[นิยายแปล]ครูผู้กล้า - ตอนที่ 18
Ch.18 – 「จ้าวปีศาจพูดคุยกับภรรยา」
Provider : เปิดอกคุยกัน
Chapter 18 :จ้าวปีศาจพูดคุยกับภรรยา
「งั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ?」
「ขอโทษด้วยค่ะ …… ที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย」
「ไม่เป็น อย่าใส่ใจเลย แค่สงสัยว่ามีอะไรในหนังสือเล่มนั้นเอง.」
นั่งอยู่บนเตียงภายในห้องพักที่ได้มาจากการเป็นนักเรียนพิเศษ เป็นห้องเดี่ยว ผมพยายามถามเรนะทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้จริงๆ
「ผมจำได้ว่าเธอเคยไปทำงานแถวๆพื้นที่ทางตอนเหนือใช่ไหมล่ะ?」
「ค่ะ ก็ทำงานในคฤหาสน์ แต่ว่ามันเป็นบ้านของไวน์เคานต์เล็กๆเท่านั้นเองค่ะ พ่อแม่ฉันเองก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้ดังนั้นก็เลยได้รับการเลี้ยงดูที่นั่นตั้งแต่ยังเด็ก」
ดูเหมือนว่าเธอจะเติบโตในที่แห่งนั้นพร้อมกับพลังอันแสนกล้าแกร่งภายในตัว
หลังจากนั้นเธอก็มาสอบเข้าในโรงเรียนฝึกทหารในฐานะการฝึกฝนผู้กล้าแล้วก็ได้รับการยอมรับการเป็นผู้กล้า หลังจากทำงานอย่างหนัก
「ยังไงก็ตามตอนนี้มีสิ่งที่ดิฉันกำลังกังวลอยู่ค่ะ ตอนที่เคยอยู่ในโรงเรียนฝึกทหารนั้นได้ยินมาว่าเลือดของเหล่าเอลฟ์มีผลในการช่วยฟื้นฟูร่างกายของมนุษย์」 (Rena)
「ฟื้นฟูงั้นเหรอ หืมม? คิดว่ามันก็คงเป็นข่าวลือเช่นกัน แบบเดียวกับการกินเนื้อมังกรแล้วจะได้รับพลังมหาศาลนั่นล่ะ.」 (Theodore)
「ใช่ค่ะ แต่มันไม่ใช่เป็นแบบนั้นเพราะว่าไม่มีใครเคยทำเลยและเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นเอลฟ์ในจักรวรรดิในยุคนั้น ดังนั้นก็เลยคิดว่ามีข้อมูลไม่เพียงพอ.」 (Rena)
แม้ว่าเธอจะเป็นผู้กล้า แต่เรนะที่เป็นมนุษย์ก็ยังมีชีวิตมาได้มากกว่า 500 ปี ถึงแม้จะดูเหมือนว่าจะเป็นมนุษย์แต่จริงๆผมก็เปลี่ยนให้เธอเป็นปีศาจแล้ว
พิธีกรรมในการทำให้มนุษย์กลายเป็นปีศาจนั้นต้องผ่านหลายขั้นตอน มันมีหลายอย่างที่ส่งผลในทางสายเลือดด้วย นั่นคือการทำให้อีกฝ่ายดื่มเลือดของผมในฐานะจ้าวปีศาจ
ข้อเสียของวิธีนี้ก็คือหากเป็นมนุษย์ธรรมดา รับเลือดของจ้าวปีศาจเข้าไปล่ะก็จะตายในทันที เพราะฉะนั้นจะต้องเป็นคนที่มีพลังเวทย์แกร่งกล้าเช่นเรนะจึงจะทำได้
เรนะนั้นประสบความสำเร็จในการกลายเป็นเผ่าปีศาจและได้กลายมาเป็นภรรยาของผม…แม้ว่าเธอจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป เอาง่ายๆเธอเป็นครึ่งปีศาจไปแล้วนั่นเอง
เอาสั้นๆเมื่อพูดถึงความเป็นอมตะหรือพลังในการฟื้นฟูของมนุษย์นั้นแทบจะมีน้อยมาก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวข้ามเส้นเขตแดนหากไม่ใช่คนที่ถูกเลือก ดังนั้นก็อารมณ์คล้ายๆกับคนที่ทำพิธีกินเนื้อมังกรนั่นละ หากไม่ใช่ผู้เหมาะสมก็จะตายไปเพราะพลังเวทย์ที่ควบคุมไม่ได้
