[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 61
Ch.61 – การต่อสู้ที่ไม่น่าพอใจ
Provider : ตบตี้ชั้นนำด้วยความเหนือชั้น
Chapter 15 : การต่อสู้ที่ไม่น่าพอใจ
—มุมมองราอุส—
「…ทำไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่?」
ผมไม่สามารถซ่อนความตกใจได้จากการปรากฏตัวของปาร์ตี้ชั้นนำที่เอาอาวุธออกมา
ผมเข้าใจดีว่าปาร์ตี้ที่อยู่ตรงหน้าผมนี่คือ เทพสงครามดาบใหญ่ นั้นเป็นเหมือนกับคู่แข่งของเราในการไต่แรงค์นั่นเอง
แต่ว่า พวกนั้นรู้ถึงความแตกต่างระหว่างพวกเราดีก็เลยทำได้แค่คุกคามผมกับนาร์เซน่าเพียงเท่านั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่พวกนั้นเล็งจังหวะหลังจากที่จัดการเจ้านกฟีนิกซ์เสร็จ ซึ่งผมไม่คิดว่าพวกนั้นจะเข้ามาโจมตี
「ดูเหมือนว่าพวกมันจะยังไม่รู้ตัวสินะ?」
เมื่อเห็นผมที่กำลังตกตะลึง นักรบที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าก็ยิ้มออกมาราวกับมั่นใจในชัยชนะ
「เออ พวกเดี้ยนรู้ ปาร์ตี้แกมันก็แค่ปรสิตที่ไปเกาะปาร์ตี้ของตัวแทนกิลด์ละสิท่า ไอ้กร๊วกเอ้ย! เดี๋ยวเดี้ยนจะแสดงให้เห็นเองว่าปาร์ตี้ชั้นนำมันเป็นยังไง!」
「เข้าใจล่ะ……」
คำพูดของนักรบคนนั้นทำให้ผมเข้าใจในทันที ผมแทบจะถอนหายใจออกมา
แน่นอน ว่าผมกับนาร์เซน่าได้เข้าร่วมกับปาร์ตี้ของซีค ตั้งแต่เริ่มเควสปราบนกฟีนิกซ์
แต่ว่าที่กล่าวว่าผมเป็นปรสิตนั่นนะ ไม่ใช่ความจริงสักนิด
การตัดสินใจเข้าร่วมปาร์ตี้ของซีคก็คือการกำจัดพวกที่จะมาชักชวนเราเหมือนดั่งแมลงวันตรอม พร้อมจะทำให้พวกผมกลายเป็นนักผจญภัยสิทธิพิเศษ
แต่สำหรับเทพสงครามดาบใหญ่แล้วไม่ได้รู้เรื่องนั้นเลย คงคิดว่าเราคงไปเข้าประจบประแจงเป็นเวลานานแล้ว
กล่าวอีกในหนึ่งพวกนั้นเชื่อว่าไฮดร้ากลายพันธุ์ที่เรากำจัดไปนั้นเป็นเครดิตที่ขโมยมาจากซีคและความสามารถของเราก็เป็นแค่ล่างๆ
และราวกับเป็นการตอกย้ำเรื่องแบบนั้นพวกนั้นก็ทำการรับน้องใหม่ที่มาเป็นนักผจญภัยด้วย
เมื่อเข้าใจเช่นนั้นผมก็ไม่สามารถซ่อนความโกรธเคือง จากการที่พวกนั้นตัดสินคนจากภายนอกได้เลย
ไม่ว่าจะยังไงมันก็ดูไม่แปลกเลยที่เราจะโดนชวนจากปาร์ตี้ของตัวแทนกิลด์หลังจากทำการปราบไฮดร้ากลายพันธุ์ได้สำเร็จ
และสำหรับสิ่งแรกที่อยู่ในใจของพวกนั้นก็คือคิดว่าพวกเราสุมหัวกันวางแผนให้เรื่องเป็นเช่นนี้ หลังจากเห็นสิ่งที่พวกนั้นคิด มันช่างเป็นความคิดที่ตื้นเขินอะไรเช่นนี้
