[ นิยายแปล ] สารภาพรักไป99ครั้งก็ยังไม่ไหวงั้นหรอ!? - ตอนที่ 2
ยามาเสะคิรินนั้นเป็นสาวป๊อปเพราะความสวยของเธอ
ผมตรงยาวสีดำ ขาที่เรียวยาว และใบหน้าที่งดงามของเธอ จัดได้ว่าเป็นสาวงามแบบสาวญี่ปุ่นโดยแท้ ถึงแม้จะไม่มีเมคอัพก็ยังมองเห็นความงามที่ออกมาจากตัวเธอ
ทว่าผู้หญิงคนนี้นั้นกำลังประสบปัญหาตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน
“อรุณสวัสดิ์ คิริน วันนี้มาตั้งแต่เช้าเลยหรอ”
“อื้ม ให้ตายสิ อยากจะรีบเคลียร์เรื่องนี้ไวๆจังเลย”
“หืมม ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมไปหาทุกรอบเลยนี่นา~”
“ช่วยไม่ได้นี่นา ก็เหมือนว่าทางนั้นจะจริงจังทุกครั้งเลยด้วย…”
หลังจากที่เธอปฏิเสธสารภาพรักในตอนเช้า คิรินก็กลับไปยังห้องเรียนของเธอ และก็ได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอซาซาฮาระ มิสะ
“แต่ว่าสุดยอดไปเลยน้า~ แล้วครั้งนี้ครั้งที่ไหร่แล้วล่ะ?”
“ครั้งที่98 ให้ตายสิไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้เลย..”
“โหวว อีกนิดเดียวก็ขึ้น3หลักแล้ว นายคนนั้นเนี่ยชอบเธอจริงๆสิน้า~”
“นะ นั่นสินะ”
คิรินตอบไปด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย
เพราะคำพูดของคนอื่น ทำให้เธอตอบสนองโดยอัตโนมัติ
แต่คิรินนั้นไม่ได้มีความรู้สึกรักชอบอะไรเลย
“ตลอดมาตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนใช่มั้ยล่า? โดยทั่วไปคงตอบตกลงไปแล้วละน้า~”
“ไม่รู้ด้วยหรอกย่ะ ที่ผ่านมาทุกวัน ไม่มีเว้นว่างให้พักเลย”
“อ่าา ถึงจะจริงก็เถอะ.. แต่ว่านะเธอน่ะ ได้คิดไตร่ตรองตอนปฏิเสธไปบ้างมั้ย?”
“เอะ? นั่นมันก็ต้องแน่นอนไม่ใช่รึไง”
“หืม ฉันคิดว่าเธอคงไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ที่เห็นก็มีแค่ปฏิเสธไปให้มันจบๆ”
คิรินรู้สึกน้อยใจ
ไม่ใช่ว่าปฏิเสธไปแบบผ่านๆ ทุกครั้งเธอก็มีเหตุผลที่คบกันไม่ได้ เพียงแต่พักหลังเธอแสดงอาการเย็นชาเพื่อให้อีกฝ่ายตัดใจไป
“ไม่ใช่แบบนั้นสะหน่อย ฉันเองก็คิดเหมือนกันนะ…”
“แล้วได้คิดถึงอีกฝั่งด้วยมั้ยล่ะ”
“เอะ? หมายความว่าไง”
“ก็ เขาเข้าหาเธอมากกว่า90ครั้งแล้วไม่ใช่หรอ อย่างที่คิดเธอไม่ได้ใส่ใจเลยสินะ ทำไมถึงสงวนตัวเองขนาดนั้น แล้วทางเขาล่ะ”
ที่จริงก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบหรอก
เพียงแต่ว่า ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลแบบไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางเปลี่ยนความจริงที่ว่าเราไม่มีทางคบกันได้หรอก แถมก็ไม่เคยรู้เรื่องของเขาเลยด้วย
“อืมม ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนใจหรอกนะ เพียงแต่ว่าไม่ว่าอย่างไงเราก็คบกันไม่ได้”
“ฮ่า~ เพราะแบบนั้นไงเขาถึงไม่ตัดใจสักที…”
คิรินตกใจกับการตอบสนองของมิสะแล้วถามเธอ
“ทำไมเล่า ก็บอกไปแล้วนี่นาว่าปฏิเสธแบบมีเหตุผล”
“เหตุผลของเธอมันไม่สมเหตุสมผลไง”
“เอ๋…”
“เธอเคยบอกเขาอย่าง’ฉันคบกันคุณไม่ได้หรอกค่ะเพราะคุณไม่ใช่สเปคฉัน’มั้ยละ?”
