[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 22
Ch.22 – ข้อผูกมัดของปาร์ตี้
Provider : รินคะน้า
ฮีลเลอร์ถูกถีบ Chapter 22 ข้อผูกมัดของปาร์ตี้
—นาเซน่า—
มองดูใกล้ๆแล้วก็สังเกตเห็นว่ามีผู้ชายบางคนมองมาที่ฉัน
คนเหล่านั้นน่าจะอยู่ตี้เดียวกันทั้งหมดกับอีกคนที่คว้าไหล่ฉันอยู่
「ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคนแบบพวกคุณหรอกคะ」
เมื่อพิจารณาถึงรูปร่างหน้าตาของชายเหล่านั้นฉันตัดสินใจว่ามันจะปลอดภัย ดังนั้นจึงเริ่มเดินออกไป
「เน่ เดี๋ยวก่อน!」
ชายคนหนึ่งตะโกนเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของฉัน
ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้นฉันก็เคลื่อนไหวต่อไป
「ขอเพียงแค่แปปเดียวเท่านั้น พวกเรามีบางอย่างอยากให้เธอได้ฟัง」
…อย่างไรก็ตามยิ่งพวกเขาถูกเมินมากเท่าไร พวกนั้นก็ยังคงตามฉันมาอยู่
เมื่อเห็นความพยายามที่ไม่ลดละเช่นนั้นของพวกนั้น
ท้ายที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสายตาอันต่ำทรามของพวกนั้นที่จ้องมองขณะที่กำลังติดตามฉันมาอย่างใกล้ชิดเช่นนี้กำลังทำให้จิตใจของฉันนั้นเริ่มเครียดและแสดงใบหน้าอันบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ
ไม่แปลกใจเลยที่ฉันจะเตะส่งไอ้คนที่มันกล้าเข้าใกล้ฉันมากไปกว่านี้
「ดูสิเราแค่ต้องการจะเชิญสาวน้อยอย่างเธอเข้าปาร์ตี้ของพวกเราก็แค่นั้นเอง」
อย่างไรก็ตาม ฉันที่ซ่อนความสงบใจไม่อยู่หันหลังกลับและเดินออกไป
อีกหน่อยถ้าฉันไปถึงตรอกด้านหลังได้ ฉันมั่นใจว่าฉันจะสามารถหนีจากพวกนี้ได้
ผู้ชายที่ติดตามฉันดูเหมือนจะมีอาชีพต่างๆ นักรบสองและนักเวทย์สองและฮีลเลอร์ ไม่มีใครเลยที่ดูจะมีสกิลเพิ่มความเร็ว
ในทางกลับกันฉันมีสกิลที่สามารถเร่งความเร็วในการเคลื่อนไหวถ้าฉันไปถึงสถานที่ๆมีเส้นทางซับซ้อนได้เช่นตรอกด้านหลัง ฉันมั่นใจว่าสามารถหนีจากพวกนั้นได้โดยใช้เวลาไม่นาน
ถ้าฉันวิ่งไปทางขวาหลังจากผ่านตรอกนี้ แต่ว่าก็ถูกขัด…
「ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะ นังนี่! พวกเราทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเธอเองนะ! ข้าจะบอกว่าให้ออกจากปาร์ตี้ของฮีลเลอร์ที่มีข้อบกพร่องนั้นและมาอยู่ปาร์ตี้ของเรา หมาป่าแห่งความหายนะ!」
「———!」
…… แต่เมื่อฉันได้ยินคำพูดเหล่านั้น ฉันก็หยุด
หมาป่าแห่งหายนะ ชื่อนั้นได้นำความทรงจำแห่งความเสียใจของพี่ชายกลับคืนมาซึ่งเขาบอกกับฉันเมื่อหลายปีก่อน
นั่นคือปาร์ตี้ที่เคยใช้ความรุนแรงในขณะที่กดขี่พี่ชายรวมถึงปาร์ตี้ที่ให้เหล่านักผจญภัยมือใหม่เหล่านั้นดึงพี่ชายเข้าปาร์ตี้ของพวกเขาและให้นำพี่ชายไปตาย ที่มอร์เซรอลนั่นเคยอยู่ด้วย
