[นิยายแปล]ครูผู้กล้า - ตอนที่ 17
Ch.17 – 「หยาดสุดท้าย」
Provider : ตอนอะไรแปลยากชิบ
Chapter 17 – หยาดสุดท้าย
ตอนนี้ผมอยู่ในอาคารห้องสมุดของโรงเรียนฝึกทหารมิลเดียน่า
เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองแห่งวิชาการจึงมีหนังสือจำนวนมหาศาล ยังไงก็ตามแม้ว่าผมจะเลือกหนังสือเพราะปกไปบ้าง แต่อ่านได้แค่ 2-3 หน้าก็ไม่อ่านต่อแล้ว
แม้ว่าปริมาณอาจจะดูมาก แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือทั่วไปเกี่ยวกับเวทมนตร์ วิชาดาบและศิลปะการต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีพวกหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรแล้วก็สูตรทำอาหาร ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ
「ขอโทษนะ ข้าเป็นนักเรียนพิเศษจะขอเข้าไปพื้นที่ทางด้านหลังได้ไหม?」
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากข้างหลังผมหันไปก็เจอกับเด็กหนุ่มตัวเล็กที่กำลังคุยกับบรรณารักษ์อยู่
「นักเรียนพิเศษสินะ? ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร เข้าไปอ่านได้ตามสบายเลย แต่ว่าโปรดจำไว้ด้วยอย่าเอาหนังสือออกมาด้วยล่ะเข้าใจไหม」
「อืม」
หลังจากตอบกลับไปเช่นนั้นจูเลี่ยนก็เดินผ่านเคาน์เตอร์และถือเหรียญที่แสดงถึงการเป็นนักเรียนพิเศษและถือมันไว้ที่หน้าประตู
ทันใดนั้นประตูทั้งซ้ายและขวาก็เปิดออกและหลังจากก้าวผ่านเข้าไปประตูก็ปิดลง
เพื่อตามเขาเข้าไปผมก็รีบไปหาบรรณารักษ์ทันที
「ขอโทษนะครับ พอดีเองผมก็เป็นนักเรียนพิเศษเหมือนกันจะขอเข้าไปทางด้านหลังได้ไหม?」
「นักเรียนพิเศษอีกแล้วงั้นเหรอเนี่ยค่อนข้างหายากเลยนะที่จะมาแบบนี้… แล้วก็ผมสีน้ำเงิน… บางทีคงจะเป็นทีโอดอร์ที่เขาล่ำลือกันสินะ?」
「รู้จักผมด้วยเหรอครับเนี่ย.」
「ไม่มีใครที่อยู่ในโรงเรียนนี้ไม่รู้จักนายหรอกนะ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นตัวเต็งในการสอบเข้า…ขอโทษด้วยที่ชวนคุยส่วนตัวแบบนี้ เชิญเข้าไปด้านในได้เลย สามารถเข้าออกห้องได้โดยถือเหรียญตรานั่นไว้ที่หน้าประตู」
「ขอบคุณมากครับ」
เมื่อทำตามเด็กหนุ่มเผ่ามังกรแล้วประตูก็เปิด ดูเหมือนว่ามันจะตอบสนองกับพลังเวทย์ภายในเหรียญที่มอบให้กับเหล่านักเรียนพิเศษ
ในขณะที่ผมเดินเข้าไปข้างในก็เจอกับห้องที่มีขนาดเท่ากับห้องเรียนของโรงเรียนสองห้องติดกัน แล้วสายตาก็ไปพบกับคนๆหนึ่งที่อยู่ในห้องก่อนหน้านี้
「ชิ.. แกเองงั้นเหรอ」
「ผมเห็นนายเข้ามาที่นี่… ก็เลยอยากรู้ว่าข้างในนี้เก็บอะไรไว้น่ะ?」
「ที่นี่เป็นห้องสมุดเฉพาะสำหรับเหล่านักเรียนพิเศษที่เข้ามาได้ หนังสือภายในนี้แตกต่างจากภายนอก หากไม่ดูแลหนังสือพวกนี้ให้ดีอาจจะเกิดผลร้ายตามมาได้」
「หืมมม… น่าสนใจดีนี่」
แม้ว่าจำนวนจะไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจ แต่ว่าทั้งห้องก็ถูกเรียงรายด้วยหนังสือเล็กๆจำนวนมาก ซึ่งอาจจะใช้เวลาพอสมควรที่จะมาอ่านทีละเล่ม
ดูเหมือนว่าจูเลี่ยนกำลังพลิกหนังสือด้วยมือข้างหนึ่ง