“มะ ไม่เคยหรอก เรื่องโหดร้ายขนาดนั้น”
“นี่แหละ กรณีของเธออาจจะบอกไปว่า’ตอนนี้สนใจแค่เรื่องเรียนเท่านั้น’หรือ’ฉันยังไม่รู้จักคุณเลย’ปฏิเสธไปแบบนี้ยังไม่เคยใช่มั้ยล่ะ”
เหตุผลที่ฉันปฏิเสธเขาไปทุกครั้งเป็นแบบที่มิกะพูดเลย ฉันไม่เคยใส่ใจฝ่ายตรงข้ามและปฏิเสธไปด้วยความคิดของฉัน
“กะ ก็จริงนะ”
“อีกอย่างนะ เขาน่ะอาจจะคิดว่า’ยังมีโอกาสครั้งหน้า’อีกจึงได้มาเรื่อยๆไง”
คำพูดของมิสะแทงใจดำได้อย่างสวยงาม
ทุกครั้งไม่ว่าจะครั้งไหน ฉันก็พูดไปแบบให้ความหวังเขาไปแบบไม่รู้ตัวตลอด
“นั่นสินะ น่าจะเป็นแบบนั้น”
“เพราะงั้น ครั้งต่อไปก็พูดให้มันตรงๆไปเลยก็ได้นะ อย่าอ่อนข้อให้เพราะแค่ว่ารู้สึกไม่ดีล่ะ”
“บะ แบบนั้นมันหยาบคายไปมั้ย…”
คิรินคิดว่ามันเกินไปหน่อย ที่มิกะพูดโผงผางแบบนั้นออกมา
“พูดอะไรแบบนั้น! ถ้าเธอไม่พูดให้เคลียร์แบบนี้ละก็ เขาก็ไม่ยอมตัดใจสักทีนะสิ!”
“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ถ้าพูดถึงขนาดนั้น…”
“ไม่เป็นไรหรอก เขาเองก็ดูเหมือนว่าจิตใจแข็งแกร่งอยู่นะ บางทีถึงจะพูดแบบนั้นไป ก็อาจจะมาสารภาพรักอีกก็ได้”
มันก็จริงเพราะเขาถูกปฏิเสธมาตั้ง90กว่าครั้ง แต่ก็ยังมาสารภาพรักอีก บางทีถ้าพูดแรงขึ้นมาหน่อยคงไม่เป็นอะไร
“จะ จะลองดูละกัน…”
“โอ้ ในที่สุดก็มีใจแล้ว ถ้างั้นครั้งหน้าเอาแบบจัดเต็มแบบสุดๆไปเลย นี่ก็เพื่อเขากับตัวเธอเองนะ”
“อืม”
คิรินที่ได้ฟังมาจากมิสะก็เริ่มคิดเกี่ยวกับสารภาพรักครั้งถัดไป
คิรินคิดว่าครั้งต่อไปจะต้องหยุดความสัมพันธ์แปลกๆแบบนี้อย่างจริงจังสักที
*
หลังจากที่เซอิจิก็ได้มาคาราโอเกะกับเคนและทาเคชิ ได้ผ่านมาสองชั่วโมงแล้ว ทำให้คอเริ่มแห้งและก็เลยแยกย้ายกัน
“อาา ไอ้เจ้าพวกนั้น จะรีบฉลองกันเร็วเกินไปแล้ว….”
ทั้งสองบอกเซอิจิไปก่อนหน้านี้”สารภาพครั้งสุดท้ายก็คงเหมือนทุกทีแหละนะ”แล้วก็พามาจัดปาร์ตี้ปลอบใจ
“อย่างไงก็คงไม่ไหวสินะ…”
ไม่ว่าจะเวลาไหนเซอิจิก็คิดถึงแต่เรื่องของคิริน
ถ้าพรุ่งนี้ก็ไม่ได้ละก็คิดว่าจะตัดใจแล้วแท้ๆ แต่ก็เอาแต่คิดถึงเรื่องวิธีการสารภาพรักที่ไม่ว่าจะทำอย่างไงก็โดนปฏิเสธทิ้งอยู่ดี
“ฮ่าา สารภาพไปแบบธรรมดาน่าจะดีกว่าสินะ”
ตามที่เคนเคยบอก อย่างไงสารภาพไปแบบปกติก็คิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด เซอิจิคิดอย่างนั้นและตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะสารภาพรักแบบปกติ
“เอาล่ะ! จะวิธีไหนก็ช่างครั้งสุดท้ายขอพยายามให้เต็มที่เลยก็แล้วกัน!”
