[นิยายแปล]ครูผู้กล้า - ตอนที่ 12
Ch.12 – 「ความตั้งใจของเอลฟ์และ –」
Provider : คราวนี้เอลฟ์หลอนเรอะ
CHAPTER 12 「ความตั้งใจของเอลฟ์และ –」
เอลฟ์สาวที่สวมแว่นตาก้มหัวให้พร้อมกับน้ำตาเต็มหน้า
อาจจะฟังดูหวือหวาแต่ว่าห้องกว้างพอสมควร นอกจากพรมแดงบนพื้นโต๊ะทำงานแล้วยังมีตู้หนังสือและโซฟาที่เตรียมไว้สำหรับแขกด้วย
เสียงพูดนั้นดังไปทั่วห้อง
「ตะต้องขอโทษจริงๆค่า!」
เอลฟ์สาวคนนั้นก็ยังคงก้มหน้าลงพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นเต็มหน้า ราวกับว่าเรื่องที่เธอทำเป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้
ลูดิโอ้ แลมเบิร์ต ผู้นั่งอยู่บนโต๊ะนั่งมองด้วยรอยยิ้ม
「เนน่ ให้ขอโทษเขานะ แล้วก็ทำไมถึงโกหกกันแบบนั้น? 」
หลังจากไปทำงานของวันนี้เสร็จแล้วลูดิโอ้ก็เรียกตัวเอลฟ์ที่เป็นพนักงานต้อนรับมา เนื่องจากเป็นคนที่ทำให้ทีโอดอร์เข้าใจเงื่อนไขผิดๆที่จะได้รับทุน
เธอบอกว่าเขาจะไม่มีสิทธิได้ทุนหากไม่ได้ที่หนึ่งในการสอบแต่ละประเภท นั่นเป็นปัญหาใหญ่มาก
เดิมทีแล้วโควต้านักเรียนทุนก็มีไว้สำหรับผู้เข้าสอบที่มีผลการสอบดีเยี่ยม ก็แค่ทำให้ชื่ออยู่ในระดับต้นๆแต่ละสาขาก็พอแล้ว ไม่ได้หมายถึงต้องไปทำทุกสาขา
ภายใต้ระบบเช่นนี้ ผู้เข้าสอบที่มีผลการสอบดีมากในการสอบนั้นก็จะได้รับ การคัดเลือกตามดุลยพินิจของผู้คุมสอบ แล้วถ้าหากผู้อำนวยการยอมรับก็จะได้เป็นนักเรียนทุนนี่เป็นระบบที่มีมาช้านานแล้ว
แต่เมื่อเขาคนนั้นเดินไปถามกับพนักงานต้อนรับก็ได้คำตอบเช่นนั้น เพราะฉะนั้นเธอคนนี้ที่โกหกไปจึงทำตัวสั่นเทา
「อ่า โน่วว…. ก็เพราะว่าเขาไม่มีจดหมายแนะนำตัวจากขุนนางหรือนายทหารท่านใดเลยและยังไม่เข้าใจระบบของโรงเรียนอีกดังนั้นฉันเลยคิดว่าเขาเป็นคนน่าสงสัย ……!」
「เพราะงั้นเลยคิดจะกำจัดเขาทิ้งด้วยเหตุผลบ้าๆแบบนี้นะเรอะ?」
「คะค่าาาาาาา คนส่วนใหญ่ที่พูดเรื่องแบบนั้นมักเป็นพวกขี้แกล้งทั้งนั้นแหละคะ(หลอกว่าไม่รู้อะไร) ดังนั้นก็เลยคิดว่าสั่งสอนสักหน่อยก็คงไม่เสียหาย….ดังนั้นฉันขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะค้าา!」
「อ่าาาา ที่พูดมามันก็ถูกนั่นละผมไม่ลงโทษเธอหรอกยังไงก็ตามอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะ. ……ดังนั้นวางใจได้ ร้อยตรีแลคทิช เมลเดีย」
「ขอบคุณสำหรับความเมตตาค่าาาาา!! อร๊าาาา จะเกิดอะไรขึ้นน้าาาาถ้าเกิดว่าดิฉันโดนไล่ออกจากกองทัพ ……! 」
เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนักแม้ว่าจะดูเป็นแบบนี้ แต่เธอก็จบจากที่นี่ เธอยังเป็นขุนนางพร้อมจบมาด้วยเกรดดีอย่างมากและกลายเป็นร้อยตรีในปีนี้เอง
