[นิยายแปล] มีชีวิตสโลว์ไลฟ์ด้วยพร「สร้างหมู่บ้าน」 สุดแกร่ง - ตอนที่ 10
Ch.10 – พวกเขาน่าจะเป็นผู้อพยพละนะ
Provider : Paradox
เวลาได้ผ่านไปเกือบเดือนแล้วตั้งแต่ที่พวกเราได้มายังดินแดนรกร้างแห่งนี้
ก็ต้องขอขอบคุณพร「สร้างหมู่บ้าน」ของผมมากเลยล่ะนะที่ทำให้พวกเรามีชีวิตที่สุขสบายกว่าที่คิดได้แบบนี้
ถึงแม้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมิเลียและเซเลนยังไม่คืบหน้าซักเท่าไหร่ก็เถอะ…แต่อย่างอื่นนอกจากนั้นก็เป็นไปได้ด้วยดีล่ะนะ
ย้อนกลับไปตอนที่ผมยังอาศัยอยู่ในดินแดนของตระกูล ผมได้ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการเรียนรู้เรื่องสำคัญต่างๆที่จำเป็นในอนาคต บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่ผมได้ใช้เวลาไปอย่างเรื่อยเปื่อยในช่วงนี้
ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรอกนะ ดูเหมือนว่าผมจะเริ่มสนุกกับวิถีชีวิตที่มาพัฒนาดินแดนรกร้างเข้าแล้วสิ
ส่วนพืชผลที่ได้ปลูกเอาไว้ในลานเพาะปลูกก็เติบโตได้ด้วยดี จริงๆแล้วเหมือนมิเลียจะบอกว่าพืชผลพวกนี้โตเร็วกว่าปกติมาก ทำให้พวกเราอาจจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเร็วๆนี้
ตอนนี้พวกเรามีลานเพาะปลูกทั้งหมด 4 แปลงแล้ว
ก็แบบไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต้องสร้างแล้ว แต่การจะปล่อยให้เก็บสะสมแต้มเอาไว้โดยที่ไม่ได้ใช้ก็รู้สึกเสียดายไปหน่อย ดังนั้นพวกเราก็เลยตัดสินใจที่จะสร้างลานเพาะปลูกเพิ่มอีกเพราะว่ายังไงในอนาคตพวกเราก็ต้องสร้างเพิ่มอยู่แล้ว บวกกับที่อาจจะมีโอกาสที่พืชผลบางชนิดไม่โตก็ได้หรืออาจจะไม่ได้โตในฤดูกาลนี้ เพื่อป้องกันไว้ก่อนก็เลยต้องลองกับเมล็ดพันธ์หลายประเภท โชคดีที่มิเลียเอาเมล็ดพันธ์มาหลายประเภทละนะ
แต่ว่านะถ้าพืชผลเติบโตเร็วแบบนี้ก็น่าจะมากเกินกว่าที่พวกเราทั้งสามคนจะกินหมดก่อนที่ผลผลิตจะเสียเอาก็ได้นะเนี่ย
“ฉันคิดว่าถ้าเอาผลผลิตที่ได้ไปแช่แข็งด้วยเวทมนตร์แล้วก็เอาไปเก็บรักษาไว้ในโกดัง ก็น่าจะยืดอายุเอาไว้ได้อยู่นะ”
“งั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าเวทมนตร์นี่สารพัดประโยชน์มากหรอกเหรอเนี่ย”
“ฟุฟุ ดีใจใช่ไหมล่ะที่ได้ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยและก็อย่าลืมด้วยนะว่าเป็นฉันนี่แหละที่ทำให้พวกเรามีเนื้อที่แสนล้ำค่ากินอีกด้วย”
เซเลนพูดอย่างภาคภูมิใจขณะที่หันหน้าไปมองมิเลีย
ดูเหมือนว่าช่วงนี้เซเลนจะเข้าไปในอาณาเขตของป่าที่อยู่ห่างไกลออกไปและไปล่าหมูป่ามา ด้วยความสามารถและพรของเธอทำให้การล่าสัตว์คนเดียวก็เป็นเรื่องแสนง่าย อีกทั้งเธอก็ไม่ได้เข้าไปในส่วนลึกของป่าที่ค่อนข้างอันตรายด้วยละนะ
“แหมแต่ก็อย่าลืมสิคะว่าใครกันนะที่ทำให้เนื้อมีรสชาติอร่อยแบบนี้ได้ ไม่เหมือนกับยัยบื้อสมองกล้ามบางคนที่แม้แต่ทำอาหารก็ยังทำไม่เป็นหรอกนะคะ”
มิเลียตอบกลับอย่างสบายๆ
“กรอดดดด….”