และตอนนี้ฉันเพิ่งสังเกตเห็นลักษณะของมอร์เซรอล พี่ชายบอกฉันว่าเหมือนกับนักรบที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของปาร์ตี้ หมาป่าแห่งความหายนะนี้
คนเหล่านี้ไม่ต้องสงสัยเลยเป็นคนที่คอยกดขี่พี่ชาย
เมื่อฉันรู้สึกได้เช่นนั้น ความโกรธทั้งหลายก็พุ่งเข้ามาในตัวฉันทำให้สายตาของฉันนั้นแดงก่ำ
「เธอเพิ่งจะรู้ตัวงั้นเหรอเนี่ย? ใช่แล้วเราคือ หมาป่าแห่งความหายนะ บุคคลที่ถูกกล่าวขานกันว่าเข้าใกล้ชั้นล่างมากที่สุด…」
ดูเหมือนว่าจะเข้าใจฉันผิด มอร์เซรอลพูดด้วยใบหน้าอันหยิ่งยะโส
「งั้นเหรอพวกแกเนี่ยสามารถเกือบไปถึงชั้นล่างได้ด้วยงั้นเหรอ? แม้แต่พี่ชายบุคคลที่ถูกทำให้เหมือนคนโง่ก็สามารถไปชั้นล่างได้สิ่งที่พวกแกพูดนั้นไม่ใช่ว่าพวกแกเองเหรอที่มีข้อบกพร่องน่ะ?」
「………หาาาาาา?」
โดยไม่ต้องรอจนกว่ามอร์เซรอลจะพูดเสร็จฉันก็พูดอย่างนั้น หมอนั่นแข็งทื่อกับคำพูดของฉัน แต่ฉันไม่สนใจฉันเริ่มปลดปล่อยความโกรธของตัวเอง
「แล้วยังไงล่ะ? ไม่ใช่ว่าพวกแกเองเหรอที่ขาดคุณสมบัติพวกแกไม่สามารถทำในสิ่งที่พี่ชายของฉันที่มีข้อบกพร่องทำได้? อันที่จริง แกแนะนำตัวเองว่าอะไรนะลองพูดอีกครั้งหนึ่งสิ?」
「ว่าไงนะ-!」
หลังจากที่ฉันพูดยังงั้นใบหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงไปด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามมอร์เซรอลไม่ได้หันความโกรธเหล่านั้นเข้าหาฉัน
「…ไอ้หมอนั่นมันก็แค่โชคช่วยล่ะวะ ถูกเชิญไปในปาร์ตี้ชั้นหนึ่งโดยบังเอิญและตอนนี้ก็ถูกไล่ออกจากที่นั่นแล้วนอกจากนั้นยังสามารถมาทำเงินจากชั้นล่างได้ด้วยคนมีความสามารถแบบเธอ」
มอร์เซรอลพูดด้วยเสียงอันสั่นเทาขณะที่ระงับความโกรธทั้งหมดเอาไว้
ภายในนั้น เขาเริ่มกระวนกระวายและคำพูดของหมอนั่นก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น
「นั่นเป็นสาเหตุที่น่าโชคร้ายเสียจริงที่เธออยู่ข้างหมอนั่น เธอจะไม่มีบทบาทอันโดดเด่นกับหมอนั่นเพราะเพียงว่าแม่งเป็นได้แค่ตัวถ่วง แต่ไม่ต้องกังวลไปตั้งแต่วันนี้ไปเธอที่มีความสามารถเท่ากับปาร์ตี้ของเราคือ…」
「ดูเหมือนว่าพวกแกทุกคนนั้นคิดว่าความแข็งแกร่งนั้นทำให้ไปเป็นนักผจญภัยชั้นหนึ่งได้งั้นสินะ? คิดได้แค่นั้นเหรอ?」
อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้หลงไปตามคำเชิญของมอร์เซรอล
ตรงกันข้ามฉันเย้อหยันคำพูดของหมอนั่น
「แม้ว่าแกจะคิดว่าถึงจะเป็นปาร์ตี้ชั้นหนึ่งแล้วก็ยังไม่สามารถลงไปชั้นล่างได้ใช่ไหมล่ะ? โอ้แม้ขอโทษด้วยนะคะที่หยาบคายขนาดนี้ แต่มันก็แค่ว่าตัวคุณเองเหมือนจะไม่ได้ไปต่ออีกต่อไปนะ นี่เป็นชะตากรรมของพวกที่มีจิตใจอันต่ำทรามที่ทำได้แค่ดูถูกคนอื่นไงล่ะ ไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ว่าคนที่ตัวเองดูถูกว่าโง่เขลานักหนาตอนนี้กลายเป็นนักผจญภัยชั้นหนึ่งไปแล้วสินะคะ」