และด้วยสิ่งนั้นผมก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่แผ่ออกมา เมื่อพูดถึงหนังสือที่มีพลังเวทย์อยู่ในนั้นจะเป็นหนังสือแบบพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นเกี่ยวกับหนังสือที่เขากำลังอ่านในตอนนี้
「นั่นมันหนังสือเกี่ยวกับการถลกหนังมนุษย์สินะ?」
「ใช่แล้ว แปลกใจนะเนี่ยที่สังเกตเห็น ถ้าระดับความสามารถทางเวทย์แบบแกแล้วก็คงจะรู้สึกตัวนั่นละ.」
หนังสือที่เขาถืออยู่ตอนนี้นั้นเป็นหนังสือที่ทำจากหนังมนุษย์สีแทน
พลังเวทย์และคำสาปนั้นเป็นเรื่องปกติเลยที่จะสิงสถิตย์อยู่ในหนังสือประเภทนี้และหากมีเนื้อหาที่เต็มไปด้วยจิตอาฆาตก็อาจจะพอทำให้ผู้อ่านนั้นคลั่งไปเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนหนังสือเล่มนั้นจะไม่ได้มีพลังเวทย์แกร่งกล้าอะไรขนาดนั้น
จูเลี่ยนผู้ที่อ่านหนังสืออย่างไม่สนใจสิ่งใด ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ขยันน่าดู
เนื่องจากเป็นคนพูดน้อย ดังนั้นก็จะไม่พอใจมากๆหากไปขัดจังหวะกำลังทำในสิ่งที่พวกเขาสนใจอยู่ ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างคล้ายๆกับผมหน่อยๆเลย ก็เลยรู้สึกได้ว่าน่าจะเข้ากันได้
เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วสิ่งที่ทำในตอนแรกก็เป็นการเดินผ่านชั้นหนังสือโดยรอบและตามหาสิ่งที่น่าสนใจต่อไป
พวกคัมภีร์เหล่านี้เองก็ดูเหมือนจะมีคุณภาพดีเอามากๆ
แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นสามัญสำนึกสำหรับเผ่าปีศาจเช่นผม สำหรับเผ่าพันธุ์อื่นๆหากแตะต้องละก็อาจถึงตายเลยก็ได้
จังหวะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงจูเลี่ยนที่กำลังเปลี่ยนหน้าหนังสือ
แม้ว่าดูเหมือนจะมีตัวเลือกมากมายภายในห้องนี้ แต่เนื้อหาที่แท้จริงแล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจเท่าไร
ค่อนข้างผิดหวังหน่อยๆ
ผมสงสัยว่ามีส่วนที่เกี่ยวข้องกับหนังสือต้องห้ามบ้างไหม..ไม่ว่ามันจะมีคุณภาพสูงแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่นักเรียนจะเข้าถึงได้
อืมมม ถ้าต้องการเป็นทหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีตำแหน่งสูงๆอาจจะได้เห็นหนังสือเหล่านั้นบ้าง
ขณะที่คิดเรื่อยเปื่อยผมก็เปิดหนังสือที่หยิบขึ้นมาซึ่งดูเหมือนว่าจะครอบคลุมถึงคำทำนายที่มีมาตั้งแต่โบราณ
[เมื่อนักปราชญ์แห่งพงไพรหายตัวไป นั่นเป็นสัญญาณของหายนะที่กำลังมาเยือน
คนโง่ที่หยิ่งผยองในตัวเองมักจะย้อมตัวเองให้กลายเป็นเลือดแล้วหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ความโง่เขลาของเขานั้นจะนำมาซึ่งความโกรธาของพระเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้นฝูงปีกแห่งสวรรค์จะมาจัดการเจ้าอย่างแน่นอน
ปีกที่เป็นสัญลักษณ์ของดาวตกสีขาวจะนำพาความพินาศและหายนะมาสู่ดินแดนแห่งผองเรา]
นักปราชญ์แห่งพงไพร… เอลฟ์งั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตามคนที่หยิ่งผยองนั้นกำลังพูดถึงอะไร…
และอะไรคือฝูงปีก?
