[ นิยายแปล ] สารภาพรักไป99ครั้งก็ยังไม่ไหวงั้นหรอ!? - ตอนที่ 3
เคนกับทาเคชิคิดว่าจะเอาอย่างไงกับสถานการณ์นี้ดี
บางทีถ้าช่วยซัพพอร์ทเซอิจิ อาจจะทำให้ความรู้สึกของคิรินที่มีต่อเซอิจิเปลี่ยนไปก็ได้
ทั้ง2คนคิดแบบนั้น เพื่อเซอิจิก็เริ่มชวนคิรินคุย
“ถึงพวกชั้นจะไม่รู้อะไรมากก็เถอะ แต่เจ้านั่นบอกว่าเป็นเหมือนโชคชะตาอะไรทำนองนี้แหละนะ”
“ใช่ๆ เจ้านั่นนะ เพื่อยามาเสะซังแล้วก็พยายามหลายๆอย่างเลยล่ะ!”
“อย่างงั้นหรอคะ?”
เคนกับทาเคชิ เล่าให้คิรินฟังว่าที่ผ่านมานั้นก่อนเซอิจิจะไปสารภาพรักก็ได้พยายามอะไรหลายอย่างจากที่ได้ยินมาจากข่าวลือสเปคของคิริน
“เป็นอย่างงั้นเองสินะคะ”
“อา พอเจ้านั่นได้ยินว่าเธอชอบคนแข็งแรง เจ้านั่นมันก็ไปเข้าชมรมจูโดแถมยังล้มประธานชมรมได้ภายใน1สัปดาห์และลาออกจากชมรมด้วยนะ ก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่เอาความแข็งแรงนั่นมาใช้กับคนอื่นบ้าง…”
“ตอนนั้นสินะ ประธานชมรมก็มาอวดครวญขอให้พาเซอิจิกลับไปด้วย”
คิรินรู้สึกเศร้าใจที่ได้ยินแบบนั้น
คิรินที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มตั้งคิดว่า รู้สึกผิดที่ไปปฏิเสธการสารภาพรักทิ้งแบบนั้น
“ถึงจะเสียมารยาทก็เถอะ แต่ขอถามหน่อยนะ จำนวนขนาดนั้นแท้ๆทำไมเธอถึงยังปฏิเสธอย่างสุภาพแบบนั้นล่ะ”
“เพราะว่าเขาดูจะจริงจังทุกครั้งเลยนี่นา ก็เลยเกรงใจ…”
สำหรับคิรินนั้นเธอเห็นอกเห็นใจอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่า หลังจากที่คุยกับมิสะไป เธอก็คิดได้ว่าหากยังสุภาพแบบนี้ก็มีแต่จะให้ความหวังเขา เลยคิดได้ว่าจะควรตอบไปให้ชัดเจน
“อา ตรงนั้นก็เข้าใจนะ”
“เน่ ถ้างั้นพูดมาเลยจะไม่ดีกว่าหรอ?”
“หมายถึง?”
“เรื่องพรุ่งนี้ไงเล่า เราก็ไปบอกเซอิจิเกี่ยวความรู้สึกของยามาเสะซังที่มีต่อเซอิจิ แล้วก็จุดไหนที่ไม่ชอบก็บอกไป เพราะอย่างไงผลมันก็ออกมาแบบเดิมอยู่ดีนี่”
“อืม ถึงแบบนั้นจะทำได้ก็เถอะ แต่ถ้าให้พวกเราไปพูดเองมันดูขี้ขลาดนะ”
เคนปฏิเสธข้อเสนอของทาเคชิไป
ถ้าจะให้พูดเกี่ยวกับการไปสารภาพรักครั้งสุดท้ายก็คงจะพูดว่า”กรุณาคบกับผมด้วย”ออกไปอยู่ดี
“อื~ม ลำบากจริงๆนะ”
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ สิ่งที่เราควรคิดตอนนี้คือพายามาเสะซังไปส่งที่บ้านนะ”
ทั้ง2คนนั้นก็ยังกระซิบกัน2คนต่อไป
คิรินรู้สึกสงสัยว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน แต่เพราะรู้ว่าทั้งคู่ไม่อยากให้ได้ยิน คิรินเลยไม่ได้ถามออกไป
“จะว่าไป แย่เลยนะ ยามาเสะซังจะโดนลักพาตัวแบบนั้น”
เคนกับทาเคชิรู้ว่าไม่ค่อยดีที่พูดกัน2คน เลยพยายามชวนคิรินคุยด้วย
“ค่ะ อยู่ดีๆก็มีคนมาจับที่แขน… ก็เลยตกใจค่ะ”
“แถวๆนี้มันมีแต่พวกแปลกๆด้วยนี่นะ”
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพก็ได้นะยามาเสะซัง อย่างไงซะก็ปีเดียวกันนิ”