「หนอยยยย!」
มอร์เซรอลพยายามจะหุบปากจากคำพูดของฉัน
เมื่อมองแวบแรกเขาดูสงบเปรียบกับคำตอบก่อนหน้านี้ แต่ภายในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธซึ่งมันแดงก่ำและรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าการชี้ความจริงให้พวกนั้นเห็นมันสร้างบาดแผลมากกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้
「…พวกแกอย่าปล่อยให้นังนี่หนีไปได้นะเว้ย!」
จากนั้นความโกรธ มอร์เซรอลกำกำปั้นของเขาและกระโดดเข้าหาฉัน…
◆ ◆ ◇
「…เหหหห~ มันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะคะเนี่ยที่นักผจญภัยจะมาสู้กันเองกลางเมืองแบบนี้.」
เมื่อเห็นมอร์เซรอลที่พุ่งเข้ามาหาฉันก็ได้แต่ถอนหายใจ
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การแสดงไว้ให้เห็น แต่จริงๆแล้วมันถูกเขียนไว้ในกฏของกิลด์
แต่ดูเหมือนว่ามอร์เซรอลนั้นจะไม่ได้ยินเสียงฉันอีกแล้ว
ความโกรธมากแค่ไหนกันนะที่กลืนกินหมอนั่นเข้าไป
แม้แต่ความเกลียดชังทางสายตาก็เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่าฟัน
อย่างไรก็ตาม การได้เห็นหมอนั่นเป็นแบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันกลัวแม้แต่น้อย
「ไม่ใช่ว่าสิ่งที่พวกแกทำกับพี่ชายมันเลวร้ายซะยิ่งกว่านี้ไม่ใช่เหรอไงย่ะ!」
เพราะว่าฉันโกรธยิ่งกว่าหมอนั่นอีก
จากนั้นฉันก็ส่งผ่านความรู้สึกนั้นไปที่มอร์เซรอลที่พุ่งเข้าใส่ฉันด้วยกำปั้นของฉัน
ฉันปล่อยหมัดออกไปที่หน้าท้องของหมอนั่นที่พุ่งเข้ามา
「อั่ก!」
ในขณะนั้นเองหนึ่งในสกิลของฉันก็ทำงาน
แรงกระแทกของกำปั้นของฉันถูกส่งผ่านเกราะ ผิวหนังและกล้มเนื้อตรงไปยังอวัยวะภายในของหมอนั่น
นี่เป็นสกิลเฉพาะของผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้
แต่เดิมแล้วศิลปะการต่อสู้ไม่มีทักษะในการเสริมกำลังร่างกายและต้องการเครื่องมือเวทย์ในการสนับสนุนความสามารถทางกายภาพของพวกเขา
แต่ถึงแม้จะพิจารณาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้แล้วมันก็ยังมีประโยชน์ เหตุผลเพราะว่าสกิลนี้ในบางครั้งก็สามารถล้มมอนที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ได้ในครั้งเดียว
นอกจากนี้สกิลของฉันยังเป็นสิ่งที่พิเศษมันมีผลของการเพิ่มพลังในกำปั้นของฉันเข้าไปด้วย
「อ๊ากกกกกกกกกก!」
และมอร์เซรอลที่โดนหมัดของฉันเข้าไปก็บิดไปมาบนพื้น
ฉันไม่ได้โจมตีด้วงพลังทั้งหมดของฉัน เพราะมันน่ารำคาญถ้าเผลอฆ่าหมอนี่ไป
แต่เมื่อเห็นสถานะปัจจุบันของเขา ฉันก็ตัดสินใจว่าหมอนั่นคงไม่ลุกมาอีกสักพัก