[เมื่อถึงเวลาแห่งความมรณะ ปราชญ์แห่งพงไพรจะกลายเป็นดั่งหยดน้ำ
ซึ่งนั่นไม่ควรจะให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเหล่าผู้โง่เขลา
ประการแรกเลยนั้น คนโง่และคนรอบรู้นั้นไม่มีทางเข้ากันได้
ความปรองดองจักเป็นเพียงภาพลวงตา
แต่ถึงกระไรนั้นคนเขลาจักไม่เรียนรู้ถึงความผิดพลาดของตนเองและยังไม่เรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์ร้าย
และแล้วเมื่อใดที่เหล่าคนเขลากระจายวัชพืชออกไปได้สำเร็จ เป็นอีกครั้งที่ระฆังแห่งความพินาศจะถูกบรรเลง]
‘คนเขลา’… ใครกันละนั่น…?นั่นก็คงจะหมายถึงมนุษย์สินะ
ซึ่งความหมายข้างต้นที่กล่าวถึงนั้น ‘คนโง่เขลาผู้ยิ่งผยอง’ ก็แทนตัวของเหล่ามนุษย์?
แล้วก็ ‘ความแตกต่างของมนุษย์กับเหล่าสัตว์ร้าย’… ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และพวกครึ่งสัตว์
ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ แต่ดูเหมือนว่าคำทำนายกำลังพยายามบอกถึงความผิดพลาดของมนุษย์สินะ?
มนุษย์กับพวกครึ่งสัตว์เข้ากันไม่ได้ แม้กระนั้นมนุษย์กับเอลฟ์เองก็ควรจะไม่คบค้าสมาคมด้วยเช่นกัน
และเมื่อมนุษย์ทำผิดพลาดซ้ำอีกครา ความพินาศจักตามมา
เรื่องนี้มันค่อนข้างน่าสนใจเอามากๆ…อาจจะเป็นปัญหาที่ต้องเอาไปถกเถียงกันบนโต๊ะประชุมได้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองนี้ซึ่งผู้คนและเหล่าเอลฟ์อาศัยอยู่ร่วมกันแถมยังสามารถเห็นพวกครึ่งสัตว์ได้อีกด้วย
「เฮ้ย ทีโอดอร์」
「มีอะไรงั้นเหรอ?」
「แกอ่านเจ้านั่นออกงั้นเหรอ?」
「ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?」
ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามดูเหมือนว่าจูเลี่ยนจะสงสัยเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้
อืม ก็คงจะเป็นธรรมดาที่จะเป็นเรื่องแบบนั้น… เพราะว่านี่มันถูกเขียนขึ้นด้วยตัวอักษรโบราณ
ในขณะที่มองไปรอบๆจักรวรรดิในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ก็ตระหนักได้ว่าตัวอักษรที่ใช้มันมีลักษณะจำเพาะอยู่
ผมเองรู้สึกคุ้นเคยกับตัวอักษรในหนังสือเล่มนี้เอามากๆ อาจจะเรียกได้ว่ามันแปลกเพราะว่ามันเป็นอักษรโบราณแต่ผมกลับอ่านมันได้อย่างกับหนังสือธรรมดาทั่วไป
การเข้าเล่มของหนังสือเองก็ดูเก่าแล้วค่อนข้างโทรมเลยทีเดียว หากใช้งานแบบหยาบๆหน่อยละก็มีหวังขาดแหงๆ ดังนั้นมองจากรูปลักษณ์แล้วน่าจะถูกเขียนขึ้นมานานมาก
จริงๆแล้วส่วนเดียวที่สร้างถอดความได้ก็คือส่วนที่อ่านไป ส่วนที่เหลือนั้นอ่านไม่ออกเนื่องจากมีรอยขาดและเปื้อนด้วย
「…มันเขียนไว้ว่าอะไร?」
「น่าสนใจงั้นสินะ นายเองก็ค่อนข้างมีพรสวรรค์พอตัวนี่ อ่านเจ้านี่ไม่ออกงั้นเหรอ?」
