[นิยายแปล]กาวฮีล - ตอนที่ 17
Ch.17 – อาจารย์ผู้บ้าบิ่นของผม
Provider : รินคะน้า
ฮีลเลอร์ถูกถีบ Chapter 17 อาจารย์ผู้บ้าบิ่นของผม
—ราอุส—
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าทำให้ผมเสียสมาธิไปชั่วครู่
ผมไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจที่ผมรู้สึกได้ทุกๆอย่างต่างกลับมารวมตัวกัน ผู้มีพระคุณที่สอนให้ผมรู้จักพลังขุมใหม่เมื่อหลายปีก่อน
「เฮ้อออออ~ เอาจริงๆเลยนะครับ อาจารย์จะโชว์ตัวเปิดเผยแบบนั้นไม่ได้นะครับ…」
「นั่นมันคำพูดของฉันต่างหากย่ะ เจ้าศิษย์โง่นี่」
「… เออ๋? อาจารย์ ศิษย์โง่?」
… อย่างไรก็ตามจะว่าโชคดีหรือร้ายกันแน่ ที่ผมคุ้นเคยกับการกระทำที่คาดไม่ถึงของอาจารย์ของผมไปแล้ว
หลังจากนั้นผมก็สามารถได้รับความแข็งแกร่งในปัจจุบันเพราะสองสามเดือนที่อยู่ใต้คำสอนของอาจารย์ ผมถูกลากไปเควสต่างๆมากมายโดยไร้เหตุผล อาจารย์ของผมนะเป็นพวกไร้เหตุผลสุดๆเลยไงล่ะ
「ไม่มีทางน่า อาจารย์และนาเซน่าเป็นคนรู้จักกันงั้นเหรอ? เอาจริงเหรอเนี่ย โอกาสอะไรฟะ…」
นั่นคือเหตุผลที่ผมพูดในขณะที่บอกเป็นนัยว่ามันเป็นเพียงการกระทำของอาจารย์ตามปกติเท่านั้น
「… อย่างที่ฉันพูดนั่นแหละ ทางนี้ต่างหากล่ะที่ต้องพูดแบบนั้นนะ.」
「…หาาาาาาา?」
… อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของอาจารย์นั่นเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับที่ผมรู้จักเลย การแสดงออกของเธอดูอ่อนแอลงเยอะเลยนะ
ผมรู้สึกไม่สบายใจเลยเมื่อเห็นเธอถอนหายใจลึกๆแบบนั้น เพี้ยนเกินไปแล้วปกติเธอจะทำสีหน้ามุ่งมั่นและสง่างามอยู่ตลอดไม่ใช่เรอะ
หลังจากนั้นภาพของอาจารย์ของผมคือคนที่แข็งแกร่ง ที่มักจะพูดบ่อยๆว่า “พยายามผลักดันตัวเองให้ก้าวหน้า ถ้าหากมีเวลาเหลือให้คิดละก็นะ”
และนั่นไม่เพียงแค่นั้นที่ภาพลักษณ์ของเธอที่มีต่อผม แต่ยังกล่าวได้ว่ามันเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปของเธอเลยต่างหาก
นักเวทย์ระดับโลก เทพธิดาแห่งเพลิง ราลม่า(Ralma)
นั่นคือชื่อที่สองของอาจารย์ผมเอง
ร่างกายที่ดูยั่วยวนและใบหน้าที่สวยงามรูปลักษณ์ของเธอที่ดูจะอายุยี่สิบปลายๆ
แต่รูปร่างหน้าตาของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเมื่อเทียบกับตอนที่ฝึกอยู่กับเธอเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาดังนั้นอายุของเธอจะไม่น่าเป็นข้อบกพร่องอะไร ผมได้ยินมาว่ามันยากมากสำหรับนักเวทย์และนักรบที่เก่งกาจจะมีอายุเพียงแค่นี้ ดังนั้นมันไม่แปลกเลยสักนิด
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธออายุเท่าไรแล้ว แต่จากการปรากฏตัวของเธอเพียงอย่างเดียวก็บอกได้แค่ว่าสวยงาม
ยังไงก็ตามรูปร่างหน้าตาที่ดูสะดุดตาที่สุดของอาจารย์ของผมมันไม่ใช่รูปร่างในตอนนี้ เธอที่มีเปลวเพลิงเหมือนเส้นผม
ผมเคยได้ยินจากอาจารย์ว่าผมสีแดงของเธอเป็นที่มาของชื่อที่สองของเธอเป็นสัญญาณของคนที่มีพลังเวทย์จำนวนมาก
เมื่อพิจารณาความสามารถของอาจารย์อย่างมากแล้วสิ่งที่พูดนั่นก็แทบเป็นความจริงเลยล่ะ
