[ นิยายแปล ] สารภาพรักไป99ครั้งก็ยังไม่ไหวงั้นหรอ!? - ตอนที่ 10
เมื่อเสร็จจากสารภาพรักเซอิจิก็กลับมาที่ห้องเรียน
รักที่ไม่สมหวังที่แสนยาวนานของเซอิจิได้จบลงแล้ว ทำให้หัวใจเขามีรูโบ๋อยู่
แต่ว่า ในสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้มีใครสังเกตุเห็นแต่อย่างใด
“โอะ กลับมาแล้วสินะ ไปคาราโอเกะกันเถอะ”
“ทำใจให้สบายเถอะ พวกเราอยู่ข้่งนายนะ”
“อา ไม่ คือว่า..”
“หืม มีอะไรท่าทีแบบนั้น”
เซอิจิคิดมากเรื่องที่ซายากะมาสารภาพรัก
ซายากะกับ2คนนี้นั้นเป็นคนรู้จักกัน ถ้าพวกนี้เห็นถ้าทีแปลกๆออกมาจากเธอ ความแตกแน่นอน
แต่ว่าเซอิจิครุ่นคิดว่าจะปรึกษาพวกเขาดีมั้ย จำเป็นต้องเล่าเหตุการณ์ให้2คนนี้ฟังหรือป่าว
“ถ้ามีปัญหาอะไร เล่ามาสิ”
“ใช่แล้ว พวกเราคบกันมานานแล้วนะ เพราะฉะนั้นไม่มีใครที่พึ่งพาได้มากกว่านี้แล้วล่ะ”
“ทั้ง2คน…”
เซอิจิขอโทษทั้ง2คน
มันน่าอายที่เซอิจิพยายามเก็บซ่อนปัญหาไว้ ทั้งๆที่เขาก็ช่วยเหลือเซอิจิมาตั้งแต่ชั้นประถม
เซอิจิขอบคุณสำหรับความใจดีของพวกเขาและเล่าเหตุการให้ฟัง
“… ควรทำอย่างไงดีล่ะ”
“….”
ทั้ง2คนได้แต่กอดอกหลับตาคิด
เซอิจิมั่นใจว่าทั้ง2คนกำลังคิดอย่างจริงจังอยู่แน่ๆ
แต่เซอิจิลืมไปว่า มาขอคำปรึกษาจาก2คนนี้มันไม่เคยได้อะไรกลับมาเลย
“”เอาล่ะ! คบกับมาเอบาชิไปเลย! แค่นั้น! แล้วก็ไปคาราโอเกะกัน ถือว่าปลอบนะ””
“โอ้ย! จังหวะจะเป๊ะไปแล้วเฟ้ย พวกแก!”
ทั้ง2คนนั้นลืมตาพร้อมกัน พูดสิ่งเดียวกัน ลุกพร้อมกัน และเตรียมจะออกจากห้องเรียน
พอได้เห็น2คนนั้น เซอิจิก็คิดว่าไม่น่ามาปรึกษาพวกนี้เลย
“แต่ว่านะ ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ มีโอกาสได้เริ่มรักใหม่แบบนี้”
“อย่างที่ทาเคชิมันพูดเลย มาเอบาชินั้นทั้งนิสัยดี มีเพื่อนที่สนิทมากมาย แล้วก็เหนือสิ่งอื่น เธอติด ทอป10สาวสวยประจำโรงเรียนด้วยนะ”
“รู้เยอะจังเลยนะ…”
เซอิจิคิดว่าความคิดเห็นของพวกนี้มันสุดๆไปเลยนะ
ที่ผ่านมาเซอิจิมองซายากะเป็นแค่เพื่อนมาตลอด แต่พอตั้งใจคิดดูดีๆ เธอก็เป็นสาวงามตามปกติเลยนะ
ทั้งใจดี เพื่อนเยอะ และยังเป็นประธานชมรมทำอาหารอีก
ตั้งแต่ขึ้นมอปลาย เซอิจิก็เอาแต่สนใจคิรินจนไม่เคยสนใจความน่ารักของผู้หญิงคนอื่นเลย
“แล้วก็มีหน้าอกด้วยนะ”
“เออ ใช่ แถมยังใหญ่สะด้วย”
“พูดอะไรของพวกแก นั่นไม่เกี่ยวสักหน่อย!”
“ไม่ ก็แกน่ะ ชอบหน้าอกไม่ใช่รึไง”
“หนังสือที่ซ่อนไว้ก็มีแต่ เบิ้มๆ คือลือ ทั้งนั้นด้วยนี่น้า~”
“น หนวกหู! แล้วพวกแกรู้ได้ไงฟร่ะ!”
“”ตอนไปบ้านแกครั้งก่อน ส่องมาหมดแล้วล่ะ””
“อย่ามาค้นห้องชาวบ้านตามใจชอบนะโว้ย!”
