[นิยายแปล] ก็แค่ลูกสาวดยุกที่ผ่านทางมา - ตอนที่ 37
Ch.37 – บทแรก ตอนที่37 สัญญาณบอก
Provider : แปลโด18+ก็สนุกดีนะ
元、落ちこぼれ公爵令嬢です。
บทแรก ตอนที่37 สัญญาณบอก
6วันหลังจากออกจากประเทศปาฟีท。พวกแคลร์ก็ได้มาถึงด่านตรวจเยอัส。
「ในเมื่อถึงนี่แล้ว อีกซัก2ชั่วโมงก็คงถึงเมืองหลวงทีลาร์ด」
รุยพูดเช่นนั้นขณะที่พักในคาเฟ่ของเมือง。
ส่วนวีคอยู่ในรถม้ากำลังคุยอยู่กับพวกโดนี่และคีส。ในเมื่อถ้าอยู่ในรถม้าตลอดคงจะเบื่อ วีคจึงอนุญาตให้แคลร์ออกไปข้างนอกโดยมีรุยไปด้วย。
「เมื่อ6เดือนที่แล้ว พวกเราพบกันที่นี่ล่ะเนอะ」
ด้วยคำพูดของแคลร์ รุยก็มองตาและยิ้มอย่างอ่อนโยน。
ทันใดนั้นเอง แคลร์ก็รู้สึกตัว。บรรยากาศที่สงบรอบตัวรุยอยู่เสมอนั้นมีความตึงเครียดอยู่เล็กน้อย。
ตอนที่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติก็รู้สึกถึงความรู้สึกพวกนี้อยู่ แต่วันนี้มันค่อนข้างมากกว่าปกติ。
(อย่างที่คิด พอมาต่างประเทศ ระดับความเฝ้าระวังก็จะมากขึ้นสินะ)
แคลร์ที่รู้สึกสงสัยจึงได้ถาม。
「รุย ดูตึงเครียดมากกว่าปกตินะ」
「รู้สึกด้วยหรือ? ขอโทษที คงทำให้กลัวสินะ」
เมื่อรุยหัวเราะออกมา แคลร์ก็ส่ายหน้าและรีบตอบกลับ。
「ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น。……จะว่าไงดีล่ะ……ดูเท่กว่าปกติน่ะ」
จากนั้นรุยก็กล่าวอย่างเขินอาย。
「เมื่อถึงราชวังแล้ว จำเป็นต้องปลดพรป้องกันของวีค。……เป็นเรื่องทางการทูตน่ะนะ。ประเทศนอสตันนั้นเป็นมิตรจึงไม่มีอะไรต้องกังวล แต่พวกเรามีหน้าที่ต้องปกป้องฝ่าบาทในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด。ดังนั้นเลยค่อนข้างตึงเครียดหน่อยๆน่ะ」
「……ขอโทษด้วยค่ะ。ฉันไม่ได้รู้เรื่องเลย」
แคลร์ได้ตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบอันใหญ่หลวงของอัศวินคุ้มกันของพวกรุยอีกครั้ง。
「ทางนี้ก็ขอโทษเช่นกัน。ที่พูดแนวๆว่าต้องระวังบ้านเกิดของแคลร์อย่างนี้」
「เมื่อคิดถึงหน้าที่ของรุยแล้วมันก็ปกตินั่นแหละ。เมื่อเวลามาถึง ฉันก็ต้องทำตามเช่นกัน! ……ถึงจะไม่มีไพ่ในมือเท่าไหร่ก็เถอะนะ」
แคลร์กำมือประกาศพร้อมกับยักไหล่。
「อุ่นใจขึ้นเยอะเลยล่ะ」
ทั้ง2คนหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี。
หลังจากสนุกกันที่คาเฟ่อยู่พักนึง แคลร์ก็ได้กลับไปยังรถม้าและฟังแผนการของพวกวีคตอนที่ไปถึง。
「ตอนที่ไปถึงคงจะเป็นตอนเย็น。เมื่อไปถึงสิ่งแรกที่ต้องทำคือมอบจดหมายให้ราชาของประเทศนอสตัน。ส่วนพรุ่งนี้ก็จะมีพิธีต้อนรับ หลังจากนั้นก็จะเป็นงานเลี้ยงตอนเย็น」
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่ได้บอกไปล่วงหน้า。แคลร์จึงพยักหน้า。