แม้ว่าเธอจะเป็นร้อยตรีแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องทำงานทั่วไปแบบนี้ แล้วยิ่งในวันสอบเข้าคนยิ่งไม่พออยู่ด้วย ก็อย่างที่เธอพูดบางคนก็ชอบมาแกล้งป่วนในวันสอบเข้าแบบนี้เหมือนกัน
ยังไงก็ตามเธอเพิ่งอายุแค่ 18 ปี การที่เธอด้อยประสบการณ์แบบนี้ก็เป็นผลเสียเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันก็แค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับลูดิโอ้
「ถ้างั้นก็กลับไปขอโทษเขาด้วยเป็นการส่วนตัว ตอนนี้กลับไปพักได้แล้วล่ะ 」
「ค่ะ! ขอบคุณมากนะค้าาาาา!!」
เธอโค้งคำนับหลายครั้งและออกจากห้องไป เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาขณะที่เขามองเธอไปด้วย
「ร้อยตรีแลคทิช? น่ารักแล้วก็ไร้เดียวสาอะไรแบบนี้〜. ปกติเธอเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ตอนนี้ดูสิเธออายมาก…..ฮุมุ …… คุกกี้นี่ก็อร่อยดีเหมือนกันนะ 」
นั่นคือลิซเองที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาและหยิบคุกกี้ออกมากินแบบหน้าตาเฉย
「หวังว่าจะไม่ได้เอางานที่ไม่จำเป็นมาเพิ่มหรอกนะ」
「อืม ไม่ใช่ว่ามันประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ไปเลยหรออออ~ หากเธอไม่โกหกเช่นนั้นเราก็คงไม่ได้ตัวนักเรียนสุดเด่นอย่างทีโอ ที่บ้าจี้สอบทั้ง 3 อย่างเลยนะ เธอควรจะได้เลื่อนขั้นด้วยซ้ำ」
ลิซที่พูดเช่นนั้นตอนนี้กำลังดื่มชาที่เธอรินลงถ้วย ตกลงว่านี่ห้องของผู้อำนวยการหรือบ้านของเธอ
「เป็นบันทึกที่ไม่มีใครทำได้เลยนะนี่ก็ผ่านมา 500 ปีแล้วสุดท้ายก็โดนทำลายจนได้ …… ยังไงก็ตาม ลิเซเมะ.」
「ก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้ชื่อปัจจุบันของฉันคือ 『ลิซ』น้าาาาาาー」
「……ขอโทษที ถ้างั้นเป็นไงบ้างล่ะทีโอดอร์.」
「อืมม ก็นั่นสิน้าาาเป็นหนุ่มหน้าหวานและก็หล่อเท่ห์ด้วยล่ะ มีใบหน้าอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ!! แถมยังมีผมสีฟ้าที่หาได้ยากยิ่งและก็ฉันน่ะเผลอตกหลุมรักเขาซะแล้วล่ะแม้จะไม่ใช่ชนชั้นสูงก็เถอะน้าาา แต่ท่าทางการวางตัวก็ดูดีสุดๆ เอาล่ะครั้งต่อไปจะไปเดทที่ไหนดีน้า~」
เมื่อลิซที่พูดด้วยอารมณ์ดีเช่นนั้น ลูดิโอ้ก็ขมวดคิ้วราวกับปวดหัว
「ไม่ได้ถามเกี่ยวกับรสนิยมของเธอสักหน่อย ได้ไปคุยกับเขาแล้วนี่เป็นไงบ้าง」
「เขาไม่ใช่คนของจักรวรรดิล่ะ〜」
แทนที่จะเพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมของชาเธอกลับพูดเรื่องนี้ออกมาได้สบายๆ
「คิดเหมือนกันเหรอเนี่ย」
「อือ นั่นสินะไม่ว่าคนธรรมดาหรือจะยากจนแค่ไหนแต่ว่ามันก็เตะตาเกินไปเพราะไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับการเข้าสอบเลย …… อืมมมนี่ก็แค่การคาดเดาทั่วไป 」
ลิซยังพูดต่อ
「เอาจริงๆตอนแรกน้าา เค้าก็สงสัยด้วยว่าทีโอคุงเป็นมนุษย์อะเปล่า.」