「เอาจริงๆแล้วข้าเองก็ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรขนาดนั้น เป็นเรื่องธรรมดาของเหล่ามังกรที่สามารถใช้เวทย์ระดับสูงได้ แต่ถ้าแกไม่อยากบอกเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นก็ไม่เป็นไร」
TN:แกล้งน้อนอะ จ๋อยเลย
ผมตัดสินใจที่จะอ่านให้เขาฟังอีกรอบหลังจากอ่านไปแล้ว เขาที่ได้ฟังก็ส่ายหัวด้วยท่าทางสับสน
「ไม่เข้าใจเลยแหะ อย่างไรก็ตามมันมีบางอย่างที่ค่อนข้างน่าสนใจอยู่」
「บางทีคงจะเป็นส่วนที่ว่า ‘หยดน้ำ’สินะครับ?」
「แน่นอน ในหนังสือทุกเล่มที่ข้าอ่านจนถึงตอนนี้ไม่เคยได้ยินการใช้คำแบบนั้นมาก่อนเลย อย่างไรก็ตามที่ข้ารู้ว่า ปราชญ์แห่งพงไพรนั้นก็คงหมายถึงพวกเอลฟ์นั่นละ.」
หืมม เรื่องราวชักน่าสนใจขึ้นมามากขึ้นแล้วสิ
ในฐานะของเผ่าปีศาจแล้ว ผมเชื่อว่าการได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอของแต่ละเผ่าพันธุ์และก็เวทมนตร์นั้น เป็นเรื่องที่ดีแต่นี่เป็นครั้งแรกสำหรับผมเช่นกันที่ได้ยินคำแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้นผู้เขียนดูเหมือนว่าจะระบุว่าปราชญ์นั้นเป็น หยดสุดท้าย ของพิธีกรรมนี่
「นี่มันก็ค่อนข้างกวนใจเหมือนกัน คำทำนายระบุไว้ว่า ปราชญ์แห่งพงไพรได้หายตัวไป..สิ่งนี้แหละที่มันมีความหมายตรงๆเลยกับสถานการณ์ในตอนนี้」
「เห็นบอกว่าหายตัวไป บางทีอาจจะหมายถึงการซ่อนตัวรึเปล่าครับ?」
「นี่แกไม่รู้งั้นเหรอ? ในจักรวรรดิช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ มีเอลฟ์หายตัวไปมากมายเลยนะ」
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินเรื่องราวแบบนี้
เมื่อผมถามว่าเขาหมายถึงอะไร จูเลี่ยนก็หลับตาลง
「ใครจะไปรู้กันล่ะ?ข้าเองก็ไม่รู้เหตุผลแท้จริงหรอกนะ แต่การหายตัวไปส่วนใหญ่ไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาในชีวิตของพวกเขาเลยแล้วก็ไม่มีสาเหตุที่จะทำเช่นนั้นด้วย.」
「ถ้างั้นก็หายตัวไปโดยไร้เหตุผลงั้นเหรอเนี่ย?」
「ใช่แล้ว ข้าเองก็อยู่ในมิลเดียน่ามาประมาณ 3 เดือนแล้ว แต่ก็มักจะมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง สิ่งต่างๆเช่นคนรู้จักหายตัวไป ไม่ก็บรรดาคนดังทั้งหลายหายตัวไปประมาณนั้น」
การหายตัวไปอย่างลึกลับของเหล่าเอลฟ์งั้นเหรอ
ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจเนื่องจากมันคล้ายกับเหตุการณ์ในคำทำนายนี้
「…ไม่ใช่ว่าเรื่องราวมันไม่ถูกต้องเลย มันก็แค่ขาดความต่อเนื่องอย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องผิดพลาดแน่นอนที่เหล่าเอลฟ์จะเป็นหยาดสุดท้าย จะปล่อยให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของมนุษย์ไม่ได้」
「แน่นอนก็มันเขียนไว้อย่างงั้นนี่.」