มันเป็นความเข้าใจผิดที่น่ารำคาญจริงๆ
แต่ตอนนี้การที่มันเข้ามาหาเรื่องเองก็ดีเหมือนกัน
ในขณะที่เสริมพลังกายด้วยเวทย์และคิเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ผมก็ยิ้มเล็กน้อย
โอกาสดีมาหาถึงที่มีหรือที่จะไม่ลองทดสอบสักหน่อย
「ชิ-! จะทำอวดเบ่งก็ได้แค่ตอนนี้ละยะ! โอ้ย ลุยโลด! นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างนักผจญภัยกันเองเพียงเท่านั้นยะ ตราบใดที่พวกเราไม่ฆ่ามันทิ้งละก็นะ!จัดการเลยเด็กๆ!」
นักรบที่เป็นเหมือนผู้นำที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดกับการแสดงออกของผม เขาก็ตะโกนใส่เหล่าสมาชิก
เพื่อตอบสนองต่อคำสั่ง เหล่าสมาชิกของเหล่าเทพสงครามดาบใหญ่ก็ถืออาวุธมาข้างหน้าพร้อมตั้งท่าต่อสู้ บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นมาทันที
ศัตรูมีทั้งหมดห้าคน
นักรบสอง,ผู้ใช้ศิลปะป้องกันตัวหนึ่ง,ฮีลเลอร์หนึ่ง,นักเวทย์หนึ่ง
ไม่น่าแปลกใจที่จะกลายเป็นนักผจญภัยชั้นนำได้ เจตนาฆ่าที่ถูกปลดปล่อยมามันรุนแรงยิ่งกว่าหมาป่าแห่งความหายนะเสียอีก
นอกจากนี้เนื่องจากพวกนั้นตั้งเป้าหมายในช่วงที่ผมอยู่ตัวคนเดียว จึงเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ประมาทผม
ถ้าเป็นเมื่อวานแม้ว่าผมจะไม่จบที่แพ้ก็เถอะ แต่ก็ยังต้องใช้เวลานานในการจัดการพวกเขาเหล่านี้
นั่นคือเหตุผลที่ผมควรจะได้เห็นการเติบโตของตัวเองจากการต่อสู้ครั้งนี้
คิดอย่างนั้นสักครู่มุมปากของผมก็ยกขึ้นเล็กน้อย
「ฮ่าห์!」
ถัดมานั้นเองผมพุ่งเข้าไปกลางวงของเทพสงครามดาบใหญ่
「ระเร็วมาก!」
เพียงชั่วครู่ผมก็เข้าประชิดพวกนั้นได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเสริมพลังกาย
นักรบคนหนึ่งในปาร์ตี้พยายามตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของผม
「อั่กกกกก!」
แต่อย่างไรก็ทำได้แค่ยกดาบขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่แม้แต่จะดึงมีดสั้นออกมา ผมต่อยเข้าไปที่คางของนักรบคนนั้นจนปลิวไป
「อะไรวะ-!」
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหัน การเคลื่อนไหวของปาร์ตี้นั้นก็หยุดชั่วขณะ
มีช่องว่างเยอะเลยนะ
「ฮี้ยยยย~-!」
ก่อนที่กองหน้าพวกนั้นจะตอบสนอง ผมพุ่งเข้าไปหานักเวทย์
นักเวทย์ที่เห็นผมเข้ามาก็กลัวพร้อมพยายามถอยหลัง