「เพราะว่าเก่งเกินไปหรือยังไง? 」
「มันค่อนข้างยากนะที่จะตัดสินเลยน่ะ〜? เพราะมาตราฐานของจักรวรรดิมันต่ำนี่น้าา〜」
「…ผมเองก็ไม่ได้มี『เนตร』 ที่สามารถเห็นเนื้อแท้ของสิ่งต่างๆเหมือนเธอหรอกนะ ถ้างั้นฝากจับตาดูต่อด้วยล่ะ.」
「ทีโอคุงนะไม่ว่าดูเป็นยังไงก็เป็นมนุษย์น่าาาา……แต่ว่าก็รู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนสิ่งที่กอปวางๆ ราวกับใส่ข้อมูลเข้ามามากจนเกินไปจนกลายเป็น 『บางสิ่ง』 ที่เหมือนคนธรรมดาละมั้ง?」
ลูดิโอ้พยักหน้าเพราะเขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน
เขาไม่รู้เลยว่าในตัวของทีโอดอร์นั้นมีพลังเวทย์มากแค่ไหนรวมทั้งมีเวทย์ปกปิดอะไรรึเปล่า
ท้ายที่สุดแล้วอย่างที่เธอพูดเขาก็เป็นเหมือนผู้ชายธรรมดาๆ นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ดูน่าสงสัย ไม่มีทางที่เด็กผู้ชายธรรมดาจะทำสำเร็จได้หรอก
「แต่รู้สึกว่ามีการบิดเบือนเล็กน้อยที่ซ่อนอยู่และมองเห็นได้ภายใต้ตัวตนของมนุษย์คนนั้นนะ」
「หมายความว่ายังไง?」 (TN:ตรงนี้มันอารมณ์พูดถึงก้นบึ้งของจิตใจนะ)
「หากเป็นเพียงแค่คนธรรมดาตัวตนทั้งหมดที่จะได้มาก็จะมาจาก『ก้นบึ้ง』ซึ่งนั่นมันเป็นไปไม่ได้. แล้วจูเลี่ยนนะเหรอ? ก็เหมือนมังกรขั้นสมบูรณ์แต่ว่าก็ยังมีตัวตนเกี่ยวกับมังกรที่สามารถรับรู้ได้ภายใต้หน้ากากร่างมนุษย์ เพราะว่ามันมาจากก้นบึ้งของตัวตนนั้นไงล่ะ」
「ถ้างั้นบางทีคงมีบางอย่างที่แตกต่างจากข้อมูลของมนุษย์ทั่วไปสินะ ดังนั้นทีโอดอร์ไม่น่าจะใช่มนุษย์ใช่ไหม」
「อืมม ถ้าเข้าใจได้เร็วก็ช่วยได้มากเลยล่ะ มันยากที่จะอธิบายน้าเรื่องแบบนี้」
ลิซเอิ้อมมือไปหยิบคุกกี้ขณะที่พูดพึมพำ เสียงเคี้ยวนั้นดังก้องไปทั่ว
「แต่ว่านั่นก็ทั้งหมดที่ฉานนรู้แล้วล่าาาา เอาตามตรงเลยน้าาานี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแบบนั้นเลยล่ะ มันอาจจะเป็นแค่การคาดเดาผิดๆก็ด้าย. 」
「ผมจะจำไว้ล่ะกัน เธอเองก็ผลสอบไม่ค่อยดีด้วย แต่ถ้าพูดถึงสัญชาตญาณและสายตาแล้วน้อยคนนักที่จะชนะเธอได้ 」
「ก็มาสายนี่น่าาาา อาาาา แต่นายจะให้ทุนฉานมั้ยเนี่ย? 」
「แค่นั้นก็น่าตกใจแล้วที่สามารถกันการโจมตีของจูเลี่ยนได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป …… ถ้าเธอไม่ทำละก็ผมคงต้องโผล่หน้าไปแล้ว」
「ริวคุงเองก็ดูการสอบของวันนี้ตั้งแต่เริ่มแล้วนี่ นี่ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอก่อนที่จูเลี่ยนจะพังสถานที่สอบอ่า? 」
「ผมรู้ตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นเผ่ามังกร แต่ว่าการได้นั่งชมเองมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอไง.」
ลูดิโอ้ดูดีใจเหมือนกับเด็ก
ลิซหัวเราะพร้อมกับถอนหายใจออกมา เฮ้อไม่เปลี่ยนไปเลยนะ