「งานเลี้ยงพรุ่งนี้แคลร์จะเข้าร่วมในฐานะคู่หมั้นของข้า。เตรียมตัวไว้ด้วยนะ」
「ค่ะ」
「มีแผนจะบอกถึงการหมั้นกับแคลร์ให้ราชาฟังที่งานเลี้ยงน้ำชาหลังพิธีต้อนรับ。ตอนนั้นอาจจะรู้สึกอึดอัดแต่ขอให้ทนหน่อยนะ」
「ค่ะ ฝ่าบาท」
ดวงตาของวีคหนักแน่นเฉียบคมอยู่ตลอดเวลา。แคลร์เองก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเมื่อตระหนักว่าเมืองหลวงใกล้เข้ามาแล้ว。
2ชั่วโมงให้หลัง คณะเดินทางก็มาถึงปราสาทประเทศนอสตันตามแผนที่วางไว้。
จากเมืองปราสาทไปจนถึงปราสาท ประชาชนต่างให้การต้อนรับอย่างดี ซึ่งวีคที่โดดเด่นนั้นมีคีสนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนแคลร์ไปนั่งรถม้ากับพวกสาวใช้ติดตาม。ถ้าแอบมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็จะเห็นวิวเมืองแบบเก่าที่อยู่อีกด้านของผู้คนที่มากมาย。
ทันทีที่ถึง ดั้งเดิมแล้วพวกวีคจะไปมอบจดหมายให้กับราชา แต่ผู้ที่ออกมาพบที่หน้าราชวังก็คือเจ้าชายลำดับที่1อัสเบลนั่นเอง。
(……!)
แคลร์จึงซ่อนตัวในเหล่าสาวใช้ติดตามโดยไม่ได้ตั้งใจ。
ด้วยแคลร์ที่ตัดผมสั้นและใส่เสื้อผ้าต่างประเทศ ก็รู้อยู่ว่าอัสเบลคงจะไม่สังเกตเห็น แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่จะลบตัวตนของตัวเองออกไป。
「ถ้างั้น ไปล่ะนะ」
「ไปดีมาดีค่ะ ฝ่าบาท」
หลังจากแคลร์มองส่งพวกวีค ก็ได้ไปห้องรับรองกับเหล่าสาวใช้ติดตาม。
เมื่อเข้าไปในราชวัง ก็ได้มองไปยังวิวกำแพงขาวรอบๆที่คุ้นเคย。กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ไม่มีในสวนของราชวังประเทศปาฟีททำให้แคลร์ลำรึกถึงความหลัง。
(ถึงจะไม่ได้นานอะไรเท่าไหร่ แต่ยังไงดีล่ะดูน่าคิดถึงจัง)
ในฐานะคู่หมั้นของเจ้าชายลำดับที่1 แคลร์จึงเข้าออกในราชวังประเทศนอสตันตั้งแต่ยังเด็กอยู่หลายครั้ง。
แม้หลังจากการรับศีลจุ่มเมื่อตอนอายุ15จะทำให้แคลร์มาเยี่ยมน้อยลง แต่ว่าราชวังก็เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของแคลร์จากการจัดการต่างๆของพ่อเบนจามินและราชาก่อนหน้านั้น。
『ตอนนั้นอาจจะรู้สึกอึดอัดแต่ขอให้ทนหน่อยนะ』
อยู่ดีๆแคลร์ก็นึกถึงคำพูดของวีคในรถม้าได้ขึ้นมา。
(คิดว่าคงหมายถึงไม่อยากให้เด่นจนกว่าจะถึงงานเลี้ยงน้ำชาพรุ่งนี้ล่ะมั้ง)
แคลร์ทำการจัดผ้าคลุมไหล่ที่คลุมตั้งแต่หัวลงมาถึงไหล่。
「อะเร๊ะ?」
แคลร์อยู่ดีๆก็รู้สึกตัวขึ้นมา。
ในระหว่างที่กำลังรำลึกความหลังในราชวัง แคลร์ก็ได้หลงกับเหล่าสาวใช้ติดตาม。
ทั้งแอบโผล่ที่มุมทางเดิน ทั้งมองไปข้างหลัง แต่ก็ไม่เห็นใครเลย。
(แย่แล้วสิ มัวแต่รำลึกความหลังจนสะเพร่าไปซะแล้ว)
แม้จะคุ้นเคย แม้จะรู้โครงสร้าง แต่แคลร์ไม่รู้ว่าห้องรับรองที่ถูกจัดให้นั้นอยู่ส่วนไหน。