จูเลี่ยนพึมพำขณะที่มองไปยังหนังสือเล่มนั้น
「หนังสือนี่มันก็ค่อนข้างจะเก่าแล้วบางทีอาจจะผ่านไปสัก 100-200 ปี ถ้าดูจากรูปลักษณ์」
「ผมเองก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิเท่าไร แต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาใช้อักษรโบราณนั่นคือเมื่อใดและเปลี่ยนเป็นอักษรสมัยใหม่ในตอนไหน?」
「เท่าที่รู้ในประวัติศาสตร์ก็ประมาณ 700 ปีสำหรับจักรวรรดิดังนั้น อาจจะประมาณ 300 ปีที่แล้ว? ในตอนนั้นพวกเขาอาจจะเปลี่ยนวิธีการไปใช้อักษรสมัยใหม่แทน」
「เอาสั้นๆก็หมายความว่าหนังสือเล่มนี้ขั้นต่ำก็ 300 ปี ไม่ก็มากกว่านั้นสินะ」
「อืม ในกรณีนั้นมันเป็นไปตามที่หนังสือเล่มนี้ระบุไว้ด้วย หากแยกส่วนของเนื้อหาออกมาแล้วจะเห็นว่าเอลฟ์เริ่มหายตัวไปเนื่องจากมนุษย์ทำให้เกิดภัยพิบัติอะไรบางอย่าง และประเด็นที่สำคัญคือจะต้องไม่ทำผิดซ้ำซ้อนอีกครั้ง.」
「ถ้าคิดแบบนั้นก็คงจะดีกว่าเมื่อ 300 ปีที่แล้วคงจะเกิดภัยพิบัติอะไรขึ้นทำลายจักรวรรดิ…สงสัยจังเลยว่ามีหนังสือเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นไหม?」
ครั้งสุดท้ายที่จักรวรรดิทำสงครามกับปีศาจก็เมื่อ 500 ปีก่อน
จากนั้นผมก็เริ่มกระตือรือร้นที่จะค้นหาสถานะของจักรวรรดิ แต่ว่าไม่มีความทรงจำหรือข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเลย
ถ้าเป็นเช่นนั้น อาจจะเป็นเวลากว่า 500 ปีมาแล้ว?
แน่นอนว่าผมเชื่อว่าสิ่งที่เขียนในหนังสือมันเป็นความจริงและแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น มันก็ดูสมจริงเกินไป
「นี่ จูเลี่ยนมาลองค้นหาข้อมูลทั้งหมดในห้องสมุดนี้กันไหมล่ะ?」
「แกเอาจริงงั้นเหรอ…?」
「อืม ก็มันค่อนข้างน่าสนใจมากๆ และเราก็จำเป็นต้องค้นหาหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิเท่านั้น เกี่ยวกับตัวอักษรโบราณไว้เดี๋ยวผมจะแปลให้เอง.」
「ลำบากเกินไปละ….ถ้าแกจะทำก็ทำไปคนเดียวสิ…นั่นก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก..แต่ว่า…」
เขาพูดเช่นนั้นพร้อมกับถอนหายใจอย่างแรง
「ข้าเองก็เริ่มเบื่อหน่ายกับคาบเรียนแล้วเหมือนกันตั้งแต่วันแรกเลย การหาพวกนี้ฆ่าเวลามันก็คงไม่เป็นไร」
「พวกเรายังคงมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่อาคารจะปิดดังนั้นมาลองหาให้เจอกัน」
「เข้าใจล่ะ ถ้างั้นก็มาเริ่มค้นหากันเลยดีกว่า แกเริ่มจากชั้นหนังสือตรงนี้แล้วกัน ส่วนข้าจะไปทางด้านหลัง」
「รับทราบ」
ดังนั้นก็เลยตัดสินใจค้นหาหนังสือจำนวนมากกับเด็กหนุ่มเผ่ามังกร
「สุดท้ายแล้วก็มีเพียง 5 เล่มเท่านั้นสินะ…」
「…อืมแม้แต่สิ่งที่เขียนไว้ก็คล้ายกันเลย ไม่คิดว่ามันจะคุ้มค่าตรงไหนเลยนะที่ใส่ของแบบนี้ไว้ให้พวกนักเรียนพิเศษอ่านเนี่ย」