มันเป็นเมื่อคืนนั่นเองที่ลิซโดนขอให้ทำอะไรอย่างการเป็นสปายคอยจับตาดูเช่นนี้
เธอถูกบอกให้ไปจับตามองเขาเพียงเพราะว่าน่าสนใจดีซึ่งได้ที่หนึ่งทั้งสาขาวิชาดาบและศิลปะการต่อสู้
ดังนั้นเธอก็เลยไปดูด้วยตัวเองแต่ไม่ได้จริงจังนัก และก็เห็นอะไรที่มันเว่อร์วังมากๆด้วยวันนี้
「เมื่อพูดถึงตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้สำหรับการสอบด้านเวทย์ที่เหลือเลยเหรอ? แล้วจะทำยังไงล่ะ?」
「อ้าาา ไม่ช้านี่ละแต่ว่าจะไปจัดที่สนามอื่น」
「ฟุอืมมมมม แล้วจะไปดูมั้ยอะt? 」
「ไม่ล่ะ เพราะตอนนี้ก็รู้คร่าวๆแล้วสำหรับความสามารถของแต่ละคน」
สำหรับตอนนี้ห่างไกลจากความดีใจเมื่อกี้นี้มาก เพราะว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วนั่นเอง
เขาก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด หมกมุ่นกับสิ่งที่สนใจ แต่ถ้าน่าเบื่อก็ไม่อยากเก็บมาจำ
ส่วนมากก็เป็นกรณีของพวกอัจฉริยะแหละ แต่ส่วนมากก็สุดโต่งเกินไป
ลิซเองไม่ชอบส่วนนั้นของเขาเลย เพราะเขานั้นสนใจเธอเพียงเพราะว่า 『เนตร』 แต่ว่าถ้าไม่มีมันก็ไม่ต่างจากคนทั่วๆไป
「ตอนนี้ลิซก็คอยจับตาดูทีโอดอร์เอาไว้ล่ะ ตอนนี้ไม่เห็นว่ามีอันตรายใดๆ แต่ถ้าในกรณีนั้นเองー.」
「ค่า ค่าาาาา」
「แล้วก็เลิกเรียกผมแบบนั้นได้แล้วนะครับ」
「ทำมายยอ่าาา? ริวคุงก็เป็นริวคุงนี่น่า ฉันเองก็เรียกนายแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วน้าาา 」
「ตอนนี้ไม่ใช่ผมคนก่อนที่อยู่ในเซฟุเต้ อาเรียแล้วนะ ในตอนแรกไม่มีใครรู้จักผมเลยและพูดคุยกับผมเช่นเดียวกับเธอนะ ดังนั้นหากยังพูดกับผมเช่นนี้เหมือนเดิมมีหวังเธอโดนสงสัยเรื่องภูมิหลังแน่ๆ」
「โม่วววー ปัญหาเยอะจริงเชียววววว ก็ได้ ก็ได้ เอาล่ะถ้างั้นเค้ากลับบ้านได้ยัง? อาจารย์ลูดิโอ้ค้า」
「อืมม กลับไปได้แล้วล่ะ.」
ลิซโยนคุกกี้ที่เหลือเข้าปากและหยุดลงเมื่อเอื้อมมือไปถึงประตู
「โอ้ววว ยังไงก็เถอะน้าาาจำนวนเอลฟ์ที่หายตัวไปในทุกๆวันนี้เองก็ไม่น่าขันใช่ไหมล่ะ?」
「…..ผมบอกแล้วไงว่าอย่าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นอีกเข้าใจไหม?」
「กองทัพไร้ความสามารถช่วยอะไรไม่ได้ เอลฟ์ทุกคนนั้นหวาดกลัว เอลฟ์ทุกคนนั้นต่างกังวลเกี่ยวกับอาชญากรที่เข้ามาโจมตีด้วยเวทย์ที่เหมือนในกองทัพ เหมือนกับคนที่มียศสูงๆในกองทัพเข้ามาโจมตีเลย.」
「มันอันตรายเกินไป ถอยออกมาให้ห่างจากเรื่องนี้เลย แล้วก็มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์…… ไม่งั้นพันธมิตรระหว่างเอลฟ์และมนุษย์ที่ก่อตั้งเมื่อ 100 ปีที่แล้วถึงกับต้องแตกหักได้ 」
「ดังนั้นฉันก็ควรจะร่วมมือกับนายเพื่อป้องกันเรื่องนี้สิ?」
「ไม่จำเป็น」
ลิซขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น
「อ่า ค่า ค่า แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะค้าาาาา จากนั้นหวังว่าจะพยายามคลี่คลายคดีให้ดีที่สุดน้าาาาคุณพลโทแลมเบิร์ตー」
ลูดิโอ้ถอนหายใจหลังจากเห็นลิซออกจากห้องไป
「กองทัพไร้ความสามารถ……. จริงๆผมเองก็พูดได้แค่นั้นเช่นกัน รวมทั้งตัวเองที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุด 」
☆
เที่ยงคืน เมืองมิลเดียน่านั้นเงียบเหงาราวกับว่าเสียงระเบิดในวันนี้เป็นเรื่องโกหก
ในเวลานั้นเอง ร้อยตรีแลคทิช เมลเดียออกมาจากบาร์เก่าๆพร้อมกับตัวที่สั่นเทา
「เฮ้~แลคทิชเธอดื่มหนักเกินไปแล้วนะ」
「หุบปากน่าาาาาー……. เวรเอ้ยยย ทำไมฉันต้องมาา…… ฉันต้องมาขายหน้าเพียงเพราะไอ้เด็กหน้าด้านคนนั้นเนี่ยนะ」
「ทีโอดอร์สินะ? แม้แต่ในกลุ่มทหารเองก็พูดถึงเขากันทั้งนั้น ยังไงก็ตามหมอนั่นแกร่งพอๆกับใครบางคนเมื่อ 500 ปีก่อนเลยใช่ไหม? เห็นมาแต่ไกลเลย แต่ว่าดูน่ารักดีนะหมอนั่น」
「ฉันเองก็อยากได้มั่งน้า ……สูงหล่อและเสียงทุ้มต่ำๆ โครตแจ่ม!」
「อ่า ค่า ค่า เข้าใจแล้วค่าาาา」
หลังจากออกจากห้องของลูดิโอ้ แลมเบิร์ต แลคทิชก็รีบไปที่บาร์เพื่อดืมไวน์
เธอที่จริงจังมาจนถึงตอนนี้ ขณะที่เธอพยายามอย่างหนักเพื่อเรียนจบและขึ้นเป็นร้อยตรีได้ แต่ว่าก็ต้องมาขอโทษไอ้หนุ่มทีโอดอร์เนี่ยนะ
แทนที่จะแสดงความเคารพต่อฉันสักเล็กน้อย ฉันที่เป็นชนชั้นสูงแม้ว่าแกจะเป็นคนธรรมดา แต่แกมองฉันราวกับมอนสเตอร์ แลคทิชคิดเรื่องนี้ในใจ บ้านของเธอเป็นตระกูลไวท์เคานต์และชื่อของเธอที่เป็นที่รู้จักกันดีนั้นก็เป็นที่รักของทุกคนเช่นกัน
เธอแทบไม่เคยพูดคุยกับสามัญชน แม้ว่าเพื่อนร่วมชั้นของเธออจะมีสามัญชนมาบ้างแต่ว่าก็มีขุนนางมากกว่าอยู่ดี และพวกขุนนางเองก็มักจะจับกลุ่มกันพวกสามัญชนจึงถูกขับไล่ นั่นคือสภาพแวดล้อมที่เธอเติบโตมา
เธอรู้อยู่แล้วว่าพวกสามัญชนชอบนินทาลับหลังขุนนาง พวกนั้นหัวเราะเยาะอยู่ในใจแต่ไม่รู้เลยว่าเธอที่เป็นเอลฟ์นั้นได้ยิน พอไปคุยด้วยก็เดินหนี ก็จบออกมาทั้งๆแบบนั้น
ฉันที่ต้องมาอับอายเพียงเพราะว่าทำหน้าที่พนักงานต้อนรับได้บกพร่อง โดยพลโทแลมเบิร์ตที่ฉันตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นให้ได้ ช่างน่าเสียดาย ความประทับใจที่ควรจะสร้างไว้กับเขามันพังไปหมดแล้ว
「มิเรียม ไว้ครั้งหน้าไปดื่มด้วยกันเถอะ.」
「ก็พูดได้เนอะว่าถ้าไม่เมาอะ ยังไงก็เถอะจะมีร้านไหนเปิดละ? หากเธอไม่ได้เป็นที่รู้จักของบาร์แถวๆนั้นก็คงจะถูกถีบออกมาแน่แหละ เธอที่ทำตัวแบบนี้ฉันเองก็เบื่อเป็นนะ」
「เวรเอ้ย……ไอ้เวรนั่น」
เอลฟ์คนนี้มีชื่อว่ามิเรียมซึ่งเธอกำลังแบกฉัน เธอมาจากตระกูลขุนนางและเป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เรามักจะออกไปเที่ยวที่บาร์บ่อยๆ
