[ นิยายแปล ] สารภาพรักไป99ครั้งก็ยังไม่ไหวงั้นหรอ!? - ตอนที่ 4
“กลับมาแล้ว~”
หลังจากที่เซอิจิฝากฝังเรื่องคิรินให้ทั้ง2คน ก็รีบดิ่งตรงกบับมาบ้าน
จริงๆก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่หรอก แต่ด้วยสถานการณ์แบบนั้นจึงช่วยไม่ได้เซอิจิพูดกับตัวเอง
“อาระ ยินดีต้อนรับจ่ะ อาหารเย็นยังไม่เสร็จจะไปรอในห้องก่อนก็ได้นะ”
“อืม แล้วเมนูวันนี้คือ?”
“หมูทอดกระเทียมจ่ะ” [tl:คล้ายๆของบ้านเรานั่นแหละ]
“อืม ถ้าเสร็จแล้วเรียกด้วยนะ จะไปรอที่ห้อง”
บ้านของเซอิจินั้นเป็นแค่บ้านธรรมดา
พ่อทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ส่วนแม่ก็เป็นแม่บ้าน
บ้านนี้เป็นบ้านเดี่ยว มี2ชั้น ซึ่งก็บ้านทั่วไปไม่ได้มีอะไรพิเศษ
แต่ว่าในบ้านที่แสนธรรมดาหลังนี้ ก็มีสิ่งที่น่าประหลาดใจอยู่เหมือนกัน
“อะ กลับมาแล้วหรอ”
“อืม ยินดีต้อนรับ”
หลังจากที่เซอิจิเดินขึ้นมาชั้น2 ก็ประจวบเหมาะตอนที่น้องสาวเดินออกมาจากห้องพอดี
น้องสาวมีชื่อว่าอิชิกิ มินาโฮะ เป็นสาวสวยมีสไตล์ สวยจนสงสัยว่าพ่อแม่ให้กำเนิดผู้หญิงคนนี้มาได้อย่างไร แถมน้องสาวยังเป็นโมเดลในนิติยสารอีกด้วย
พักนี้ ก็เหมือนจะมีพวกแมวมองจากบริษัทเสื้อผ้าบ้าง ไอดอลบ้างมาทาบทามอยู่ เพราะนิติยสารที่ขายดีจัด แต่ก็ดูเธอจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไร
“เกะกะ หลบไป”
“เฮ่เฮ่”
แบบนี้แหละ พี่น้องไม่ค่อยถูกคอกันเท่าไร
แต่ว่า เซอิจิคิดว่าสำหรับพี่น้องในวัยนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
เซอิจิอยู่มอปลายปี1 ส่วนมินาโฮะอยู่มอต้นปี3 ทั้งคู่ต่างถือได้ว่า กำลังอยู่ในช่วงก้าวสู่วัยรุ่น ก็คือวัยต่อต้าน
“เฮ้อ ทั้งๆที่เมื่อก่อนสนิทกันกว่านี้แท้ๆ”
เซอิจิหวนนึกถึงอดีตขณะที่เปิดเข้าไปในห้องและล้มตัวลงบนเตียงนอน
“อ่าา… เหนื่อยชะมัด…”
แล้วเซอิจิก็นึกย้อนกลับไปเรื่องก่อนหน้านี้
โชคดีที่ตัวเองไปทันเวลาพอดีก่อนที่คิรินจะถูกลักพาตัว
“เห้อ ไม่คิดเลยว่าจะโดนปฏิเสธมาแบบนี้”
ทั้งๆที่มีโอกาสได้กลับบ้านด้วยกันและสานสัมพันธ์กันแท้ๆ แต่ก็ทำไม่ได้เป็นเพราะตัวเองเลย
เซอิจิเข้าใจว่ามันเป็นผลพวงมาจากการที่เขาไปสารภาพรักถี่ๆแบบนั้น แต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดี
“อ้าาา อยากกลับด้วยกันง่าาา!”
เซอิจิกลิ้งไปมาบนเตียงและลั่นความปรารถนาออกมา
ถูกปฏิเสธมาอย่างสมบูรณ์แบบ และเซอิจิก็ถอนหายใจออกมา
“เห้ออ.. พรุ่งนี้.. ก็คงไม่ได้สินะ”
เซอิจิที่คุยโวกับพวกนั้นไปแล้ว แต่ความมั่นใจของเขากลับลดน้อยลง
ที่ผ่านมามีทั้งหัวเราะมีทั้งน้ำตา แต่พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว
เซอิจิจำได้ลางๆถึงตั้งแต่ตอนที่เขาสารภาพรักครั้งแรกได้ทำอะไรไปหลายอย่างเลย
“อืม มันก็ไม่ได้ปล่าวประโยชน์สะทีเดียว ละมั้ง?”
ตั้งแต่เปิดเรียนมาได้3เดือน เซอิจิได้สารภาพรักมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
เซอิจิก็เริ่มรู้สึกแปลกที่การสารภาพรักที่เป็นกิจวัตรประจำวันจะหายไป
“ช่วยไม่ได้สินะ..”
