[ นิยายแปล ] สารภาพรักไป99ครั้งก็ยังไม่ไหวงั้นหรอ!? - ตอนที่ 1
“ได้โปรดคบกับผมด้วยเถอะครับ!!”
ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม, ฤดูฝนได้เริ่มต้นขึ้นวันที่แสนร้อนยังดำเนินต่อไป ที่หลังยิมในโรงเรียนแห่งหนึ่งนั้น กำลังมีภาพที่ผู้ชายนั้นสารภาพรักกับผู้หญิงอยู่ตรงนั้น.
แต่อย่างไรก็ตาม ฝั่งผู้หญิงนั้นจ้องตาฝั่งผู้ชายและเธอก็ถอนหายใจพร้อมตอบกลับฝ่ายผู้ชายว่า
“จะมากี่ครั้ง คำตอบก็เหมือนเดิมค่ะ”
เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ว่า ก็ไม่ได้กระทบอะไรฝั่งผู้ชายเลย กลับกัน เขายิ้มให้เธอและพูดว่า
“ว่าแล้วเชียว~ ไม่ได้สินะ”
เขานั้นไม่ได้ถูกสั่งให้มาสารภาพรักเพราะเกมลงโทษ ถ้าจะให้พูด นี่เป็นการสารภาพรักที่เขาจริงจังพูดออกไป
ถึงจะถูกปฏิเสธกี่ครั้งก็ตาม เขาก็ยังใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุผลก็เพราะทุกคนในโรงเรียนนั้นก็รู้หมดแล้ว
รวมถึงเธอด้วย
“คิดว่านี่มันรอบที่เท่าไรแล้วคะเนี่ย…”
เธอกุมหัวตัวเองแล้ว พูดออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
เขายิ้มแล้วตอบออกมาอย่างชัดเจน
“ครั้งนี้ครั้งที่98แล้วล่ะ!”
“จะดื้อด้านเกินไปแล้ว!”
ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า อิชิกิ เซอิจิ ได้สารภาพรักกับผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อว่า ยามาเสะ คิริน ไปแล้ว98ครั้งและแน่นอนว่าโดนปฏิเสธหมด
“ฮ่าาา วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมสินะ”
หลังจากที่มาถึงห้องเรียนแล้วเซอิจิก็นั่งลงบนโต๊ะตัวเอง จากนั้นก็นึกถึงเรื่องที่สารภาพรักไปวันนี้
ถึงจะผ่านไป98ครั้งแล้วก็ตาม เซอิจิก็ยังคิดว่าการสารภาพรักเนี่ยรู้สึกประหม่าจริงๆ และไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ออกมาเป็นเหมือนเดิม
“นี่แก เมื่อเช้าก็ไปสารภาพรักกับยามาเสะซังมาอีกแล้วงั้นสินะ”
“ไม่คิดจะยอมแพ้เลยนะ~ แต่นั่นก็เป็นจุดที่น่าชื่นชมของแกจริงๆ”
ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่นี้คือฟุรุซาวะ เค็นกับทาเคดะ ทาเคชิ 2คนนี้เป็นเพื่อนของเซอิจิตั้งแต่ประถม
“รำคาญน่า ไม่เกี่ยวกับพวกแกสะหน่อย”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ทางนี้เองก็รู้สึกสนุกที่มีอะไรให้ดูนะ”
ทาเคชิสนุกที่ได้หยอกล้อเซอิจิ
สำหรับทาเคชิ การสารภาพรักทุกครั้งของเซอิจินั้นเป็นเรืองสนุกของเขาไปเลย
“จะว่าไป แกเนี่ยไม่ยอมแพ้จริงๆนะ ถึงจะน่ารักจริงๆก็เถอะ แต่ถ้าโดนปฏิเสธไปขนาดนั้น ปกติก็ต้องยอมแพ้ไปแล้วไม่ใช่รึไง”
ด้วยท่าทางใจเย็น เค็นพูดออกมาขณะที่กำลังเล่นสมาร์ทโฟนอยู่
ไม่เหมือนกับทาเคชิ เคนนั้นที่เป็นคนใจเย็น ทุกๆครั้งก็จะบอกกับเซอิจิให้ตัดใจยอมแพ้
แต่ไม่ใช่เพราะเย็นชาหรืออะไรหรอกนะ ในฐานะเพื่อนเขาแค่อยากให้เซอิจิได้ไปมีรักใหม่สักที
“ความรักที่ไม่มีทางสมหวังเนี่ย มันก็ช่วยไม่ได้ไม่ใช่รึไง”
“แต่ว่านะเค็น! ฉันน่ะไม่มีทางโกหกต่อความรู้สึกนี้ได้หรอกตั้งแต่ที่ได้พบเธอวันเปิดภาคเรียนวันนั้น ฉันก็คิดมาตลอดเลยล่ะ”
“แล้วคิดว่าไงอะ”
เซอิจิตอบกลับเคนที่ทำท่าทางเหนื่อยใจด้วยดวงตาเปล่งประกาย
“พรหมลิขิต”
“เอาล่ะ เซอิจิไปโรงพยาบาลกัน”
“อะไรเล่า!!”