ผมเคยได้ยินมาว่าการกินเหล่าเงือกก็จะทำให้เป็นอมตะได้ แต่ว่าก็ไม่เคยเห็นใครที่เป็นอมตะจริงๆ
…… ในตอนนี้ก็หวังได้ว่าการดื่มเลือดของเอลฟ์นั้นจะทำให้อายุยืนจริงรึเปล่าก็เท่านั้นเอง เพราะนั่นคือสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือ
「[เมื่อปราญช์แห่งพงไพรได้หายตัวไป นั่นเป็นสัญญาณของหายนะที่กำลังมาเยือน คนโง่ที่หยิ่งผยองจะย้อมตัวเองให้เป็นสีเลือดและหัวเราะออกมาด้วยความบ้าคลั่ง.] เปรียบก็คือมนุษย์ที่ดื่มด่ำเลือดสดๆของเอลฟ์ อาจจะเป็นไปได้」
「ใช่เลยค่ะ คำอธิบายเกี่ยวกับการอาบเลือดของเหล่าเอลฟ์หลังฆ่าเสร็จนั่นดูสมเหตุสมผลดีค่ะ.」
「…… ผมไม่คิดว่ามนุษย์จะสามารถเยาว์วัยได้เพียงเพราะเลือดของเอลฟ์เพียงอย่างเดียวหรอก แต่ถ้าหากจำนวนมันขยายมากขึ้นมันก็ไม่แน่ 」
「มนุษย์กำลังสังหารหมู่เหล่าเอลฟ์งั้นเหรอคะ? แต่ถ้ามีกรณีแบบนั้นมันก็คงจะมีบันทึกเหลือไว้ในประวัติศาสตร์บ้าง」
「ไม่ๆ มันก็แค่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ของคำว่า 「หายตัวไป」 ผมไม่รู้ว่าหายไปจริงๆหรือเปล่า บางทีมันก็คงไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์นั่นละ」
「ท่านกำลังจะบอกว่าผู้แต่งนั้นรู้ถึงเรื่องจริงบางอย่างและเขียนหนังสือทิ้งไว้เพื่อหลงเหลือไว้ให้พวกเขางั้นเหรอค่ะ?」
「อืม….คงมาได้แค่นี้สินะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปถามผอ.ลูดิโอ้ เลยล่ะกัน」
「ท่านลูซิเฟอร์คะ ให้ฉันไปตรวจสอบห้องสมุดใหญ่ของมิลเดียน่าไหมคะ?」
ผมมองไปยังเรนะที่กำลังยืนตัวตรง
「ไม่ล่ะ ผมกลัวว่าที่นั่นจะมีผนึกอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆอย่างแน่นอน แม้ว่าเธอจะทำลายได้ก็ตาม แต่ผมไม่อยากทิ้งร่องรอยให้ตามตัวพวกเราไว้น่ะ.」
「…… ค่ะ ถ้างั้นมีอะไรไหมคะ ที่ฉันพอจะช่วยได้บ้าง?」
「แค่คอยอยู่ข้างๆผมตลอดเวลาก็พอ」
หลังจากยกคางของเรนะขึ้นมาและพูดแบบนั้น ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
「เอะเฮะเฮะ แม้ว่าดิฉันจะเป็นภรรยาคนที่สามของท่านลูซิเฟอร์ แต่ว่าก็มีเพียงแค่ดิฉันที่ได้รับใช้ท่านลูซิเฟอร์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่รู้เลยว่าท่านลูมิเอลจะคิดเช่นไร อาจจะเบื่อจนเชาตายไปแล้วก็ได้นะคะ」
「หืมมมม……ตอนนี้เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับยัยนั่นหรอก」
「แล้วถ้างั้นจะตรวจสอบยังไงละคะว่าใครกันแน่ที่จะจ้องทำร้ายเหล่าเอลฟ์? บางทีการตามเหล่าเอลฟ์ไปคงจะเป็นเรื่องดีกว่านะคะ」