「…เท่านี้ก็ถึงขีดจำกัด หืม?」
เมื่อรู้ว่ามันอ่อนแอกว่าที่คิด
แน่นอนว่ามอร์เซรอลได้รับการกล่าวขานว่าใกล้เคียงกับคนที่ลงไปชั้นล่างมากเขามีสกิลเสริมพลังกายและความคล่องแคล่วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขาพึ่งพาสกิลมากเกินไปเกินกว่าการเคลื่อนไหวพื้นฐานเสียอีกมันเลยดูเหมือนมือสมัครเล่น
ถ้าปาร์ตี้ของเขาเป็นแบบนี้ฉันก็สามารถตบพวกมันทั้งสี่หรือห้าคนพร้อมกันได้
ด้วยวิธีที่ฉันจัดการกับหัวหน้าด้วยการโจมตีครั้งเดียว ฉันคิดว่าหมาป่าแห่งความหายนะคงจะหนีไปที่ไหนสักแห่ง
「อะไ-!」
……อย่างไรก็ตามเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นฉันก็เสียคำพูดเพราะการกระทำของพวกหมาป่าแห่งหายนะทำ
「จิตวิญญาณแห่งต้นไม้เอ๋ย-!」
อย่างไรก็ตามนักเวทย์ของหมาป่าแห่งความหายนะกำลังร่ายเวทย์ขณะที่นักรบของพวกเขานั้นชี้ดาบมาที่ฉันเห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ฉันไม่สามารถซ่อนความกระวนกระวายได้เมื่อเห็นการกระทำพวกนั้น
กิลด์นักผจญภัยคงไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเพียงเพราะการทะเลาะกันของนักผจญภัยเป็นแน่
อย่างไรก็ตามการฆ่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากมีสิ่งใดที่กิลด์นักผจญภัยที่เข้มงวดก็คือมันเป็นกฏเกี่ยวกับการฆ่ากันเองของนักผจญภัยและพวกหมาป่าแห่งหายนะนี่กำลังข้ามเส้นที่ว่านั่นอยู่
ยิ่งกว่านั้นการเห็นพวกนั้นทำสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยทำให้ความยุ่งยากมากขึ้นไปอีก
ท้ายที่สุดหมาป่าแห่งความหายนะเห็นได้ชัดว่าใช้ประโยชน์จากการที่ฉันลดความระมัดระวังตัวหลังจากที่จัดการมอร์เซรอลลงไป
สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่การตัดสินใจที่ไม่ใช่การกระทำได้ทันทีแต่เป็นการตัดสินใจล่วงหน้าไว้แล้ว
เมื่อเห็นการกระทำของพวกเขาทำ ฉันก็คาดเดาได้
บางที พวกหมาป่าแห่งความหายนะตั้งใจจะโจมตีฉันตั้งแต่เริ่มแล้ว
ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่มีเวลาให้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แบบช้าๆหรอก
ไม่ว่าจะเป็นคำร่ายที่สั้นลงของนักเวทย์ที่กำลังจะร่ายเสร็จแล้ว ช่างโชคร้ายว่าที่นี่เป็นเพียงแค่ตรอกแคบๆ
เวทย์ที่ถูกเปิดใช้งานจะขยายอำนาจและระยะครอบคลุมไปถึงสถานที่ทั้งหมด
ฉันไม่มีเวลาที่จะหาทางหลบหนีอีกต่อไป
นอกจากนี้ฉันไม่มีความมั่นใจว่าฉันจะสามารถหลบหลีกเวทย์จากระยะนี้ได้ด้วย
「ฮ่าาาาาาา-!」
นั่นคือเหตุผลที่ฉันตัดสินใจว่ายังมีเวลาเพียงพอที่จะยกเลิกเวทย์ฉันจึงพุ่งไปด้านหน้า
เมื่อเปรียบเทียบกับระยะทางที่จะหลบหนีฉันเชื่อว่าระยะห่างระหว่างฉันกับนักเวทย์นั้นใกล้กว่า
ในบรรดาสกิลการเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายและสกิลอื่นๆที่ฉันมีคือสกิลเพิ่มความเร็ว
เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยสกิลนั่น ฉันปิดระยะห่างระหว่างฉันและผู้ใช้เวทย์
「อะไร-!」
จากนั้นไม่ว่าจะเป็นเพราะนักเวทย์นั้นตกใจจากการเคลื่อนไหวของฉัน แต่ว่าหมอนั่นก็เปิดช่องว่างเล็กน้อยในการเคลื่อนไหวของตัวเอง
ในขณะนั้นเองฉันยิ้มมั่นใจในชัยชนะของฉัน
ในขณะที่ฉันกำลังจะถีบกำแพงเพื่อเข้าใกล้ระยะห่างระหว่างฉันกับนักเวทย์นั่นแม้ช่องว่างเพียงเล็กน้อยแต่มันก็ร้ายแรงเพียงพอที่จะจัดการได้
ฉันพยายามโจมตีนักเวทย์เหนือหัวของนักรบของหมาป่าแห่งความหายนะที่ยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อป้องกันนักเวทย์
… อย่างไรก็ตามความโชคร้ายก็เข้าปะทะฉัน
「ฮี้!」
「อั่ก!」
เมื่อฉันกำลังจะเดินไปเหนือศีรษะของนักรบนั่นเขายกดาบขึ้นเหนือศีรษะของเขาและกระแทกท้องของฉันด้วยการจับ
ความเร็วของฉันปะทะเข้ากับแรงกระแทกอย่างเต็มที่ทำให้ฉันช้าลง
「อั่กกกกก!」
ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังยื่นมือออกไป
ช่างน่าเวทนามือของฉันเอื้อมไปไม่ถึงและเวทย์ก็ถูกร่ายเสร็จสมบูรณ์
「-จงผูกมัดศัตรูของข้า!」
และจากนั้นไม้ที่เลื้อยออกมาจากพืชบางชนิดที่นักเวทย์ใช้ได้พันเข้าที่ข้อเท้าฉันทำให้ร่างกายเสียสมดุลและฉันก็ล้มลงกับพื้น
◆ ◆ ◇
「นี่ อั่ก ปล่อยฉันนะ!」
หลังจากถูกมัดตัวฉันพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากไม้ที่พันตามขาของฉันอย่างสิ้นหวังขณะนอนราบกับพื้น
อย่างไรก็ตามด้วยขามแข็งแกร่งทางกายภาพของฉันไม่สามารถแม้แต่จะทำให้รากไม้เหล่านั้นหลุดได้เลย
ฉันยังไม่ยอมแพ้และพยายามขยับร่างกายต่อไป แต่มันก็เปล่าประโยชน์
「ดูดีไม่เลวเลยนี่.」
คำพูดที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยดังกึกก้องจากข้างหลังฉัน
เมื่อได้ยินเสียงนั่นฉันก็หันศีรษะกลับไปก็พบกับมอร์เซรอลหัวเราะเยาะฉันขณะที่กุมท้องด้วยใบหน้าที่ยังคงแสดงถึงความเจ็บปวด
「แววตาของเธอไม่ได้ทำให้ข้ากลัวหรอกนะ เธอในตอนนี้ต้องอยู่ในสภาพที่ดูน่าสงสาร.」
ฉันจ้องมองไปยังมอร์เซรอลว่าเป็นแววตาแห่งการต่อต้าน แต่ทั้งหมดนั้นก็ทำให้มอร์เซรอลมันลั้นลามากขึ้นไปอีก
「ไม่มีทางนี่เธอจะตกหลุมรักกับไอ้หนุ่มรักษาที่มีข้อบกพร่องนั้นใช่ไหม ช่างโง่เขลาเสียจริง!」
「แม่งมีดีแค่หน้าตาแหละวะ!」
「ข้าได้ยินมาว่าไอ้ข้อบกพร่องเบื้อกนั่นตัดพ้อพนักงานต้อนรับอย่างโง่ๆด้วยวะ ถ้าข่าวลือนั่นเป็นจริงกูจะไปจับมันเองแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริงวะ!」
หมาป่าแห่งหายนะกำลังเยาะเย้ยฉัน