“ถ้าเป็นจิตแพทย์ล่ะก็ น่าจะรักษาอาการหลงตัวเองแบบนี้ได้”
“เฮ้ นั่นรักษาที่โรงพยาบาลได้ด้วยหรอ เยี่ยมไปเลยน้า”
“พวกแกเนี่ยน้า…”
การหยอกล้อเรื่องสารภาพรักของทั้ง2คน ก็ได้กลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว
ตั้งแต่เปิดภาคเรียนก็ผ่านมา2เดือนแล้ว เซอิจิเริ่มจะคุ้นเคยกับชีวิตในโรงเรียนแล้ว
และในวันเวลาแบบนี้ การสารภาพรักต่อคิรินก็เป็นกิจวัตรไปเช่นกัน
ถึงในใจเซอิจิจะคิดว่าเป็นพรหมลิขิตก็ตาม แต่พักนี้ก็ได้คิดไว้บ้างแล้วว่า
(บางทีฉันควรยอมตัดใจรึป่าวนะ…)
ด้วยเพราะการสารภาพรักที่ล้มเหลวติดๆกัน ทำให้เซอิจิก็เริ่มคิดที่ควรตัดใจ
บางที ยามาเสะซังอาจจะกำลังรำคาญอยู่ก็ได้พอคิดแบบนั้นก็เจ็บหัวใจ
เพราะชอบเธอ เลยไม่อยากสร้างปัญหาให้เธอ
“อิ อิชิกิคุง?”
“หืม โอ้ ประธาน มีอะไรหรอ”
“โม่ อย่าเรียกแบบนั้นสิ ฉันไม่ใช่ประธานสักหน่อย”
“แต่ก็เป็นประธานของชมรมทำอาหารนี่นา อีกอย่างได้ประธานช่วยไว้ด้วย แล้วก็นี่ก็เป็นการเคารพด้วยนะ”
“งะ งั้นหรอกหรอ”
ผู้หญิงที่เข้าร่วมวงสนทนาของพวกเซอิจิมีชื่อว่ามาเอบาชิ ซายากะ ปีหนึ่งเหมือนกันและยังเป็นประธานชมรมทำอาหาร เธอเป็น1ในผู้หญิงไม่รู้กี่คนที่ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย
“วันนี้ก็ไม่ได้หรอ?”