「ทั้ง 5 เล่มนี้ดูเหมือนจะถูกคัดออกไปโดยผู้เขียน จากเท่าที่อ่านดูเหมือนว่าจะเป็นคำที่เลือกปฏิบัติต่อเอลฟ์ ในระดับที่สงสัยเลยว่าโดนเอลฟ์ไปฆ่าพ่อแม่รึไงกันนะ…」
「ดังนั้นสิ่งเหล่านี้มันก็เหมือนกันเลย สิ่งที่ข้าอ่านนั้นมีความสำคัญส่วนมากเกี่ยวกับเผ่าครึ่งสัตว์แและนอกจากนี้ยังรวมถึงมังกร เอลฟ์ ดราวฟ์ และปีศาจต่างก็ถูกมองเป็นศัตรูต่างถิ่น…แต่ในแง่ของประวัติศาสตร์จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องกันเลย」
「หนังสือพวกนี้ไม่ควรใส่ในห้องสมุดเลยควรเผาทิ้งไปซะ ลองนึกถึงความรู้สึกพวกเราที่ต้องมาอ่านอะไรแบบนี้สิเว้ย…」
หลังจากจูเลี่ยนบ่นเช่นนั้น ก็เอาหนังสือไปเก็บ
อืม ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความรู้สึก เราใช้เวลาเกือบสองสามชั่วโมงในการตามหาหนังสือเหล่านี้ แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่เล่มแรกที่ผมเจอเท่านั้นที่เป็นฉบับสมบูรณ์จริงๆ
「ต้องขอโทษด้วยจริงๆ บางทีผมอาจจะคาดหวังกับห้องสมุดนี่มากเกินไป ท้ายที่สุดแล้วก็เจอที่น่าสนใจเพียงเล่มเดียว」
「แต่ไม่คิดว่ามันแปลกหน่อยเหรอ? มันไม่มีทั้งภัยพิบัติหรือเหตุการณ์สำคัญอะไรในหนังสือทั้งห้าเล่มนี่เลยนะ」
มีเพียงเล่มเดียวจริงๆที่กล่าวถึงเหตุการณ์นั้น ในจักรวรรดิไม่มีอะไรที่เขียนอธิบายเกี่ยวกับอักษรโบราณเลย แม้จะมีรายชื่อของภัยพิบัติที่เคยเกิดขึ้น เช่น แผ่นดินถล่มหรือวาตภัยจากเนื้อหาในหนังสือทั่วไป
แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้กลับบอกว่าเป็นภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก
「หลังจากตามหามาขนาดนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าหนังสือนั้นเป็นของปลอมรึเปล่า แม้ว่าจะมีความเอนเอียงของทางผู้แต่งไปค่อนข้างมากก็เถอะ แต่ว่าไม่พบอะไรที่สอดคล้องกันในประวัติศาสตร์เลย.」
「ก็นั่นสินะ แม้ว่าช่วงเวลาจะมีช่องว่างและความแตกต่างกันบ้างเช่นเดียวกับการตีความเหตุการณ์ แต่มันก็เหมือนกันหมด อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเราขาดอะไรไปบางอย่าง.」
ผมหยิบหนังสือขึ้นมาอีกครั้งกับหน้าอักษรโบราณที่ไม่ได้เสียหาย
「ในห้องสมุดนี้สำหรับนักเรียนมีไว้แค่อ่านเท่านั้น」
「ถ้าจะพูดอีกอย่างก็มีบางสิ่งที่แม้แต่นักเรียนพิเศษไม่ได้รับอนุญาติให้ดูอยู่ด้วย.」
「ดังนั้น ก็น่าจะรู้นี่ไม่ว่ายังไงก็สามารถวางหนังสือพวกนั้นให้ห่างออกไปจากคนทั่วไปได้หากไม่ต้องการให้รู้เรื่องนี้?」
「ใช่แล้วก็อย่างที่เขาพูดกันนั่นละ [ถ้าอยากจะซ่อนใบไม้ ก็ควรซ่อนไว้ในป่า] เมื่อคิดได้เช่นนั้นข้าก็คิดว่าการมาซ่อนในห้องสมุดของมิลเดียน่าเนี่ยน่าจะดีสุดแล้ว」