「ถ้าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น ไอ้คนมีข้อบกพร่องโง่ๆนั่นแม่งก็คงรู้จุดยืนตัวเองไปนานแล้ว!」
「อ่าาาา ข้ากำลังตั้งตารอเลยล่ะ… นอกจากนี้ยังเป็นการดีที่จะทำอะไรบางอย่างกับเธอคนนี้หลังจากที่พวกเราแยกเธอออกจากหมอนั่นสินะ?」
「เดี๋ยวก่อน อย่าทิ้งฉันไว้ตรงนี้!」
「เออก็ดีท้ายที่สุดเราก็จะขายเธอในฐานะทาสผิดกฏหมาย แต่ว่ายังไม่มีเวลาแน่นอน เพราะฉะนั้นมีเวลาเหลือเฟือเลยวะ」
「เจ๋งเป้ง! โอ้ววว ถ้านักผจญภัยคนนี้หายตัวไปในทันทีก็สงสัยจังเลยวะว่าแม่งจะทำหน้าแบบไหน!」
สิ่งที่พวกเขาเริ่มพูดถึงคือสิ่งที่ฉันทนไม่ได้ที่จะฟัง ใบหน้าของฉันบิดเบี้ยวจากความผิดหวังและความละอายอย่างไรก็ตามฉันยังคงมองไปรอบๆอย่างหมดหวัง
เพื่อจะก้าวผ่านสถานการณ์ตอนนี้ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองฉันก็เลิกต่อต้านและยิ้มออกมา
「นี่ เธอ」
「คิย้าา!」
หมาป่าแห่งหายะไม่ได้สังเกตเห็นการแสดงออกของฉัน แต่เมื่อรู้โดยสัญชาตญาณว่าฉันเลิกต่อต้านไปแล้วนักรบคนหนึ่งก็ดึงฉันขึ้นมาด้วยมือเพื่อบังคับให้ฉันยืนขึ้น
「.. นี่เธอวางแผนอะไรอยู่กันหะ?」
จากนั้น มอร์เซรอลถามด้วยเสียงอันเบาและดวงตาที่จ้องมองมา
มันเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาที่ต้องการจะฆ่าฟัน แตฉันก็เพียงแค่ยิ้มเท่านั้นเอง
ด้วยรอยยิ้มอันสดใสมันดูเหมือนว่าฉันจะทำให้พวกนั้นมันสนุกแทน
「พวกแกทุกคนไม่สามารถเอาชนะพี่ชายได้หรอกนะคะ」
「หนอยยย!」
ในขณะนั้นเป็นที่ชัดเจนว่าใบหน้าของมอร์เซรอลนั้นอ่านไม่ออกแล้ว
แม้จะมีความได้ปรียบอย่างท่วมท้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกหงุดหงิดที่โดนดูถูก
จากนั้น มอร์เซรอล ยกกำปั้นขึ้นมาแล้วอ้าปาก
「แม่งก็แค่ขยะ-…」
「ไม่ล่ะ ขยะน่ะมึงต่างหาก」
ยังไงก็ตามมอร์เซรอลไม่สามารถพูดจนจบประโยค
「อ๊ากกกกกก!?」
เพราะก่อนหน้านั้นเขาถูกคนที่ลงมาจากด้านบนทำให้หมดสติไป หัวหน้าของปาร์ตี้ถูกชายที่ไหนก็ไม่รู้มาโจมตี
พวกที่เหลือก็พยายามจะเพิ่มขนาดล้อมฝ่ายตรงข้าม แต่จิตสังหารอันรุนแรงที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากชายคนนั้นทำให้พวกนั้นชะงัก
อย่างไรก็ตามในขณะที่ชายคนนั้นหันมามองฉันจิตสังหารทั้งหมดก็หายไปราวกับเรื่องโกหกมันถูกแทนที่ด้วยความโล่งใจลงบนใบหน้าของเขา
「ขอโทษที่มาช้านะ นาเซน่า」
ในขณะนั้นเองฉันรู้สึกว่าดวงตาของฉันมีน้ำตาไหลออกมา
หาฉันถูกถามว่านี่เป็นสถานการณ์ที่อันตรายหรือไม่ฉันอาจจะทำได้เอียงหัวเท่านั้นเอง แม้กระทั่งตอนที่พี่ชายปรากฏตัวออกมาฉันก็รู้สึกว่าตัวเองกังวลมากกว่าที่คิด
แต่ตอนนี้ฉันมีพี่ชายอยู่กับฉันความตึงเครียดทั้งหมดของฉันก็หายไปเพื่อให้เขารู้ ฉันจึงยิ้ม
「ขอบคุณที่มาช่วยนะคะ!」