ถึงแม้ว่า นี่จะเป็นการสนทนากันครั้งแรกแต่คิรินก็ไม่มีแสดงท่าทีเขินอายออกมาเลน
“อืมม งั้นก็ขอเสียมารยาทกับคำพูด พวกเธอ เอ่อ.. อิชิกิคุงสินะ พวกเธอสนิทกับเขาหรอ”
“อื้ม ก็คบกันมานานแล้วอะนะ”
“ปกติเรา3คนก็อยู่ด้วยกันตลอด ก็เลยสนิทกันแบบนี้แหละ”
ทั้งคู่หัวเราะและตอบคำถามของคิริน
ทั้ง3คนนั้นคบกันมาเป็นเวลามากกว่า5ปีแล้ว จึงทำให้ทั้ง3คนสนิทกัน
“สุดยอดเลยนะ แบบนั้น”
“อืม ก็ไม่ได้ผิดหวังเลยนะ เพราะทุกวันๆมีแต่เรื่อง ทำให้วันไหนก็ไม่มีเบื่อเลย”
“ทาเคชิ นั่นเพราะแกกับเซอิจิไม่ใช่รึไง ปกติฉันก็ชอบอยู่เงียบๆอยู่แล้วแต่ก็พวกแกก็เลยโดนเข้าใจผิดไปด้วย”
“โอ่ยๆ ทำเป็นมาแสดงท่าทีคูลๆ แกน่ะตั้งแต่เมื่อก่อนยอมทำทุกอย่างเพื่อไอดอลเลยไม่ใช่รึไง”
“ผิดคาดเลยนะ”
คิรินรู้สึกตกใจกับงานอดิเรกของเคนที่ไม่ตรงกับบุคลิกหน้าตาเอาสะเลย
“เจ้าโง่ ชั้นแค่ใช้จิตใจบริสุทธิ์เชียร์พวกเธอแค่นั้น แล้วก็ไม่เคยไปยุ่งกับใครเลยเฟ้ย”
“พูดมาได้นะ แกน่ะไปต่อแถวรอซื้อสินค้าที่ขายแค่1ท่าน1ชิ้น แล้วลากชั้นกับเซอิจิไปด้วย ให้ไปรอตั้ง3ชั่วโมง”
“เคยมีเวลาว่างกันบ้างมั้ยเนี่ย”
“น่ารำคาญ!!”
คิรินเผลอหัวเราะให้กับปฏิกิริยาของทั้ง2คน
ถ้าไม่สนิทกันคงไม่พูดออกมากันถึงขนาดนี้หรอก
“ดูสิ หัวเราะด้วยล่ะ”
“คนที่หัวเราะมันแกต่างหากเล่า!!”
“ขอโทษนะ แค่ประหลาดใจน่ะ”
คิรินคิดว่าคนพวกนี้จริงๆไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรก็เลยพูดด้วย
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ บ้านฉันอยู่ข้างหน้านี่แหละ แมนชั่นตรงนั้นไง”
“เอาจริงดิ”
“ใหญ่โคตร”
บ้านที่คิรินพูดนั้น เป็นคอนโดสุดหรูขนาดใหญ่ ในที่จอดรถก็เต็มไปด้วยรถที่ดูหรูราคาแพงทั้งนั้น
“ขอบคุณมากนะทั้ง2คน แล้วก็ฝากบอกเขาด้วยว่าขอบคุณนะที่ช่วยไว้”
“เรื่องนั้นยามาเสะซังพูดเองจะดีกว่านะ เจ้านั่นน่าจะดีใจมากกว่า”
“ใช่ๆ อย่างไงซะก็ยังพูดเองพรุ่งนี้ได้อยู่นี่นา”
คิรินเก็บคำพูดของทั้ง2คนเอาไว้
ถ้าเธอปฏิเสธเขาไปจริงจังตั้งแต่ก่อนหน้านี้ คงจะไม่คิดจริงจังขนาดนี้ ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ก็ยิ้มแล้วตอบกลับไป
“อืมเข้าใจแล้วล่ะ ฉันจะไปขอบคุณตรงๆเอง เพราะอย่างไงเรื่องสารภาพรักกับเรื่องที่ถูกช่วยไว้มันก็คนละเรื่องอยู่แล้ว”
“ถ้างั้น ไปกันเถอะทาเคชิ รายกายเพลงจะเริ่มในอีก1ชั่วโมงแล้วนะ”
“เห้ อะ แล้วเจอกัน ยามาเสะซัง”
ด้วยคำพูดนั้น ทั้ง2คนเดินกลับไปทางเดิม
คิรินมองทั้ง2คนพร้อมกับถอนหายใจ
“เห้อ.. แล้วจะปฏิเสธลงมั้ยเนี่ย แบบนี้”
เหนือกว่าเรื่องที่ได้เซอิจิช่วยไว้ ก็คือได้รู้อะไรเกี่ยวกับเซอิจิที่ไม่รู้มาก่อน
เธอแปลกใจที่อารมณ์ของเธอเริ่มเปลี่ยนไป
แต่ว่า จะไม่ปฏิเสธแบบจริงจังก็ไม่ได้
เพราะว่าเธอมีเหตุผลที่คบกับเซอิจิไม่ได้อยู่