มิเรียม จู่ๆก็หยุดเดิน แลคทิชที่เสียหลักเกือบล้มเพราะมิเรียมที่ล้มลง เธอพยายามยืนขึ้นและกำลังมองหน้าเพื่อนเธอที่ดูน่าอับอายนั่น
「เน่นนน มันอันตรายไม่ใช่เหรองไง ~」
「……」
มิเรียมไม่พูดอะไร
เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เธอพยายามคิดทั้งๆที่เมา
「มิเรียม? เน่เกิดอะไรขึ้น…… อะไรเนี่ย? นี่มัน ……」
ในเมืองปกติมันก็มืดอยู่แล้วไม่มีแสงนอกจากแสงจันทร์ แต่นอกเหนือจากนั้นรอบๆก็รู้สึกว่ามันมืดลงในทันที เธอมองไม่เห็นเพื่อนเธอด้วยซ้ำ
「……หมอก? ทำไมกันในเวลาแบบนี้…..」
ขณะที่สงสัยอยู่สักพัก มิเรียมที่ยืนขึ้นแล้วก็เริ่มเดินออกไป
「มิเรียม? เนนนนน่ จะไปไหนน่ะ? จะไปแล้วงั้นเหรอ?」
เธอเดินดูไม่ค่อยมั่นคง ซึ่งไม่เหมือนเธอก่อนหน้านี้เลย
แลคทิชที่เห็นท่าทีเช่นนั้นก็จับไหล่เพื่อนเธอ
「นี่โอเคป่าวเนี่ย?」
「แค่นี้มันยังไม่เพียงพอ」
มิเรียมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
เสียงไม่ได้น่ารักเหมือนตามปกติ แต่ว่าดูหยาบกร้านและเกรี้ยวกราดราวกับเป็นเสียงของผู้ชาย
「นี่มันไม่ใช่แล้ววววว ฉันมองไม่เห็นหน้าของเทพธิดาที่รักของฉันได้เลย」
「เนนน่ มิเรียมมม? ทำอะไรของเธอเนี่ย?นี่เธอเมางั้นเหรอ……? ฮะฮะฮ่า เธอดื่มมากไปแล้วนะ 」
「จุบจบของมารผจญที่สะท้อนอยู่ในความมืดมิด หยดน้ำตาสีแดงฉาน ปีกสีขาวที่อุทิศให้แก่ผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดー」
เธอเริ่มพึมพำอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้ เธอกำลังมองไปยังที่ไม่มีใครเลย
นี่ไม่ใช่แค่เมาธรรมดาแล้ว หมอกนี้เองก็บ้าอะไรเนี่ยหลอนไปแล้วเหรอ? รู้สึกได้ถึงพลังเวทย์เล็กน้อย
แลคทิชสั่นสะท้านไปด้วยความสับสน แต่ผลจากการดูรอบๆแล้วทำให้เธอคิดเช่นนั้น
「มิเรียมขอโทษนะ ถึงจะเจ็บนิดหน่อย แต่อดทนไว้!」
ฉันใส่พลังเวทย์ลงไปที่มือแล้วคว้าไปที่หัวของมิเรียม ขณะที่มีแสงสีม่วงพุ่งขึ้นจากฝ่ามือ
เป็นเวทย์พื้นฐานง่ายๆ หากเป็นเวทย์ที่ทำให้เกิดภาพหลอนเล็กน้อยหรือการล้างสมองก็น่าจะทำลายมันได้ ――.
แต่ทันใดนั้นเองมือของมิเรียมก็ยื่นออกมาแล้วทุบไปที่หน้าอกของแลคทิช เธอกระเด็นถอยหลังมาและชนเข้ากับอาคาร
「อั่กกกกก……..!」
ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นเข้าสู่หัวของแลคทิช…ถ้าฝันอยู่นี่ก็ฝันร้ายมาก
มันคงจะดีมากหากเป็นเพราะความเมาเฉยๆ
「ปีกสีขาวที่จะย้อมพื้นแผ่นดินให้บริสุทธิ์ เพื่อสร้างสถานที่ๆเหมาะสมกับเทพธิดาที่จะลงมาโปรด แต่แค่นี้มันยังไม่พอ.」
มิเรียมบ่นพึมพำขณะที่เข้าไปใกล้แลคทิชและจับผมของเธอซึ่งขยับไม่ได้
「ฉันต้องการมันนนนนนนน」
「อึกกกกก……」
สติของร้อยตรีแลคทิชก็เลือนหายไปー.