เธอมีสกิลพิเศษถึง 4 ประเภท รวมถึงสิ่งที่เธอได้มาระหว่างล่าในดันเจี้ยนด้วย
อาจารย์นั้นเป็นคนเดียวเท่านั้นที่มีความสามารถยิ่งกว่านักผจญภัยชั้นหนึ่ง
แต่นั่นไม่ใช่ความสามารถของเธอเท่านั้น
ใช่แล้ว มันเป็นความสามารถที่ทำให้เธอสามารถใช้เวทย์ได้โดยไม่สนสกิล เพิ่มอีกอย่างคือเธอยังสามารถสู้ระยะประชิดได้แม้จะเป็นนักเวทย์และสามารถตบอาชีพอย่างนักรบปกติได้ง่ายๆ
และนั่นคือเทคนิคที่ผมเรียนรู้มาจากอาจารย์ของผมเทคนิคในการจัดการเวทย์โดยไม่พึ่งสกิล
ผมนั้นได้เธอแนะนำเป็นเวลาหลายเดือน
ในช่วงเวลานั้นเองผมก็สามารถเรียนรู้เวทย์ที่ไม่ต้องพึ่งสกิลได้
หากไม่มีเทคนิคนั่น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไปถึงระดับสูงสุดของผมได้ในปัจจุบัน
ไม่สิ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น
บางทีผมควรจะพูดว่าอาจารย์ของผมเป็นคนที่มีบุคลิกยอดแย่เลยล่ะ
…… ความจริงแล้วความรุนแรงนั้นเป็นมากกว่าสิ่งอื่นใดที่ผมได้รับจากเธอในทุกๆวัน
ถึงกระนั้นเองอาจารย์ก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่ได้ดูถูกผมเลยแม้แต่น้อย
…… แม้ว่าผมจะไม่เต็มใจที่จะพูดเรื่องนี้นัก แต่เธอก็ช่วยผมไว้อย่างแน่นอนเลยล่ะ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องขอบคุณอาจารย์เอามากๆ
อย่างไรก็ตามภาพลักษณ์ของอาจารย์ที่อยู่ในใจของผมนั้นยังคงเป็นปึกแผ่นอยู่ในใจ เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากและเป็นคนน่ารำคาญ
「… เอ่อ อาจารย์ครับหัวไปกระแทกอะไรมารึเปล่าครับ?」
…… ดังนั้นทำไมเมื่อผมเห็นสายตาของอาจารย์ถอนหายใจด้วยการแสดงออกแบบนั้นผมจึงถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
「ฉันคิดว่าฉันคงต้องจัดการนายอย่างเหมาะสมหน่อยสินะ…… แกคิดว่าใครผิดกันล่ะที่ทำให้ฉันต้องถอนหายใจแบบนี้นะหาาาาา?」
ในขณะที่ทำหน้าบึ้งกับการแสดงออกของผม อาจารย์ก็บ่นพึมพำภายใต้ลมหายใจเหล่านั้น
「ราอุส นายรู้จักเธองั้นเหรอ?…… เห้ย เดี๋ยวนะอย่าบอกนะว่านายเห็นนาเซน่าเป็น-」
「อ๋าาาาาาาาา! ราลม่าซัง จะพูดอะไรกันคะเนี่ย!?」
「อะไรน-!?」
… ก่อนที่อาจารย์จะพูดจบประโยคของเธอนาเซน่าที่ตกใจตั้งแต่ตอนนั้นก็ฟื้นตัวขึ้นมาทันทีและในขณะที่หน้าแดงก็ตะโกนเพื่อซ่อนคำพูดของอาจารย์ของผม
ผมตกใจเมื่อเห็นนาเซน่าตะโกน
「เอาจริงๆเลยนะ จะพูดอะไรกันแน่คะ! คิดจะพูดอะไรกันแน่ หึ!」
ได้ยินเสียงนาเซน่ากรีดร้องอาจารย์ของผมก็รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่สังเกตเห็นผมอยู่ในจุดนั้นเลย
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่อาจารย์ของผมพยายามจะพูดคือสิ่งที่นาเซน่าไม่อยากให้ใครรู้แน่ๆ
「โฮววววววว น่าสนใจเลยนะเนี่ย」
「—— อ๋าาาา!」
… อย่างไรก็ตามเมื่อมองท่าทางของอาจารย์แล้วดูเหมือนจะได้ผลตรงกันข้ามกับนาเซน่า
รอยยิ้มขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอาจารย์ของผมดูเหมือนจะเป็นสัญญาณของการพิจารณาปฏิกิริยาที่น่าสนใจของนาเซน่า