แถมยังโชคร้ายที่ตอนนี้อยู่ในส่วนพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยห้องทำงานของชนชั้นสูงมากมายและเหล่ารัฐมนตรี。
(ยังไงก็ตาม คงต้องไปที่ที่คนน้อยๆ)
「ทำอะไรอยู่หรือ」
ขณะที่แคลร์กำลังใจร้อนก้าวอย่างเร่งรีบ ก็มีเสียงที่เย็นชาอันคุ้นเคยดังขึ้นมา。
ในจังหวะเดียวกัน ผ้าคลุมไหล่ที่เอาคลุมหัวอยู่ก็เหมือนกับถูกอะไรแข็งๆปัดออก。
(……っ)
ก่อนที่แคลร์จะได้คิดอะไร ผู้ชายที่เอาดาบมาปัดผ้าคุลมไหล่ออกก็ส่งเสียงอย่างประหลาดใจ。
「……คุณแคลร์!」
ที่อยู่ตรงนั้นคือคนใกล้ชิดของอัสเบล ซาโลมอนนั่นเอง。
แต่ว่า ก็ไม่ใช่ว่าแคลร์จะไม่คาดคิดว่าจะมีสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อเข้ามาในราชวังของประเทศนอสตัน。แคลร์จึงทักทายใจเย็นอย่างที่ได้เตรียมมา。
「ไม่ได้เจอกันนานนะคะ ท่านซาโลมอน。วันนี้มาในฐานะสมาชิกคณะผู้แทนของประเทศปาฟีทค่ะ。จะรู้สึกขอบคุณมากถ้าไม่ถูกปฏิบัติตัวเยี่ยงบุคคลต้องสงสัยค่ะ」
จากนั้นก็หยิบนาฬิกาพกออกมา ซึ่งมีตราของวีคอยู่ข้างๆและทำการยิ้ม。
「นี่มัน ของตระกูลราชวงศ์ปาฟีท……! ต้องขอโทษด้วยครับ。……ได้ยินมาว่าหายไปไร้ร่องรอย。……แน่ใจว่า……ไม่สิ ยังปลอดภัยก็ดีเหนือสิ่งอื่นใดครับ」
ดวงตาของซาโลมอนที่ปกติอ่านไม่ออกกลับกรอกไปมาอย่างอารมณ์ไม่คงที่。ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แคลร์นั้นแม้ตกเป็นเป้าหมายของตระกูลมีด แต่ก็ไม่เคยรู้สึกถึงเงาที่คืบคลานเข้ามาจากประเทศนอสตันเลย。บางทีคงจะคิดว่าได้ตายไปแล้ว แต่จากการคาดเดาของพวกเขาก็ไม่ผิดเท่าใดนัก。
「หุหุ。คุณก็เช่นกัน」
ปฏิกิริยาของซาโลมอนนั้นอย่างกับเห็นผี แต่สำหรับแคลร์กลับรู้สึกอยากหัวเราะมากกว่าที่จะโกรธ。
ซาโลมอนนั้นเป็นมือขวาที่ไปโรงเรียนพร้อมกับอัสเบล ซึ่งแคลร์รู้จักเป็นอย่างดี。เขาเป็นคนที่ช่วยเหลืออัสเบสในเรื่องต่างๆ。แต่หลังจากแคลร์ถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวที่โรงเรียน ดูเหมือนเขาจะถอยห่างจากอัสเบลด้วยสายตาที่เย็นชา。เมื่อคิดดูแล้ว ขณะที่คนอื่นปฏิบัติอย่างกับว่าแคลร์ไม่ได้อยู่ที่นั่น มีแต่เขาที่ไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงท้ายสุด。
(ค่อยยังชั่วที่เจอซาโลมอน)
แคลร์เปลี่ยนความคิดใหม่。
「พอดีรำลึกความหลังมากไปจนหลงน่ะ。พอจะบอกได้ไหมคะว่าต้องไปทางไหน」
「จะนำทางไปให้ครับ เชิญทางนี้」
เมื่อซาโลมอนได้รับการยืนยันจากตราของนาฬิกาพกที่แคลร์นำขึ้นมา เขาก็เปลี่ยนมาสุภาพในทันที。
ทั้ง2คนแม้จะมีความหลังด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่แบบพูดไปยิ้มไป。
ขณะที่นำทางไปห้องรับรอง ความเงียบก็ยังคงมีต่อไปเรื่อยๆ。
ในระหว่างทางนั้นเอง แคลร์ก็เปิดปากขึ้นมา。