「เคยไปที่นั่นมาก่อนเหรอครับ?」
「แน่นอน ตั้งแต่ที่ข้ามาที่นี่ข้าก็ไปที่นั่นได้ราวๆเดือนหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะมีบางสิ่งที่น่าสนใจ แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างน้อยก็สิ่งที่ประชาชนสามารถดูได้ละนะ」
「มีอะไรอีกไหมเช่นห้องที่นักเรียนพิเศษสามารถเข้าไปได้อีกอย่างที่นี่?」
「ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดนัก แต่ก็มีสถานที่ๆมีเพียงเจ้าหน้าที่ทางการทหารเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ดูเหมือนว่าเนื้อหาในนั้นจะเป็นพวกคัมภีร์เวทย์ซะส่วนใหญ่ แต่ที่ข้าเคยเห็นก็มีแค่ พลโทแลมเบิร์ตเข้าไปเท่านั้นละ」
ในที่สุดเรื่องก็เดินมาถึงผอ.แล้วงั้นเหรอเนี่ย
「ไม่ใช่ว่ามันแปลกงั้นเหรอครับ?」
「แกเองก็คิดแบบนั้นสินะ? ข้าคิดมาตลอดเลยว่ามีอะไรผิดปกติกับไอ้เอลฟ์นั่นตั้งแต่แรกแล้ว…」
「ผมเดาว่านั่นหมายความว่าเขาต้องออกไปหาหนังสือที่ไม่สามารถไปหาที่ไหนได้นอกจากที่ห้องสมุดนั่นอย่างแน่นอน…」
「ใช่แล้ว มันน่าแปลกใช่ไหมล่ะที่หมอนั่นเก็บตัวอยู่ในห้องสมุดนั่นเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ ก็คงไม่แปลกถ้าจะมีอะไรซ่อนอยู่ที่นั่น.」
ผอ.ลูดิโอ้ ขณะที่เป็นผอ.ของโรงเรียนฝึกทหารก็ยังเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพมิลเดียน่าอีก
สำหรับผู้ชายที่ใช้เวลาทั้งวันในห้องสมุดนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ยกเว้นจะมีอะไรเป็นพิเศษ
จากนั้นผมจำสิ่งที่จูเลี่ยนพูดขึ้นได้ก่อนหน้านี้
「ยังไงก็เถอะจูเลี่ยน นายบอกว่าเอลฟ์หายตัวไปสินะ?」
「ใช่ แต่มันไม่ได้เหมือนเพิ่งเริ่มต้น มันผ่านมานานแล้วพอตัว」
「…ค่อนข้างแปลกเลยนะ พูดตามตรงผมคิดว่าต้องไปตรวจสอบหน่อยแล้วล่ะ…?」
「หือ? คิดจะทำอะไร?」
เวรเอ้ย เผลอหลุดปากไปแล้วสิ…
「หือ? อ้อก็แค่จะไปถาม ผอ. เป็นการส่วนตัวเท่านั้นเอง…」
「ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าเองก็เคยไปถามตอนวันสอบเข้าวันแรกแล้ว เขาบอกว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้ถึงภาพรวมทั้งหมด.」
「ไปถามได้ไวดีนะ แล้วเกี่ยวกับลิซล่ะว่าไง?」
「แกคิดว่าผอ.จะไม่รู้เหรอเกี่ยวกับผู้หญิงแสนเจ้าชู้คนนั้นน่ะ?」
เอ่อผมไม่ได้คิดว่าเธอเป็นคนเจ้าชู้อะไรแบบนั้นสักหน่อยนะ เธอก็แค่เป็นคนที่ดูน่าลึกลับเท่านั้นเอง
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ผมโดนเธอสนใจด้วยนี่สิ แถมพยายามเตาะผมอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความสนใจแปลกๆอีก
พูดตามตรงไม่ค่อยชอบเธอเท่าไรเลย แต่จากการมองครั้งแรกแล้วเธอก็ค่อนข้างน่ารักเลยปัญหาใหญ่แล้วสิ