โดยไม่ยอมให้เปลี่ยนท่าทาง ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีสำหรับนักเวทย์ผมค่อนข้างประทับใจแต่ว่า
「ว๊ากกก-!」
แต่ว่าการกระทำนั่นไม่ได้หยุดผม ผมต่อยนักเวทย์จนลอยไปทางดวงอาทิตย์
เสียงระเบิดดังลั่นจนเขาหยุดหายใจและตกลงบนพื้น
「ไอเวรเอ้ยย!」
การใช้ช่องว่างจากตอนที่ผมโจมตีนักเวทย์ ผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้เข้ามาโจมตีผม
ตัวนั้นสั่นเทาวิ่งมาหาผมพร้อมกับกำปั้น
ด้วยความสามารถของนักสู้เองไม่สำคัญว่าผมจะเสริมพลังกายมากแค่ไหนหรือมีเกราะกี่ชั้นก็ตาม
ถ้าผมโดนต่อยเข้าไปก็คงเจ็บอยู่เหมือนกัน
แต่อย่างไรก็ตามหมัดนั่นช้ากว่าของนาร์เซน่าเป็นไหนๆและไม่มีทั้งความแม่นยำเลยสักนิด
นักสู้เล็งมาที่หน้าอกส่วนบนของผมแต่ผมก็หลบได้
จากนั้นเมื่อกำปั้นของเขาผ่านเหนือศีรษะของผมไป ผมก็เอาศอกฟาดไปที่คาง
「เวรเอ้ยยยยยยยย…」
หลังจากโดนศอกของผมไปนักสู้คนนั้นก็ไม่ได้ล้มลงทันที แต่ว่าเดินถอยไปได้สองสามก้าว
แล้วก็ถึงขีดจำกัด
หมอนั่นบ่นพึมพำเล็กน้อยก่อนจะล้มลงกับพื้น
เหลือเพียงแค่ตัวหัวหน้ากับฮีลเลอร์เท่านั้น
「ฮิ-ฮิ-《ฮีล》《ฮีล》」
「ไอ้เวรเอ้ย!」
………ผมหันกลับไปในขณะที่คิดเช่นนั้น แต่ในขณะที่มองไปยังปาร์ตี้นั่นก็รู้ตัวว่าการต่อสู้มันจบลงแล้ว
จากเทพสงครามดาบใหญ่นั้น สมาชิกที่ดูอายุน้อยที่สุดที่เป็นฮีลเลอร์พยายามจะรักษาเพื่อนของเขา แต่ว่าไร้ซึ่งสติทำให้ประสิทธิภาพของ 《ฮีล》ที่ใช้ลดตามลงมา
……แม้ว่าจะสามารถจบโดยแม้จะต่อให้ก็ตาม แต่ก็ไร้ซึ่งความหมาย
เมื่อเทียบกับฮีลเลอร์แล้วนักดาบนั่นยังดูดีกว่าเยอะ
บางทีเขาอาจจะพยายามโจมตีผมหลังจากที่หลบหมัดของนักสู้ได้ ดาบใหญ่นั่นชี้มาที่ผม
อย่างไรก็ตามใบหน้าของหมอนั่นซีดเผือก
มันก็แน่อยู่แล้วการที่เห็นเพื่อนร่วมทีมโดนอัดซะยับ มันก็อาจจะทำให้เสียกำลังใจได้
「เฮ้อออออ~…」
「อึ่ก!」
เมื่อเห็นถึงสัญญาณของความพ่ายแพ้ พวกนั้นก็สูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ แต่ว่านี่มันรู้สึกไม่น่าพอใจอย่างแรง คู่ต่อสู้ที่ควรสมน้ำสมเนื้อดันจบได้ไม่กี่วิเนี่ยนะผิดหวังเอามากๆ
การเสริมพลังกายที่ผมใช้อยู่ในตอนนี้ไม่ได้ใช้แบบจนถึงขึดสุด
ผมวางแผนที่จะเสริมพลังเข้าไปเรื่อยๆอย่างช้าๆจนร่างกายเคยชินกับมัน
แต่ว่าการต่อสู้ก็ดันจบไวเกินไป
ด้วยเหตุนี้เองจึงรู้สึกไม่พอใจมากๆที่มาจบง่ายๆแบบนี้กับปาร์ตี้ชั้นนำอย่างเทพสงครามดาบใหญ่
