้หญิง แต่เพราะไม่มีเรื่องต้องคิดมากเลยสนุกกับชมรมได้
“อาา ทำไมถึงไม่ใช่ประธานของฉันกันน้า..”
“เอะ ม หมายถึงอะไรหรอ”
“ปกปิดไปก็ไร้ประโยชน์ เขารู้กันหมดแล้ว”
ทุกคนเดินมาหาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ก็ประธานน่ะ~ ตอนสอนอิชิกิคุง ก็หน้าแดงใหญ่เลย~”
“ใครกันน้า~ ที่เอาแต่มองอิชิกิคุง จนเผลอทำหม้อไหม้ไป~”
คิดว่าไม่มีใครรู้แท้ๆ แต่จริงๆแล้วรู้กันหมดเลย
พอทราบอย่างนั้นก็ทำให้อายและหน้าแดงไปหมด
“อุวว ช ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ชอบ…”
ฉันเผลอพูดคำพูดนี้ออกไป
รู้สึกตัวก็ทำให้อายหนักกว่าเดิมและอุณหภูมิขึ้นหน้าจนร้อนไปหมด
“อาา ถ้าอิชิกิคุงเปลี่ยนใจมาหาประธานละก็ ทุกคนต้องดีใจแน่ๆ”
“จะสารภาพรักไปถึงเมื่อไรกันนะ อ๊ะ แต่ไม่ใช่ว่าประธานจะหมดหวังสะทีเดียว”
“พวกเราอยู่ฝั่งประธานน้า~”
ถึงจะพูดอะไรไปก็ตาม ดูเหมือนสมาชิกชมรมก็ยินดีสนับสนุนเสมอ
พอพูดถึงสิ่งที่พวกเธอทำได้ ก็คิดไว้ว่าจะลองปรึกษาดู ก่อนอื่นก็เอาเรื่องที่ได้ยินจากเซอิจิคุงไปพูดก่อน
“ที่จริงแล้ว เรื่องโอกาสนั่น….ก็ยังพอมีอยู่..”
หลังจากพูดจบ ทุกคนตาเป็นประกาย
“ประธาน! แบบนั้นแหละ โอกาสนั่นแหละโอกาส โอกาสใหญ่เลย”
“พูดกับอิชิกิคุงที่ถูกปฏิเสธว่า”เป็นชั้นไม่ได้หรอ?”แบบนี้นัดเดียวจอดแน่ๆ”
“ลุยเลยประธาน! ถ้าตัดสินใจได้แล้วล่ะก็ เอ้า ทุกคนพร้อมนะ!”
“ค่าา!!”
“เอ๋ อ อะไร”
ไม่รู้ทำไมทุกคนถึงถอดผ้ากันเปื้อนและเดินออกจากห้องชมรม
ฉันสงสัยเลยถามชิโฮะที่เหมือนสั่งการทุกคน
“ตัดสินใจแล้วไม่ใช่หรอ ใช้โอกาสไงล่ะ”
“ประธานจะปรากฏตัวตอนที่ถูกปฏิเสธ”
“เข้าไปปลอบแล้วหลังจากนั้นก็เข้าเส้นชัยแน่นอน”
“เพราะเหตุนี้เลยต้องออกไปตามหาอิชิกิคุงไงล่ะ”
“โอ้ว”
ทุกคนสนิทกันจึงให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
แต่ว่าฉันเริ่มปฏิเสธความคิดนั้น
“ฉะ ฉันไม่ไหวหรอก”
ฉันเดินมาด้านหน้าและรีบหยุดทุกคนไว้
ถึงจะบอกให้ไปปลอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
อีกอย่าง แค่เพราะชอบเขา ไม่ได้แปลว่าจะไปใช้โอกาสตอนที่เขาเพิ่งถูกปฏิเสธมาทั้งที่เคยบอกว่าจะช่วยสนับสนุนเขา
“เห้อ ทำไงดี”
“มีอะไรหรอ”
“เอ๋? อ อิชิกิคุง!”
หลังจากที่นั่งถอนหายใจอยู่ เซอิจิคุงก็มาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน
ฉันตกใจจนรีบลุกและเก้าอี้ที่นั่งอยู่ถึงกับล้มลง
“ปะ เป็นอะไรไป”
ฉันรีบตั้งเก้าอี้ขึ้นและถามเขาไปว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่จะมาปรึกษาประธานก่อนจะไปสารภาพรักเท่านั้นเอง”
“ปรึกษา? ฉันหรอ?”
“อืม ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ ในมุมมองของผู้หญิงเนี่ย เธอคิดอย่างไงกับผู้ชายที่สารภาพรัก99ครั้งหรอ”
พูดตรงๆคือไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย
ดูเหมือนเขาจะเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เขาทำแล้ว
เห็นเขาที่หน้าตาท่าทางแบบนั้นทำเอาฉันก็พูดไม่ออกเลย
“อือ อืม ฉันคิดว่าผู้หญิงแต่ละคนคงคิดไม่เหมือนกันนะ ถึงจะถามเรื่องอย่างนี้ก็เถอะ แต่ไม่คิดว่าจะได้คำตอบที่เหมือนกันหรอกนะ”
“นั่นสิน้า เห้อ~”
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับจะเดินออกไปจากห้องชมรม
“ขอบคุณ ถ้างั้น ไปละนะ”
พูดแบบนั้น เขาก็เดินออกไป มองจากข้างหลังไม่รู้สึกถึงพลังเลย
ฉันคิดหาวิธีที่จะช่วยเขา
เขาที่ฉันเฝ้ามองไม่ใช่แบบนี้
ปกติเขาจะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมและพูดสารภาพรักออกไปได้อย่างมั่นใจ
ผู้ชายที่ฉันชอบไม่ใช่คนที่ดูอ่อนแอแบบนี้ เขาจะเป็นคนที่ไม่ว่าพลาดกี่ครั้งก็ยังยืนหยัดได้เสมอ
หลังจากนั้นฉันก็ลุกขึ้นและตระโกนไป
“กระฉับกระเฉงหน่อยเซ่!”
จากนั้น
“กุอัก”
ฉันใส่แรงทั้งหมดและต่อยไปที่แผ่นหลังของเขา