「…แต่ว่า ‘ฝูงปีก’? ‘ดาวตก’นี่มันอะไร?」
「มีอะไรงั้นเหรอ?」
「เปล่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่สงสัยเฉยๆ.」
แทนที่ดูเหมือนจะมีความก้าวหน้าอะไรบางอย่างดูเหมือนเขาจะพึมพำกับตัวเอง
แต่แล้วจูเลี่ยนก็พึมพำอะไรบางอย่างตลอดแนวว่า 「ช่างมันเถอะ」
「เอาล่ะ ถ้างั้นขอตัว ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีอะไรเหลือแล้ว」
「อืมม ขอบคุณนะจูเลี่ยน ขอโทษด้วยที่ต้องให้มารบกวนกับเรื่องแบบนี้.」
「มันไม่ใช่เพราะว่าข้าทำเพื่อเแกหรอก มันเป็นเพียงแค่การฆ่าเวลา ถ้างั้นไว้เจอกัน.」
「โอ้ววว รอเดี๋ยวก่อน.」
ผมเรียกจูเลี่ยนผู้ที่กำลังจะเดินออกไป
「ถ้าพูดถึงเผ่ามังกรแล้ว ก็คงจะมาจากอาณาจักรมังกรซีนันใช่ไหม?」
「อืม แล้วทำไมล่ะ?」
「ผมได้ยินมาว่าประเทศนั้นเพิ่งเกิดสงครามขึ้นเมื่อสองสามปีก่อน แต่ก็ยังดีนะที่นายสามารถมาอยู่ที่นี่ได้.」
「…แกนี่แปลกคนดีนะ แปลกแยกดีจริงๆด้วยแหะ」
「อะไรนะ?」
「เมื่อนึกถึงสงครามระหว่างจักรวรรดิและอาณาจักรมังกรซีนันนั้นแม้จะดูยิ่งใหญ่ แต่ว่ามันก็มีปัญหาด่วนเข้ามานั่นคือการแก้ไขเรื่องดินแดนทางตอนเหนือและด้วยการที่มิลเดียน่ายังคงส่งกองกำลังไปได้แบบนั้น ข้าค่อนข้างแปลกใจเลยนะ ว่าทำไมเจ้าถึงยังคิดได้เช่นนั้นอีก」
TN: โดนลิซต้มอีกแล้วจ้า
อืมไม่รู้จริงๆอ่าว่าเกิดอะไรขึ้น…ในช่วงเวลานั้นก็เป็นช่วงที่ดื่มด่ำกับลูมิเอล
ไม่ดีแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คำโกหกของผมเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่จะต้องความแตกแน่ๆ
「อาาา…ผมเกิดมาบนภูเขาใหญ่ดังนั้นเลยไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้เท่าไร…」
「หืมมม…..สำหรับคนทั่วไปที่เติบโตมาในหุบเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวผู้กล้าอะไรทำนองนั้นซักหน่อยนะ…」
「อ่าา เอ่ออืม… ปู่ของผมเองก็พูดอะไรทำนองนั้นอ่ะนะ…」
「แล้วทำไมแกถึงอ่านอักษรโบราณออกกันล่ะ?」
「อืม… เพราะว่าคุณย่าสอนมาน่ะสิ…」
「งั้นเหรอ ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะใช่ว่าจะสนใจ.」
โอ้ย รอดตัวไปทีดูเหมือนเขาจะไม่ใช่พวกชอบถามมากความเหมือนกับใครบางคน..ถ้าเป็นคนอย่างลิซนี่คงพาผมหลุดปากพูดอะไรออกไปแหงๆ
「อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้าจะเป็นมังกรแต่ก็เติบโตขึ้นในจักรวรรดิ ข้าเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่งในจักรวรรดิ ดังนั้นข้าไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับสิ่งเหล่านั้นหรอก」
หลังจากพูดเช่นนั้นจูเลี่ยนก็เดินออกไปพร้อมกับโบกมือให้
ในขณะนั้นเองผมก็คิดได้ว่าถึงเวลาที่จะกลับห้องตัวเองแล้ว