“อา ก็เหมือนทุกทีแหละนะ”
เซอิจิตอบกลับซายากะที่กำลังเป็นห่วงด้วยลอยยิ้มแห้งๆ
“มาเอบาชิก็พูดออกมาแล้วนะ ยอมแพ้ได้แล้ว~”
“ให้คนต่างเพศพูดจะดีกว่านะ อย่าง’ตัดใจแล้วมาคบกับฉันดีกว่า’อะไรทำนองนี้อะนะ”
“พะ พะ พะพูดอะไรของเธอฟุรุซาวะคุง”
เพราะคำพูดของเค็นทำให้ซายากะหน้าแดงกร่ำและรีบพูดออกมา ทาเคชิเห็นสถานการณ์แบบนี้แหละกริ่มยิ้มออกมา
“โอ้ย เค็นพูดอะไรออกมา ที่แกไม่รู้เนี่ยมันเสียมารยาทนะ”
“หืม อะไรล่ะ”
“ประธานน่ะนะ มีคนที่เธอชอบอยู่แล้วนะ เพราะฉะนั้นอย่าพูดเรื่องที่ละเอียดอ่อนแบบนั้นอีกนะ”
ก่อนหน้านี้เซอิจิเคยได้ยินจากซายากะว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
เพราะงั้นเซอิจิที่รู้อยู่แล้ว เลยกังวลกับคำพูดของเค็น
“อาา เพราะรู้แล้ว ถึง..”
“อ๋าาาา! จะว่าไปวันนี้มีเรื่องจะขอร้องล่ะ!”
ซายากะรีบพูดเสียงดังเพื่อกลบคำพูดของเค็น
“ขอร้อง? อะไรงั้นเหรอ”
“อืม ที่จริงแล้วจะมีการจัดงานที่ศาลาชุมชมใกล้ๆนี่ละนะ แล้วชมรมทำอาหารของเราต้องรับผิดชอบเรื่องอาหารในเวลานั้นด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขอให้ช่วยสักหน่อย…”
“แค่นั้นเอง ไม่มีปัญหาหรอก ฉันเองก็ได้ประธานช่วยไว้เหมือนกันนะ”
—————–
ก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างเซอิจิได้เรียนวิธีทำอาหารมาจากซายากะ ทำให้ทักษะทำอาหารของเขาสูงกว่าคนทั่วไป
และช่วงที่เซอิจิกำลังฝึกทำอาหารกับซายะกะ ทั้ง2คนก็เริ่มสนิทสนมมากขึ้น จนมาถึงปัจจุบัน
“จะว่าไป แกฝึกทำอาหารมาได้สักพักแล้วสินะ เพื่ออะไร?”
“อา นั่นเหตุผลอาจจะดูบ้าๆหน่อย แต่ฉันได้ยินข่าวลือมาว่า ยามาเสะซังชอบผู้ชายที่ทำอาหารอาหารเป็น เพื่อการนั้นเลยเข้าชมรมทำอาหาร แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธกลับมาอยู่ดีอะนะ”
“เข้มงวดจังเลยนะ เค็น…”
เค็นพูดคุยโดยที่ยังคงเล่นสมาร์ทโฟนของเขาอยู่
เมื่อเซอิจินึกขึ้นได้ว่าเคยเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ก็ฟุบตัวลงไปบนโต๊ะ
“แต่ว่านะ ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นก็คงไม่ได้มาสนิทกับประธานแบบนี้ คิดว่ามันก็ไม่ได้แย่เท่าไรหรอกนะ อื้ม”
“เน่… อิชิกิคุง ยังจะไปสารภาพอีกหรอ?”
ซายากะพูดกับเซอิจิด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผิดกับบุคลิกของเธอที่มักจะร่าเริงเป็นประจำ
“เอะ?”
ด้วยความเป็นห่วงซายะกะพูดต่อไป
“ไม่ว่าจะสารภาพไปกี่ครั้งก็ถูกปฏิเสธหมดเลยใช่ไหมล่ะ? ฉันเลยคิดว่าบางทีควรจะตัดใจแล้วไปหารักใหม่อาจจะดีกว่ารึป่าว?”
“ประธาน….”
“ฉันน่ะรู้นะความรู้สึกที่อิชิกิคุงมีต่อยามาเสะซังมากขนาดไหน พยายามเพื่อเธอไปตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ เพราะงั้นเลยคิดว่าตัดใจไปหาคนที่ดีกว่าน่าจะดีกว่านะ…”
“ว่าแล้วเชียว แบบนั้น น่าจะดีสินะ…”
“ใช่แล้วล่ะ! ก็พยายามเพื่อยามาเสะซังไปตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่ยัยคนนั้นกับไม่สนใจอะไรเธอเลย! โหดร้าย! คนแบบนั้นน่ะลืมไปเถอะแล้วมาคบกับฉั….”