เซอิจิพูดแล้วชูกำปั้นขึ้นอยู่กลางถนน
ยังดีที่รอบข้างนั้นไม่ค่อยมีคน เพราะถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงคิดว่าเป็นไอ้บ้า
“เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กลับบ้านเลยดีกว่า”
เพราะเลือกเส้นทางที่ไม่ค่อยมีการสัญจรไปมา ทำให้รอบๆค่อยจะมีไฟข้างทางและบรรยากาศก็เริ่มมืดลง
ทางนี้ถึงจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็เป็นทางที่ใกล้ที่สุดจากคาราโอเกะไปบ้าน ก็เลยเลือกใช้เส้นทางนี้
“ถึงนานๆทีจะผ่านทางนี้ก็เถอะ แต่ก็น่ากลัวจังเลยนะ”
ระหว่างที่พึมพำก็เผลอคิดไปว่าจะมีอะไรออกมาให้ตกใจรึป่าว
ตอนนี้ก็เป็นเวลา2ทุ่มแล้ว
บริเวรรอบๆนั้นมืดไปหมดและก็ไม่มีคน
“ถ้าเป็นในหนังสยองขวัญละก็ บรรยากาศแบบนี้ต้องมีเสียงผู้หญิงกรีดร้องออกมาด้วยสินะ”
“คิย้าาาาาาาาาา”
“ใช่ๆๆ แบบนี้เล… เห้ยเดี๋ยวนะ”
เซอิจิตกใจที่อยู่ๆก็มีเสียงออกมาตามที่เขาพูด
ถึงจะกลัวแต่เพราะความสนใจเซอิจิเลยวิ่งไปที่ต้นเสียง
แต่ว่าที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ผีแต่อย่างใด
“ปะ ปล่อยนะ!”
“ชิ อย่าส่งเสียงดังสิวะ!”
ตรงนั้น เซอิจิเห็นผู้ชาย2คนกำลังพยายามลักพาตัวคิรินขึ้นไปบนรถ
พอเห็นอย่างนั้นร่างกายมันก็ขยับไปเองเพื่อออกไปช่วยเธอ
“โอ้วววว”
“กุอัก”
“เชี่ยไรวะ ไอ้เจ้านี้”
เซอิจิพุ่งเข้าใส่ชาย2คน
ทำให้ชายคนที่จับคิรินอยู่เสียหลักและปล่อยมือออกจากเธอ ทำให้เธอเป็นอิสระ
“วิ่งเร็ว”
“เอ๊ะ”
เซอิจิรีบพาคิรินวิ่งออกมายังถนนที่มีคนพลุกพล่าน
คิรินปล่อยให้เซอิจิพาไป จนกระทั่งมาถึงย่านการค้า
“ฮ่าา.. ฮ่าา… คงไม่ตามมาถึงนี่หรอกสินะ”
“ฮ่าา.. ฮ่าา… บ้าบิ่นจังเลยนะ.. นายน่ะ…”
เซอิจิหัวเราะออกมา
คิรินยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเป็นเซอิจิ
หลังจากหายเหนื่อยแล้วทั้ง เซอิจิก็ถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่สวนสาธารณะ
“คะ คือเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอครับ?”
เซอิจิกังวลเรื่องที่ช่วยคนที่ตัวเองชอบในสวนสาธารณะ
เห็นอย่างนั้น คิรินก็เริ่มเล่าเหตุการณ์
“ระหว่างทางกลับบ้าน อยู่ดีๆก็โดนพาขึ้นรถน่ะสิ”
“งะ งั้นเหรอครับ โชคดีนะครับที่ไม่เป็นอะไร…”
“อืม แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะได้ผู้ชายที่ฉันปฏิเสธอยู่ทุกวันช่วยไว้…. ขอบคุณ”
เซอิจิกริ่มยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำพูดของคิริน เขาพยายามดึงหน้ากลับมาแต่ก็ไม่เกิดผล เขารับรู้ได้เลยว่าใบหน้าตอนนี้ของเขาคงไม่หน้าดู
“อะไรล่ะนั่น… หน้าตาแบบนั้น…”
“อะ.. ระ.. เรื่องนั้นช่างมันก่อน กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อกี้อีก เดี๋ยวผมพาไปส่งละกัน บ้านเธออยู่ไหนหรอ”
“…….”
“เอ่อ.. คือ..”
เซอิจิพูดออกมาจากใจจริง แต่สายตาที่คิรินมองเซอิจินั้นมองมาด้วยความหวาดระแวง
“อะ ขอโทษ ก็อยากจะขอบคุณที่จะไปส่งอยู่หรอกนะ แต่จะให้บอกบ้านฉันกับนายนี่ก็…..”