แน่นอนพวกนั้นตัวสั่นใหญ่เลย เมื่อเห็นผมเคลื่อนไหวจนไม่สามารถประสานงานได้ตามปกติ
แต่ถึงกระนั้นการต่อสู้จบลงเร็วเกินไปไหม ไม่อ่อนเกินไปหน่อยเหรอ
……คิดตามปกติแล้วไม่มีนักผจญภัยคนไหนสร้างบาดแผลให้ผมได้เลย แม้กระทั่งมอนสเตอร์ระดับสูง แม้ว่าจะไปยันเขาวงกตชั้นล่าง แต่ผมก็ไม่เคยตระหนักถึงสิ่งนั้น
ความสนใจในตัวพวกนั้นของผมหมดลงแล้ว
「…พวกเขาอาจจะโกรธก็ได้ถ้าผมไม่รีบกลับไป」
สิ่งเดียวที่อยู่ในใจก็คือรีบมุ่งหน้าไปยังเมือง
เมื่อรู้เช่นนั้นจึงหันไปมองทางด้านหลังพร้อมกับเดินจากไป
ไม่จำเป็นต้องจัดการให้สิ้นซาก
「เวรเอ้ย-!」
หัวหน้าของเทพสงครามดาบใหญ่นั้นโกรธต่อท่าทางของผม
「หัวหน้า!ปล่อยเขาไปเถอะ…」
「หุบปากไปเลยย่ะ!」
「แอ่ก!」
เขาต่อยฮีลเลอร์พร้อมกับมุ่งหน้ามาทางผม
…อย่างไรก็ตามนั่นเท่าที่หมอนั่นทำได้ก็คือทำได้แค่โกรธเพียงเท่านั้น
「ฮี้!」
หลังจากที่ผมควักมีดสั้นออกมา ใบหน้าของหัวหน้านั้นก็ซีดเผือกราวกับว่าความโกรธเมื่อกี้เป็นเรื่องล้อเล่น
ท้ายที่สุดแม้ว่าพยายามจะสู้ต่อแต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจถึงความต่างชั้นจริงๆ
เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านต่อไปแล้ว
「เป็นห่วงเพื่อนร่วมทีมของแกจะดีกว่านะ」
หลังจากตัดสินใจได้เช่นนั้นผมพูดแล้วก็เดินออกไป
ผลลัพธ์คือจบเร็วกว่าที่คิด แต่มันก็จบลงได้
โดนโกรธแน่ถ้าผมไม่รีบ
「คนในกิลด์จำนวนมาก…แม่งโกหก……」
คำพูดของหัวหน้าปาร์ตี้เทพสงครามดาบใหญ่พึมพำเช่นนั้น แต่ว่าไม่ได้เข้าหูผมเลย……
◇ ◆ ◇
หลังจากออกมาจากดินแดนอันว่างเปล่าตรงนั้นผมก็มาถึงจุดหมายภายในเมืองประมาณสิบนาทีต่อมา
「พี่ชายยยยยยยยยย! ช้ามากกกกกกกกกกกกกกก!」
「ใช่! มาสายสุดๆ!」
ช้ากว่าเวลาที่สัญญาไว้เล็กน้อยแต่ผมก็โดนเหล่าเด็กๆที่รออยู่โห่ใส่
ดูเหมือนพวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความโกรธเลย
「ขอโทษนะ ถ้างั้นจะเริ่มแล้วนะ เอาเหมือนเคยใช่ไหม ยกโทษให้ด้วยนะ?」
「มันช่วยไม่ได้ล่ะนะ! แต่ว่าแค่คราวนี้เท่านั้นนะ!」
「ครั้งนี้เท่านั้น!」
แต่ทันทีที่ผมขอโทษเหล่าเด็กๆพวกเขาก็ให้อภัยผม
จากนั้นหลังจากที่ผมนั่งลง เด็กๆพวกนั้นก็หันมามองด้วยความคาดหวัง
ถึงแบบนี้จะรู้สึกแปลกๆหน่อยก็เถอะ ความสนใจของพวกเด็กๆตรงมาที่ผม
ผมก็เริ่มเอ่ยปากพร้อมกับเด็กๆที่เข้ามาหาผม