“เอะ? กับประธาน?”
ซายากะเผลอหลุดคำพูดของเธอออกไป เธอรีบปิดปากของตัวเอง เซอิจิก็สงสัยเกี่ยวกับคำพูดของเธอ
ทาเคชิยิ้มกริ่มให้ทำทั้ง2คน รวมถึงเค็นก็ละสายตาออกจากสมาร์ทโฟนและดูท่าทีทั้ง2คน
“เป็นอะไรหรอประธาน หน้าแดงขนาดนั้น”
“อุ.. ยะ.. อย่างไงก็เถอะ อิชิกิคุงน่ะ ควรไปหาคนใหม่นะ!”
ซายากะพูดและรีบวิ่งออกไปด้วยความเร็ว
“อาา ประธาน อะไรของเธอกันนะ”
ทิ้งไว้แค่บรรยากาศที่ชวนน่าสงสัย ทาเคชิกับเคนถอนหายใจและพูด’ดูแล้วน่าจะใช้เวลาพอสมควรนะเนี่ย’
“นั่นสินะ… ควรตัดใจจริงๆสินะ….”
พวกเพื่อนๆก็พูดออกมา ฉันเองก็เริ่มคิดถึงผลที่ตามมาแล้วล่ะ
คาบเรียนผ่านไปโดยเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ และแล้วก็ถึงหลังเลิกเรียน..
“เอาล่ะ ตัดสินใจได้แล้ว!”
“อะไรของแก”
เค็นกับทาเคชิที่กำลังถือกระเป๋าโรงเรียน ถามเซอิจิกลับมา
เรา3คนปกติหลังเลิกเรียนมักจะพูดคุยและกลับบ้านด้วยกันตลอด รวมถึงวันนี้พวกเรารออยู่ในหัองเรียนที่คนกำลังลดลง
“ฉันน่ะ ถ้าครั้งหน้าพลาดอีกล่ะก็ จะยอมตัดใจเรื่องยามาเสะซังแล้ว”
“โอ้.. ในที่สุด ก็จะได้เก็บซากแกแล้วสินะ!”
“ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงคาราโอเกะให้สำหรับคนอกหักเอง”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นกันเล่า!!”
“ก็ทีผ่านมาก็แบบนี้ไม่ใช่หรือไง”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิฟร่ะ”
ที่2คนนั้นพูดมาก็ถูก ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมาก็พลาดตลอด
แต่ถึงอย่างงั้น มาตอกย้ำกันแบบนี้ก็เหมือนฆ่ากันชัดๆ
ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าครั้งหน้าจะสำเร็จ ถ้าตามปกติแล้วก็ต้องพลาดเหมือนเดิม
“แต่ว่านะ บางที….”
“โอ้ คุณเค็น คุณเซอิจิเขาเริ่มจะสิ้นหวังมากกว่าปกติแล้วล่ะครับ”
“ทำไงได้ล่ะ ดูอย่างไงก็นกชัวร์ๆ แถมอีกอย่าง ยามาเสะซังมีดีอะไรขนาดนั้นนอกจากน่ารัก”
พอเซอิจิได้ฟังคำพูดของเค็น ก็ยิ้มแล้วตอบกลับไป
“ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ ยามาเสะซังน่ะ ทั้งขาที่เรียวยาว ใบหน้าเล็กๆของเธอ ถึงหน้าอกจะไม่มี แต่ก็เป็นผู้หญิงในอุดมคติเลยนะ! เป็นคนที่สุขุมแล้วยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ แถมยังได้รับความไว้วางใจจากคุณครูอีก แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น มันจะดีกว่านี้นะถ้านายไม่ตัดสินจากคนแค่ภายนอกและข่าวลือน่ะ”
“เออ พอแล้ว น่ารังเกียจวะ”
“อย่าพูดว่าน่ารังเกียจนะโว้ย”
เค็นที่ทำท่าทางข่มขื่นกับการอธิบายของเซอิจิ ทำให้เขาโกรธ
“น่าา ก็เป็นที่นิยมนี่นา ใครๆก็ตกหลุมรักเธอทั้งนั้น”
“พ่อรูปหล่อห้อง3นั่นก็โดนปฏิเสธสินะ”
“อา จากชมรมฟุตบอลน่ะหรอ ถูกปฏิเสธไปแบบหมดรูปเลยล่ะ”
“อืม แต่มีไอ้บ้าคนนึงที่ไม่ยอมแพ้สักทีแม้จะโดนปฏิเสธมาแบบหมดรูปเหมือนกันก็ตาม”
เค็นกับทาเคชิหัวเราะและพูดออกมา
เซอิจิโกรธกับการแสดงออกของ2คนนี้และเริ่มกล่าว
“ความรักบริสุทธิ์อะไรเล่า ฉันชอบเธอจริงๆนะโว้ย!”