「การต้อนรับของประชาชนที่เมืองปราสาทก่อนหน้านี้ประทับใจมากเลยค่ะ。ฝ่าบาทวีคของประเทศปาฟีทเองก็มีสายตาที่กว้างไกล คิดว่าคงอยากสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง2ประเทศค่ะ」
ดวงตาของซาโลมอนเปิดกว้างต่อความประทับใจของแคลร์。
「เพราะว่าเป็นท่านซาโลมอน คงมองออกทุกอย่างสินะคะ」
แคลร์ทำการพูดต่อ。
「ก็ไม่ได้มีประสงค์ร้ายอะไร แต่ทั้ง2คนนั้นเหมาะสมกันดีนะคะ。สำหรับฝ่าบาทอัสเบล ความรักของชาร์ลอทที่มีให้ เป็นดั่งสมบัติของประเทศในอนาคตค่ะ。ด้วยการที่อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน หวังว่าทั้ง2ประเทศจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะคะ」
ไม่มีการตอบจากซาโลมอน มีแต่ความเงียบกลับมาอีกครั้ง。
ก๊อก ก๊อก มีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้ง2ที่ดังก้องทั่วทางเดิน。
「……ผม ในฐานะคนใกล้ชิดของฝ่าบาทอัสเบล มีความเห็นว่ามีการทำสิ่งผิดพลาดลงไปที่ไม่สามารถกู้คืนมาได้ครับ」
ซาโลมอนหยุดและพูดออกมา。สำหรับแคลร์แล้วนั่นก็เป็นการพูดไม่มาก แต่สีหน้านั้นจริงจัง。
「คุณแคลร์……ผมนั่น……」
ซาโลมอนบางทีที่ถามขึ้นมานั้นคงจะคิดว่าแคลร์เป็นนักบุญหรืออะไรซักอย่างภายใต้ราชวงศ์โดยตรง。คำถามนี้เองก็ทำให้แคลร์นึกถึงคืนที่ตัดผมและออกจากโรงเรียน。คืนนั้นที่ได้รู้ว่าความภาคภูมิใจที่ตัวเองยึดถือมันก็เป็นแค่จินตนาการ。
แคลร์ยืดหลังตรงและพูดน้ำเสียงคุณหนู。
「อย่าถามคำถามโง่ๆอย่างนั้นมากไปกว่านี้สิคะ」
「……ขอโทษด้วยครับ」
ซาโลมอนก้มหัวต่ำ。ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็หยุดอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว。เป็นการขอโทษอย่างสุดซึ้งที่ยาวนาน。
「นี่คือส่วนที่อนุญาตให้คณะตัวแทนของประเทศปาฟีทใช้สินะ。ขอบคุณที่นำทางมาค่ะ」
แคลร์พูดเช่นนั้นและเปิดประตูเข้าไปโดยไม่หันกลับมามอง。
―――――
「ฝ่าบาท มีเวลาซักหน่อยไหมครับ」
หลังจากเสร็จสิ้นการเป็นสักขีมอบจดหมายให้ราชาจากคณะตัวแทนจากประเทศปาฟีท ซาโลมอนก็ได้กระซิบที่ข้างหูอัสเบล。
「อะไร」
「คือ ตรงนี้มันค่อนข้าง。ไปที่ห้องทำงานเถอะครับ」
แม้คณะตัวแทนจากประเทศปาฟีทจะออกไปแล้ว แต่ก็ยังมีเหล่ารัฐมนตรีและชนชั้นสูงเหลืออยู่เยอะ。และยังมีพ่อของแคลร์อยู่ด้วย。
ซาโลมอนที่เฝ้าสังเกตการณ์โดยไม่เปิดปากพูดมาตลอด6เดือน ไม่ต้องการให้เบนจามินมาได้ยินอย่างเด็ดขาด。
อัสเบลและซาโลมอนจึงรีบกลับไปที่ห้องทำงาน。
「แล้ว มีอะไรงั้นรึ。มีปัญหาอะไรสำคัญในพิธีรึ」
「อืม ถ้าจะบอกว่าเป็นปัญหา มันก็เป็นปัญหาครับ」
ซาโลมอนพูดต่อโดยไม่ลังเล。
「เมื่อกี๊ พึ่งพบคุณแคลร์ในราชวังครับ」