เสียงกรีดร้องที่เงียบสงัดมาจากปากของนาเซน่า เมื่อเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันได้ผล
นาเซน่ากำลังน้ำตาไหล
「เอาจริงๆนะ หยุดเถอะคะ…」
「หมายความว่ายังไง? ฉันก็แค่อยากจะบอกว่ามันน่าสนุกแค่ไหนกันนะที่จะได้พูดคุยเกี่ยวกับศิษย์โง่ของฉันในอดีตเนี่ย」
บางทีปฏิกิริยาของนาเซน่าอาจทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง แต่การล้อเล่นมันก็มากขึ้นไปอีก
ช่างเป็นนิสัยที่แย่เสียกระไรนี่ อาจารย์นั้นเป็นเจ้าแม่ตัว S (Sadist) หมายความว่าเธอจะไม่หยุดจนกว่าจะเห็นน้ำตาของนาเซน่า
และมันมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นไปอีก
เมื่อคิดอย่างงั้น ผมก็ตัดสินใจที่จะเสี่ยงจะโยนเส้นชีวิตของนาเซน่าออกไป
มันไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่นาเซน่าซ่อนอยู่ แต่ผมก็ไม่ต้องการบังคับเธอเท่านั้นเอง
「ผมมาที่นี่เพื่อเป็นคนคุ้มกันให้นาเซน่าเท่านั้น ดังนั้นผมจะไปรออยู่ข้างนอกนะครับ」
「พี่ชายค่าาา!」
เมื่อได้ยินคำพูดของผมนาเซน่าเปล่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ
「ชิ!」
… แม้ว่าจะมีคนหนึ่งที่เดาะลิ้นของเธอแทนดูเหมือนว่าบุคลิกของเธอยังคงห่วยแตกตามเดิม
ไม่เพียงแค่นั้น แต่อาจารย์ของผมขอให้ผมจับความหมายของสิ่งที่เธอพูดด้วยตา แต่ว่าผมทำเป็นเมินและไม่สนใจ
ครั้งนี้ ผมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่หักหลังนาเซน่า
… ยังไงก็ตามการกระทำของผมนั้นทำให้อาจารย์โกรธมากขึ้นอีก
「หนอยยยยย!」
ในเวลาต่อมาอาจารย์ก็ใช้เวทย์บางอย่างเข้าหาผม
มันเป็นเวทย์ที่ใช้พลังเวทย์เท่านั้นที่สามารถใช้งานได้โดยไม่พึ่งสกิล ใบหน้าของผมแข็งทื่อเมื่อผมรู้ว่าสิ่งที่อาจารย์ของผมส่งมาให้ผมโดยพลังโจมตีเพียงอย่างเดียวมันเป็นเวทย์ที่ไม่สามารถฆ่าหรือกระทบกระเทือนใครบางคนได้ แต่มันเป็นเวทย์อันร้ายกาจที่หากโดนมันก็จะถูกโจมตีด้วยอาการคลื่นไส้รุนแรงเป็นเวลาหลายวัน
ไม่กี่ปีก่อน ผมมีวันที่แย่มากจากการโจมตีนั่น เพราะงั้นต้องขอบคุณประสบการณ์นั่น
「เหวออออ!」
ตอนนี้้ผมไม่มีความปรารถนาที่จะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดราวกับตกนรกนั่นอีกแล้ว ผมหลบทรงกลมนั่นได้สำเร็จหลังจากความพยายามอย่างสุดกำลังแล้วผมก็กลับท่าทางเพื่อให้ตัวผมเองพร้อมที่จะรับการโจมตีของอาจารย์ครั้งต่อไป
「… หืออออ?」
… แต่เมื่อผมเห็นสีหน้าของเธอผมหยุดเคลื่อนไหว
อาจารย์ของผมยิ้ม ยิ้มอย่างร่าเริงจริงๆเลยล่ะ
「เข้าใจแล้ว ถ้างั้นแบบนี้ละเป็นไง.」
แม้ว่าผมจะยอมให้เธอโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวแล้วเธอก็เริ่มอารมณ์ดีซึ่งในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกอึดอัดเป็นบ้า
「ฉันเปลี่ยนใจล่ะ ออกไปจากห้องนี้ซะเจ้าศิษย์โง่นี่ ฉันอยากจะคุยกับนาเซน่าแล้ว」
「……ครับ」
… ด้วยเหตุผลนั้นเอง ในขณะที่ผมสงสัยเกี่ยวกับเหตุผลที่เธอเปลี่ยนใจในทันใดนั้นผมก็ออกจากห้องโดยไม่พูดตอบกลับอะไรมากมาย