「ถ้างั้นละก็ มาเล่าต่อจากคราวที่แล้วเลยละกันนะ」
สิ่งที่เด็กๆผู้ชายส่วนใหญ่อยากได้ยินคือเรื่องราวการปราบปรามนกฟีนิกซ์และไฮดร้ากลายพันธุ์
บางครั้งเด็กๆก็ถามถึงเรื่องราวการผจญภัยของผม
มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ต้องพูดกับคนอื่น แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดมันสักเท่าไร
ดังนั้นเมื่อผมมีเวลาก็มักจะถูกขอให้มาเล่าเรื่องราวให้เด็กๆฟัง
「อาวล่ะ เด็กๆสำหรับวันนี้พอแค่นี้」
ใช้เวลาไม่นาน เรื่องราวก็จบลงตามปกติ
…แต่อย่างใดปฏิกิริยาของเด็กๆที่ตอบสนองในวันนี้นั้นต่างออกไป
ถ้าเป็นตามปกติทันทีที่ผมเล่าเรื่องจบเด็กๆก็จะบ่น แต่วันนี้กลับเงียบลงอย่างน่าตกใจ
ปฏิกิริยาของพวกเขาเหล่านั้นทำให้ผมถึงกับงง สงสัยว่าไปกินอะไรแปลกๆมาเปล่าเนี่ย
อย่างไรก็ตามผมทำได้เพียงแค่เงียบไว้จนกว่าเด็กๆจะพูดออกมา
「…เอ่อ คือว่า วันนี้พี่ชายจะช่วยสอนพวกเราใช้ดาบได้ไหมครับ?」
「ชั้นด้วยๆ!」
「-!」
ได้ยินเช่นนั้นผมก็พูดไม่ออก
คำพูดของพวกเขากลายเป็นการพัฒนาการจนน่ากังวล
เหล่าเด็กๆนั้นอยากกลายเป็นนักผจญภัย
แน่นอนว่าอาจจะได้เป็นผู้กล้าจากการเป็นนักผจญภัยมันเป็นสิ่งที่ถูกใฝ่ฝันมากที่สุด
อย่างไรก็ตามการเป็นนักผจญภัยไม่ใช่เรื่องง่ายพอที่สำหรับการจะเป็นผู้กล้าอะไรแบบนั้น
ผมที่อาศัยอยู่ด้วยอาหารจากก้นครัวมาเป็นเวลานาน ผมเข้าใจสิ่งนั้นมากกว่าใครๆ
นั่นคือเหตุผลที่ผมพูดถึงความรุนแรงของมันดังนั้นพวกเขาก็ยังอยากเป็นนักผจญภัยง่ายๆเพียงเพราะฟังเรื่องเล่าของผม
แต่ว่าเมื่อเห็นเด็กๆหลายคนต้องการให้ผมฝึกดาบให้ผมรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถถ่ายทอดอะไรให้ได้เลย
「…การเป็นนักผจญภัยของพวกเราน่ะไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องแบบนั้นหรอก」
「……หือ?」
ยังไงก็ตามความกังวลของผมก็สูญเปล่า
「ผมรู้ว่าการเป็นนักผจญภัยนั้นมันยากแค่ไหนและผมก็ไม่อยากทำให้แม่ต้องกังวลด้วย.」
เด็กผู้ชายที่เป็นเหมือนดั่งหัวหน้ากลุ่มขอให้ผมสอนวิชาดาบพูดอย่างนั้นด้วยแววตาจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมก็จำได้แล้ว
เด็กๆที่อาศัยอยู่ท่ามกลางเหล่านักผจญภัยแห่งนี้ไม่เคยฝันที่จะเป็นนักผจญภัย
เหตุผลที่เด็กผู้ชายอยากแข็งแกร่งไม่ใช่เรื่องตื่นเขินแบบนั้น