โชคร้ายที่ทักษะการทำอาหารของเซเลนมัน…แย่ไปหน่อย
ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดที่จะท้าดวลแข่งทำอาหารกับมิเลีย แต่อาหารที่เซเลนทำกลับมีกลิ่นที่ยอดแย่มากจนถึงขนาดกินไม่ได้แม้แต่คำนึงด้วยซ้ำ
“…น่า น่า ใจเย็นๆกันหน่อยเถอะครับ”
ผมเดินเข้าไปหาระหว่างทั้งสองคนพลางถอนหายใจออกมา
ก็ไม่ได้คิดว่าจะพอมีปัญญาหยุดได้หรอก เลยทำให้เสียงของผมค่อนข้างขาดความมั่นใจ
แต่ว่าอยู่ดีๆเซเลนเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ ทำให้เธอหันหน้าขวับไปทางทิศตะวันตก
“มีอะไรงั้นเหรอ เซเลน”
“เมื่อกี้นายไม่ได้ยินงั้นเหรอ”
“ได้ยินอะไรเหรอ”
“ขอขึ้นไปเช็คที่หอสังเกตการณ์แปปนึง”
หลังจากนั้นเซเลนก็ปีนขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์อย่างคล่องแคล่ว
แน่นอนว่าผมก็ปีนตามขึ้นไป
หรือว่ากลุ่มมอนสเตอร์จะบุกมาที่นี่อีกกัน
ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คงเป็นมอนสเตอร์กลุ่มแรกเลยที่มานับตั้งแต่ที่เซเลนเพิ่งจัดการกลุ่มของก็อบลินกลุ่มที่แล้วไป
พอเธอขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของหอสังเกตการณ์ เซเลนก็ชี้ไปตรงที่พื้นที่ข้างกับกำแพงของหมู่บ้าน
“ดูนั่น เหมือนจะเป็นกลุ่มคนนะ”
“จริงด้วย”
พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มีอยู่ประมาณ 50 คน ซึ่งกำลังมองมาที่พวกเราด้วยความรู้สึกที่ปนเปอย่าง ประหลาดใจและระมัดระวัง
เหมือนว่าพวกเขาจะรู้ตัวแล้วว่าเซเลนกับผมอยู่บนหอสังเกตการณ์
แล้วพวกเขาก็ดูเหมือนกำลังปรึกษากันเองในกลุ่ม แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ห่างไกลเกินไปเลยทำให้พวกเราไม่ได้ยินอะไรเลย
ผมไม่เห็นว่าพวกเขาได้พกอาวุธมาด้วย ดังนั้นน่าจะมีโอกาสต่ำที่พวกเขามาที่นี่เพื่อมาบุกรุกที่หมู่บ้านแห่งนี้
“พวกเขาดูไม่ได้อันตราย ส่วนใหญ่ในกลุ่มประกอบด้วยผู้หญิงและเด็ก ไม่ได้พกอาวุธติดตัวมาด้วย… เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง อีกทั้งยังดูค่อนข้างเหนื่อยล้าอีก ถ้าจะให้เดาพวกเขาน่าจะเป็นผู้อพยพละนะ”
อย่างที่เซเลนได้บอกไป ประมาณ 40 จาก 50 คนในกลุ่มเป็นผู้หญิงกับเด็ก
ในช่วงเวลานี้ ไม่ใช่แปลกเลยที่ผู้คนจะสูญเสียบ้านเกิดของพวกเขาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการต่อสู้
“ได้ยินมาว่ามีการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้นี่นะ ดังนั้นพวกเขาคงจะมาจากที่ไหนซักแห่งที่อยู่แถวนี้ละมั้ง”
นอกจากที่หมู่บ้านนี้ น้ำและอาหารหาได้ยากมากในดินแดนรกร้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนที่มีขนาดใหญ่ คงจะใช้เวลาไม่นานที่พวกเขาทั้งหมดจะค่อยๆตายลงจากความอดอยากหรือความกระหายน้ำ หากไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันได้
เมื่อเห็นอย่างนั้น ผมก็ได้ปีนลงมาจากหอสังเกตการณ์และวิ่งตรงไปหาพวกเขา