「แต่ว่าเธอจะตกอยู่ในอันตรายแทนน่ะสิ」
ไม่ดีเลยนะ แบบนั้นน่ะ
เรนะจ้องมาที่ผมอย่างนิ่งเฉย พร้อมกับม่านตาสีม่วงเข้มของเธอ
「อย่าจ้องดิฉันแบบนี้สิคะ เห็นอย่างนี้ฉันก็เป็นผู้กล้ามาก่อนนะ จะไม่ไปแพ้กับพวกกระจอกแบบนั้นหรอกค่ะ」
ดื้อรั้นเชียวเลยนะ เธอที่โดนฉันจัดการมายังจะกล้าพูดแบบนั้นได้อีกเหรอไงเนี่ย
ผมว่าบุคลิกแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของความน่ารักของเธอเช่นกัน เมื่อ 500 ปี ถ้าเธอเป็นคนที่ยอมง่ายแบบนี้ผมคงตัดหัวเธอทิ้งไปแล้วล่ะ
เป็นเรื่องยากเลยที่จะพาเธอเข้าไปในจักรวรรดิ มันจำเป็นจริงๆเหรอที่จะมอบงานอื่นให้นอกจากงานในชีวิตประจำวัน?
ผมพูดพร้อมกับลูบผมสีเงินของเธอ
「เข้าใจแล้ว ถ้างั้นมาหาสาเหตุที่เหล่าเอลฟ์หายตัวไปเถอะ」
「ค่ะ!! จะให้ทำยังไงคะ ถ้าหากเจอปัญหาขึ้นมา?」
「ก็ลองสังเกตการณ์ไปก่อน แต่ว่ากำจัดทิ้งได้หากวิกฤตจริงๆ ทำเองได้ใช่ไหม?」
「เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นฝากฉันได้เลยค่ะ!」
「ถ้างั้นก็มาทำความเข้าใจกันก่อนแม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ความพยายามของเธอจะไร้ผลไป อย่าปล่อยให้อารมณ์พาไป อย่าคาดหวังกับมันมากนัก…อย่าทำผิดพลาดเช่นเดียวกับที่ผมทำ.」
เมื่อนึกถึงว่าไม่มีใครสนใจปีศาจอีกต่อไป แต่ดูเหมือนว่าความล่มสลายก็เข้ามาเองโดยที่ไม่เข้ามามีเอี่ยวด้วย
「โอเคค่า เข้าใจแล้วล่ะคะ ถ้าเหตุผลของท่านลูซิเฟอร์คือการได้ใช้ชีวิตในจักรวรรดิ นั่นก็เป็นเหตุผลที่ฉันต้องคอยอยู่ข้างๆด้วยเช่นกันค่ะ บางทีก็อยากให้มีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างระหว่างเราอยู่ด้วยกันนะคะ.」
「…… หืมมม ก็นั่นสินะ」
หลังจากนั้นเรนะก็รีบออกไปตรวจสอบ สำหรับตอนนี้ผมเองแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง สิ่งที่ทำได้ก็คือการรวบรวมข้อมูลแบบง่ายๆ
ท้ายที่สุดแล้วการหายตัวไปของเหล่าเอลฟ์นั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรสำหรับผมเลย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ค่อนข้างดีกว่าการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยในโรงเรียนอันแสนน่าเบื่อ ถ้าหนังสือเล่มนั้นให้ความจริง นั่นก็จะนำพาผมไปสู่อดีตของจักรวรรดินี่
เหตุผลครึ่งหนึ่งที่มาที่นี่ก็คือการละเล่นอย่างหนึ่ง ถ้าเรื่องนั้นน่าเบื่อผมก็อยากจะให้มีอะไรตื่นเต้นเข้ามาหน่อย
มันจะสนุกแค่ไหนสำหรับผม พูดตามตรงก็ไม่ได้ตั้งตารอสักเท่าไร แต่แค่คาดหวังนิดหน่อย
ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับเข้าไปในภวังค์