「ถึงกระนั้น พวกเราก็ต้องการความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับพี่ชาย และผู้คนที่ช่วยเมืองโดยการขายวัตถุดิบให้ พวกเราต้องการจะแข็งแกร่งเหมือนคนเหล่านั้น แล้วในสักวันหนึ่งพวกเราก็จะต้องปกป้องครอบครัวของเรา」
แรงจูงใจที่ทำให้เด็กชายแข็งแกร่งขึ้นคือความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่เกิดจากความปราถนาของพวกเขา
ใช่แล้ว เมื่อเห็นเด็กพวกนั้นพูดด้วยท่าทางอายหน่อยๆ ผมก็รู้สึกละอายใจกับตัวเอง
เมื่อมองไปที่พวกเขาอีกครั้ง พวกเขายังดูเด็กเกินไปที่จะคิดแบบนี้
「ไอ้เวรนี่! หยุดเลยนะ!」
「เหหหหห-! ใครจะไปฟังเรื่องพรรณนั้นกัน!」
ผมเห็นนักผจญภัยคนหนึ่งที่หมอบกราบต่อหน้าผมและสั่งให้ขายวัตถุดิบในเมืองไล่ตามเหล่าเด็กๆไป
เขาอาจจะเป็นนักผจญภัยที่ขายวัตถุดิบและช่วยเมืองที่เด็กชายกล่าวถึง
เห็นได้ชัดว่าในขระที่ควางกังวลของผมนั้นมองไปยังเหล่านักผจญภัย แต่ดูเหมือนว่าเหล่าผู้คนเริ่มชินกับเหล่านักผจญภัยแล้ว
สีหน้าของผมผ่อนคลายลงเมื่อเห็นเหล่านักผจญภัยเริ่มเป็นมิตรต่อชาวเมือง
ในตอนแรกคำขอของผมคือขอให้นักผจญภัยเหล่านั้นช่วยขายวัตถุดิบให้ชาวเมืองเพื่อช่วยพวกเขา
แต่เมื่อมองไปยังสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนว่านี่จะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วสำหรับนักผจญภัย
「โวววว!」
ผมรู้สึกตื้นตันเล็กน้อยจากการพบเห็นสถานการณ์ตรงหน้าผมลูบหัวเด็กชายคนนั้น เขามองมาด้วยความแปลกใจ
「ก็ได้ ผมจะสอนพวกเธอเกี่ยวกับวิชาดาบเอง ตอนที่ว่างละนะ นอกจากนี้เมื่อตอนที่ผมไม่อยู่ อย่าลังเลไปที่จะไปปรึกษาเหล่านักผจญภัยคนอื่นๆล่ะ」
「เอ๋ แบบนั้นได้เหรอครับ?」
「อย่างน้อยพวกนั้นอาจจะฟังคำขอของพวกเธอก็ได้ โชคดีนะ」
หลังจากบอกความคิดเพียงด้านเดียวของผม ผมก็อำลากับพวกเขาจากนั้นก็กลับไปที่โรงแรม
ผมไม่ค่อยเหมาะสำหรับพวกเขาเท่าไร และผมเองก็ไม่เคยพูดคุยกับนักผจญภัยคนอื่นๆด้วย
แต่อาจจะไม่เป็นไรก็ได้ถ้าจะพูดคุยกับพวกนั้นดูบ้าง
「ยินดีต้อนรับกลับนะคะพี่ชาย」
「นาร์เซน่า?」
ความคิดของผมหยุดชะงักหลังจากเห็นนาร์เซน่ารออยู่หน้าโรงแรม
「ขอโทษด้วยนะคะหากทำให้ตกใจ…」
ผมไม่รู้ว่าทำไมนาร์เซน่าถึงมาอยู่หน้าโรงแรมแต่เมื่อเห็นผมตกใจ นาร์เซน่าก็ขอโทษออกมา
แต่ในวินาทีถัดมานาร์เซน่าก็พูดด้วยท่าทางจริงจัง
「แต่ว่าพวกเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกันค่ะ」
ดีเลย์ 1 ตอนนะ