เซอิจิด่าทั้ง2คนที่มาร่วงรู้รสนิยมของเขา
เขาคิดว่าต้องย้ายที่ซ้อนไม่ให้ใครมาเจออีกเป็นครั้งที่2
“พอมาคิดดูดีๆ มาเอะบาชิเนี่ย ก็ตรงสเปคเซอิจิเลยไม่ใช่รึไง”
“อะ จริงด้วย ทั้งใจดี ยิ้มเก่ง และ เบิ้ม”
“อา ทั้งน่ารัก ซุ่มซ่ามนิดๆ และ เบิ้ม”
“พวกแกเลิกเน้นตรงหน้าอกใหญ่ได้แล้วชั้นรู้สึกผิดนะโว้ย!”
แต่ถึงอย่างงั้น เซอิจิก็เห็นด้วย
ซายากะนั้นตรงตามไทป์ของเซอิจิทุกอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย
เซอิจิสงสัยว่าทำไมถึงไม่รู้สึกตัวว่าผู้หญิงสเปคตัวเองอยู่ใกล้ๆแค่นี้
“จะว่าไป ยามาเสะซังไม่เห็นจะตรงกับสเปคแกเท่าไร ไม่ใช่หรอ”
“จะว่าไปก็ใช่ ปกติก็ไม่เคยเห็นเธอหัวเราะเลย แถมหน้าอกยัง…”
“ใช่มั้ยล่ะ เพื่อนเองก็ดูไม่ค่อยจะมีด้วย แถมหน้าอกยัง…”
“เสียมารยาทนะโว้ย อย่าพูดเรื่องหน้าอกสิ!”
ด้วยการตบมุกให้ทั้ง2คน เซอิจิก็เริ่มคิดนิดนึง
จริงอยู่ที่เซอิจินั้นชอบคิริน
แต่ว่า เธอไม่ได้ตรงกับสเปคของเซอิจิเลยแม้แต่น้อย
ถึงอย่าง ยิ่งเซอิจิคิดถึงเหตุผลว่าทำไมถึงชอบคิริน ก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“นั่นน่ะ เรื่องของยามาเสะซังก็จบไปแล้วนี่นา ถึงจะยังไม่เคลียก็เถอะแต่ฉันว่าแกควรคิดเรื่องของมาเอบาชิไว้ดีกว่านะ”
“แต่ก็นะ แกเคยบอกไว้ไม่ใช่หรอว่า สารภาพรักนั้นเริ่มจาก”กรุณาคบกันด้วยเถอะ”ประมาณนี้ไม่ใช่รึไง”
“ก็จริงอยู่ ถ้างั้นลองรอไปก่อนยังไม่ต้องรีบตอบได้มั้ย..”
“นั่นก็เรื่องของแกแล้ว อีกไม่กี่สัปดาห์เดี๋ยวแกก็คงลืมเรื่องยามาเสะซังสินะ?”
“อืม แน่นอน”
“ตอบได้ดี รีบตัดใจได้แล้ว”
หลังจากได้คำแนะนำจากทั้ง2คนเซอิจิตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ต้องไปพูดคุยกับซายากะและบอกความรู้สึกกับเธอ
“ว่าไงดีล่ะ หลังเลิกเรียนวันนี้มีอะไรหลายๆอย่างเลยนะ”
“โดนปฏิเสธมาสิน้า~”
“แต่ว่านี่ก็จะทำให้แกคิดเรื่องยามาเสะซังน้อยลง แล้วก็คิดว่าพรุ่งนี้แกคงมีเรื่องลำบากให้คิดมากมายเลยล่ะ”
ระหว่างกำลังจากออกประตูจากห้องเรียน ทั้ง3คนได้พูดคุยกัน
“อืม พวกเราก็คิดไว้แล้วล่ะ ไม่ช้าก็เร็วอย่างไงมาเอบาชิก็ต้องมาสารภาพรักกับแกอยู่ดี”
“หา? อย่ามาโกหกน่า ไม่ตลกนะ”
“ไม่เลย แกแค่ไม่รู้สึกตัวเท่านั้น มาเอบาชิเวลาคุยกับแกทีไรหน้าแดงตลอด”
“ในคาบบางครั้งเธอก็เอาแต่จ้องแกด้วยไม่รู้ตัวเลยสินะ”
เซอิจิอึ้งกับคำพูดของทั้งคู่
ที่ผ่านมาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ซายากะชอบที่เคยพูดถึงนั้นจะเป็นตัวเขาเอง
“อย่างไงก็เถอะ เราไปร้องเพลงฉลองเรื่องพรุ่งนี้กันดีกว่า”
“นั่นสินะ ชั้นก็อยากฝึกเพลงใหม่ด้วย”
“เห้ย เดี๋ยวพวกแกวันนี้มันปาร์ตี้อกหักไม่ใช่รึไง”
“เพราะเห็นว่าแกมีความหวังจะได้เป็นไอ้เรียจูแล้วหลังจากนี้ ยังไงซะก็มาฉลองกันเถอะ”
หลังจากที่ทั้ง3คนสนทนากันก็มุ่งหน้าไปยังร้านคาราโอเกะเมื่อวาน