“อย่าพูดด้วยท่าทางแบบนั้นดิ คิโม่ย”
อย่าพูดว่าคิโม่ยนะโว้ยย!”
เซอิจิกำลังคิดเกี่ยวกับการสารภาพรักครั้งสุดท้ายขณะที่อยู่กับทุกคนในห้องเรียน
และกำลังมองหาวิธีบางอย่างที่คิดว่าจะช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นความสำเร็จ แต่ก็ไม่มี
“คิดไปคิดมา แกเนี่ยสารภาพรักมาทุกวิธี ตั้ง98รอบแล้วนี่นา’
“ถึงจะพูดแบบนั้น..”
พูดถึงเรื่องนั้น เซอิจิลองสารภาพรักมาทุกวิธีแล้ว
หลังเลิกเรียน หลังยิม ดาดฟ้า สารภาพต่อหน้าผู้คน ตอนนี้ไม่เหลืออะไรอยู่ในหัวแล้ว คิดวิธีใหม่ๆไม่ออกเลย
“อาา เอาไงดีเนี่ย”
“คิดว่าแบบปกติเนี่ย ดีที่สุดแล้วนะ”
พูดแบบนั้นออกมา เค็นน่ะจัดว่าค่อนข้างป๊อปในหมู่ผู้หญิงเลยเพราะใบหน้าที่ดูดี ถึงแม้เขาจะปฏิเสธทุกคนทีมาสารภาพรักกับเขา ทั้ง2คนนั้นรับฟังความคิดของเค็น
เค็นถอนหายใจกับปฏิกิริยาทั้ง2คน
“ฮ่า ก็ไม่ได้มีอะไรจะพูดมากหรอกนะ สิ่งที่นายต้องทำมีแค่บอกกับอีกฝ่ายที่ตัวเองคิดจริงๆไปแต่นั้นแหละ”
“ย อย่างนี้นี่เอง”
“ไม่ต้องมีบทประกอบอะไรหรอก แค่บอกไปว่าชอบ ถ้าไม่ได้ก็ตัดใจซะ”
ความคิดเห็นของเค็นนั้นมีเหตุผล ทำให้เซอิจิคิดถึงเรื่องสารภาพรักของเขา
ฉันพยายามทำทุกทางเพื่อส่งความรู้สึกให้ยามาเสะซังแต่ทั้งหมดนั้นเป็นการแสดงไปตามบท ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามันไม่ได้ออกมาจากใจจริง
“เอาล่ะ ถ้างั้นฉันจะจบมันในวันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนล่ะ”
“ตัดสินใจแล้วสินะ ถ้างั้นก็มีที่เดียวที่เราควรไปแล้วละนะ”
“อา นั่นสินะ”
“ตอนนี้เลยหรอ? จะไปไหนกัน?”
เค็นกับทาเคชิเตรียมตัวเก็บของ แต่มีเพียงเซอิจิเท่านั้นที่ยังไม่รู้
“ก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“จะไปกันละนะ”
“แล้วจะไปไหนกันเล่า”
“ปาร์ตี้ปลอบใจคนอกหักไงล่ะ”
“พวกแกกก”
เซอิจิตะโกนใส่ทั้ง2คนโดยที่ไม่รู้ว่าที่จริงเป็นห่วงหรือแค่นึกสนุกเท่านั้น