“นะ นั่นสินะครับ…”
นั่นก็จริงนะ เพราะมีเรื่องที่ไปกดดันขอสารภาพรักกับเธอ เธอจะระแวงก็ไม่แปลก
แต่ว่าจะให้เธอไปคนเดียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิดเรื่องแบบเมื่อกี้อีก
เซอิจิเลยหาวิธีที่จะให้เธอสบายใจโดยไม่ต้องกลับคนเดียว
“เอาล่ะ! งั้นไปกันเถอะ!!”
“เอ๋?”
เซอิจิหยิบมือถือออกมา เพื่อโทรหาใครบางคน
คิรินไม่รู้ว่าเซอิจิกำลังพยายามจะทำอะไร
“นี่พวกนาย อยู่ที่ไหนกัน เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นรีบมาที่นี่หน่อยสิ ส่วนสถานที่ก็…”
ิไม่กี่นาทีต่อมา คนที่เซอิจิโทรไปหาก็มาถึง
คนนั้นก็คือ เคนและทาเคชิที่เพิ่งไปร้องคาราโอเกะมาด้วยกัน
ทั้งสองที่ไม่รู้เรื่องราวเลยถามเซอิจิออกไป
“โดนปฏิเสธมา?”
“ไม่ใช่โว้ยย!”
เซอิจิตบมุกออกไป และเริ่มเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
“อย่างนี้เอง.. แล้วนายก็เลยจะให้พวกเราไปส่งยามาเสะซังสินะ..”
“อาา ก็เจ้าเซอิจิมันก็เหมือนสตอร์เกอร์ของยามาเสะซังนี่นะ”
“เฮ้ย ทาเคชิ เอ็งหุบปากไปเลย”
“อาา พวกเราไม่มีปัญหาหรอก แต่ยามาเสะซังล่ะ?”
“ค่ะ ถ้าเป็นทั้ง2คนล่ะก็…”
คำพูดของคิรินนั้นทิ่มแทงหัวใจของเซอิจิ แต่เซอิจิก็ยังยิ้มและพูดออกมา
“ถ้างั้น ชั้นขอตัวล่ะ โทษทีนะแต่ฝากพวกนายด้วยนะ
“โอ้ว แล้วเจอกัน'”
เซอิจิคิด”ยามาเสะซังไม่ได้เป็นอะไรสะด้วยสิ ช่างมันละกัน”ระหว่างกำลังเดินกลับบ้าน
เหลือไว้แค่คิรินและอีก2คนกับบรรยากาศที่กดดัน
ทั้ง2คนรู้สึกแปลกๆกับการที่ต้องมาส่งยามาเสะคนที่คอยปฏิเสธเพื่อนตนเอง
“เน่ ถ้าเป็นปกติแล้ว มันต้องเซอิจิกับยามาเสะซังกลับบ้านด้วยกัน และก็สานสัมพันธ์ความรักกันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมเซอิจิมันดันกลับคนเดียว และให้ยามาเสะซังกลับกับพวกเรา?”
“ก็เพราะเจ้านั่นมันสารภาพรักกับยามาเสะมากกว่า90ครั้งเลยนะ ก็พอเข้าใจความรู้สึกของยามาเสะซังอยู่หรอก”
“ก็นะ คนที่ปฏิเสธมาตั้งขนาดนั้น ก็ไม่คิดว่าเธอจะทนไหวหรอก”
ระหว่างที่เดินกลับ เคนกับทาเคชิก็พูดกระซิบกัน2คน.
ในสถานการณ์แบบนี้ทำให้คิรินยิ่งลำบากใจอีก เมื่อเห็นทั้งคู่
“ค คือว่า ขออภัยนะคะ คือกำลังรีบ…”
“อา อืม ได้สิ พวกชั้นก็ด้วยแหละ”
“ใช่ใช่ ปาร์ตี้ปลอ…”
“โอ่ย เจ้าบ้า”
ทาเคชิปิดปาก
ถ้าไปพูดกับคนที่ปฏิเสธว่า”จนถึงเมื่อกี้เราจัดปาร์ตี้ปลอบใจให้เซอิจิมาด้วยล่ะ~” คงเป็นสถานการณ์ที่ลำบากน่าดู
ทาเคชิกับเคนมองไปที่คิริน แต่คิรินก็ไม่สนใจอะไร
ในทางกลับกัน คิรินพูดถึงเซอิจิออกมา
“เป็นคนแปลกจริงๆ ทำไมต้องคิดถึงเรื่องฉันขนาดนี้ด้วย…”