จังหวะนั้นในทันที เวลารอบอัสเบลก็หยุดนิ่ง。
เขาจ้องมองที่พื้นอยู่ครู่นึง จากนั้นก็เอามือมาอังหน้าผาก และจ้องไปที่ซาโลมอนอย่างไม่อยากเชื่อ。
「……ล้อเล่นกันรึเปล่า? ได้ยินว่าหายไปไม่รู้ร่องรอยตรงด่านเยอัสนี่。ตระกูลมัลทีโน่เองก็บอกว่าค้นหาไม่พบด้วย」
「ดูเหมือนจะเป็นสมาชิกในคณะตัวแทนจากประเทศปาฟีทครับ。มีตราประทับของเจ้าชายลำดับที่1แห่งประเทศปาฟีทด้วยครับ」
「……หมายความว่าไง。ก่อนอื่นเลยต้องติดต่อดยุกมัลทีโน่」
「แล้วจะทำอะไรเมื่อติดต่อเธอได้ครับ」
ซาโลมอนที่ไม่เห็นด้วยกับอัสเบลทำการถามกลับด้วยคำถามซึ่งผิดปกติ。
「ชาร์ลอทคงอยากพบไม่ใช่รึไง。คงจะดีใจแน่」
「จะเป็นอย่างนั้นหรือครับ……คุณแคลร์ดูไม่เห็นเป็นอย่างนั้นเลยนะครับ」
ซาโลมอนพูดต่อแบบแกล้งโง่。
「ก็ไม่อยากอวดดีนะครับ。แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฝ่าบาทดูจะตัดสินถูกผิดไม่ได้ในช่วงที่คุณแคลร์กับคุณชาร์ลอทอยู่พร้อมกันทั้ง2คนนะครับ。ในฐานะที่ผมเป็นคนใกล้ชิด ตอนที่ยกเลิกการหมั้นกับคุณแคลร์ไปเป็นคุณชาร์ลอท ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไร。เหตุผลนั่นก็เพราะ ประเทศนี้ต้องการพลังเวทที่แข็งแกร่งของตระกูลมัลทีโน่ครับ」
「ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา。นอกจากนี้ มันไม่ดีตรงไหนที่ยื่นมือไปหาชาร์ลอทที่ร้องไห้หลบมุมอยู่รึ」
「แต่ว่า เข้าใจถึงผลใช่ไหมครับว่าคุณแคลร์จะไม่มีที่ไป。จำเป็นจริงๆหรือครับที่ต้องตราหน้าว่าเป็นคุณหนูดยุกผู้ล้มเหลว ต้องยึดเก้าอี้ประธานสภานักเรียนคนต่อไป ต้องยึดห้องในหอพักมาจากคุณแคลร์。คุณแคลร์ในตอนนี้ ดูเหมือนจะสร้างฐานะจนได้รับตราสำคัญอันมีเกียรติที่ประเทศปาฟีทเลยนะครับ。เกรงว่าถ้าไปดูถูกเธอ คงจะได้รับความโกรธเกรี้ยวจากเจ้าชายลำดับที่1ของประเทศปาฟีทแน่นอน。…………ผมไม่ได้พูดเพื่อคุณแคลร์เท่านั้น。แต่เพื่อฝ่าบาทและประเทศนี้ในอนาคตด้วยครับ。」
และซาโลมอนก็กระซิบเบาๆเพิ่มเติม。
「ดั้งเดิมแล้ว……ผมไม่เห็นว่าเธอจะทำอะไรไม่ดีกับคุณชาร์ลอทน้องต่างแม่เลยนะครับ」
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เล็กน้อย ถ้ามีคำพูดอะไรว่าร้ายชาร์ลอท อัสเบลคงจะมีปฏิกิริยา。เมื่อได้ยินการว่าร้ายนินทา คงจะลงโทษเหล่าคุณหนูชนชั้นสูงพวกนั้น โดยใช้สิทธิพิเศษของเจ้าชายกล่าวว่า『ชาร์ลอทไม่ได้เป็นแบบนั้น』。
อย่างไรก็ตาม คงเพราะช่วงนี้ไม่ได้คุยกับชาร์ลอทเท่าไหร่ จึงไม่โกรธกับคำพูดของซาโลมอน。กลับกันนั้น อัสเบลกลับประหลาดใจในตัวเองที่เห็นด้วยกับคำพูดของซาโลมอนนิดหน่อย。
(……)
「……หากเป็นสมาชิกของคณะตัวแทนแล้วละก็ คงจะมีโอกาสถูกแนะนำจากฝั่งนั้น。ดูสถานการณ์ไปอย่างนี้ก่อนละกัน」
「ครับ」