เซอิจิไม่รู้แล้วว่าที่กำลังทำอยู่ สิ่งไหนถูก สิ่งไหนผิด
แต่ถ้าคิดถึงความรู้สึกอีกฝั่งล่ะก็ควรรามือตั้งแต่ตรงนี้จะดีกว่า คิดไปแล้วเซอิจิก็หลับตาลง
“อาา พรุ่งนี้ไม่อยากไปเลยน้า”
พรุ่งนี้ บอกจะยอมรามือแล้วแท้ๆ แต่ว่าพอคิดว่าจะถูกปฏิเสธก็เริ่มกลัวขึ้นมา
และเซอิจิก็หลิ้งบนเตียงด้วยความกังวล
“เซอิจิ~! ข้าวเสร็จแล้ว~!”
เสียงแม่เรียกดังขึ้นมา
เซอิจิลุกจากเตียงแล้วลงไปที่ห้องนั่งเล่น
เหมือนกับปกติที่ห้องนั่งเล่นมี พ่อ แม่ และมินาโฮะอยู่
“หิวจัง~”
“วันนี้มาสายจังนะ ไปทำอะไรมาล่ะ?”
“คาราโอเกะกับเพื่อน”
“คาราโอเกะเหรอ น่าคิดถึงจังน้า สมัยก่อนพ่อก็ชอบไปเหมือนกัน ใช่มะ แม่”
“เอะ อย่างงั้นหรอ?”
“เคยไปไม่ใช่รึไง ตอนวัยรุ่นไงล่ะ”
“อาา นั่นสินะ เคยมีเรื่องแบบนั้นด้วยสินะ”
“พักนี้แม่ดูเย็นชาจังนะ”
ขณะที่ทานข้าวพวกเรามักจะมีบทสนทนากันแบบนี้เสมอ
ส่วนตัวนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพ่อแม่ ให้พูดคือมีความสัมพันธ์ที่ดี
แต่ยกเว้นกับมินาโฮะอะนะ
“นั่นน่ะ ส่งมาหน่อย”
“หืม อา นี่”
“อืม ขอบคุณ”
ไม่ได้เป็นแบบนี้เลย
มินาโฮะไม่ใช่คนที่มีนิสัยเย็นชา กับพ่อแม่ก็พูดได้ปกติ
ไม่รู้เพราะอะไรถึงเป็นกับแค่เซอิจิ จะมีความเย็นชาแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“จะว่าไปมินาโฮะ จะไปถ่ายอีกทีตอนไหนล่ะ?”
“อาทิตย์หน้า บางทีอาจจะกลับมาช้าเพราะได้ยินมาถ่ายตอนกลางคืน”
“พ่อคิดไม่ถึงเลยนะ ว่ามินาโฮะจะได้เป็นโมเดลแบบนี้”
“ถึงจะบอกว่าโมเดลก็เถอะ แค่โมเดลนิติยาสารธรรมดา อืม มันเป็นแค่ของกลุ่มแวดวงการเรียนด้วย ก็แค่ทำเพราะคิดว่าจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง”
“แต่วันก่อน ก็มีโปรดิวเซอร์มาหาด้วยไม่ใช่หรอ”
“เรื่องแบบนั้นเอาไว้ค่อยคิดตอนอยู่มอปลายก็ได้ ตอนนี้ขอสนใจแค่การสอบก่อน”
มินาโฮะคุยอย่างสนุกสนานกับพ่อแม่
ในตอนนี้เซอิจิสนใจแค่การทานอาหารอย่างเดียว พยายามไม่ร่วมวงสนทนาถ้าเป็นไปได้
จนสุดท้าย เซอิจิทานเสร็จก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ขอบคุณสำหรับอาหาร อาบน้ำต่อเลยได้มั้ย?”
“ได้สิ มินาโฮะก็เข้าก่อนไปแล้วด้วย เหลือแค่พ่อกับแม่นี่แหละ”
เซอิจิออกจากห้องนั่งเล่นและตรงไปห้องน้ำ
ระหว่างที่แช่อยู่ในน้ำอุ่น เซอิจิก็คิดถึงเรื่องคิริน และก็คิดว่าชอบเธอจริงๆ
“อืม ชีวิตยังอีกยาว เดี๋ยวก็เจอคนใหม่เองแหละ”
พยายามจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งก็ตาม แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อการที่เตรียมใจจะยอมแพ้จำเป็นต้องพูดออกไป
“รีบไปนอน ดีกว่า…”
เซอิจิออกจากห้องน้ำ ตรงดิ่งไปห้องแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียง
ถ้าโดนปฏิเสธ ไปคาราโอเกะดีกว่า
ระหว่างคิดถึงเรื่องนั้นตาของเซอิจิก็ปิดลงไป
TL : ตอนที่5 แปลเสร็จแล้วนะ แต่ขอแปลตอนที่6เสร็จก่อน ค่อยลงทีเดียว (◠‿・)—☆